ยันต์สังวาลเป๊ก เครื่องรางล้านนา

ตะกรุดสังวาลเพชรป้องกันภัย หรือยันต์สังวาลเป๊ก เครื่องรางล้านนา

ยันต์สังวาลเป๊ก หรือยันต์ 108 , ยันต์สังวาลเป๊ก หรือ ” ตะกรุดสังวาลเพชรป้องกันภัย ” เป็นตะกรุดคล้องคอ มีเอกลักษณ์อย่างล้านนา นิยมทำด้วยโลหะ หากเป็นทองและเงิน จะเน้นที่ความเป็นมหานิยม หรือถ้าจะเน้นด้านคงกระพัน ป้องกัน จะทำด้วยโลหะอื่นอย่าง ทองแดง ทองเหลือง หรือตะกั่ว เชื่อกันว่ายันต์สังวาลเป๊ก จะช่วยคุ้มภัยได้สารพัด ทั้งป้องกัน ทั้งเข้มขลังมหาอุด.

ยันต์สังวาลเป๊ก แบบโบราณ ผู้สร้างต้องลงอักขระ บนแผ่นโลหะให้ได้ 54 คู่ รวมแล้ว 108 ชิ้นร้อยสลับกัน ไม่ให้ผิด ปิดด้วยพ่อยันต์แม่ยันต์ เพื่อรักษาอาคมนั้น ส่วนสุดท้ายคือยันต์จำปาสี่ต้น หรือยันต์เก้ากุ่ม บ้างก็มีเฉพาะยันต์เก้ากุ่ม ซึ่งเน้นที่เมตตา ป้องกัน แคล้วคลาด ส่วนเส้นด้ายที่ใช้ร้อยสังวาลเป๊ก ต้องเป็นฝ้ายที่ปลูก ปั่น และย้อมเองจึงจะดี แต่ถ้าซื้อก็ห้ามต่อรองราคา

ยันต์อีกประเภทหนึ่ง ที่มีคุณลักษณะคล้ายกับยันต์สังวาลเป๊ก คือ ยันต์หัวใจ 108 สำหรับมัดเอว(บ้างก็เรียกตะกรุด 108 หรือ ยันต์ 108) ต่างกันที่ความยาว และขนาด รวมทั้งวิธีร้อยเชือก ในส่วนอักขระที่เหล่าเกจิอาจารย์จารลงแผ่นโลหะ คือหัวใจของพระคาถา อาจมีสูตรเฉพาะของแต่ละอาจารย์ก็ได้ เล่ากันว่า นิยมลงอักขระเฉพาะวันอังคาร อังคารละดอก หนึ่งเดือนทำได้เพียง 4 ดอก และหากจะได้ครบ 108 ดอก ต้องใช้เวลาเนิ่นนานมาก ดังนั้นจึงพบว่ามีเฉพาะลูกศิษย์ลูกหาใกล้ชิดเท่านั้นที่ได้ครอบครอง.

ตะกรุดจำปา 4 ต้น รุ่นสอง ปี 61 พระอาจารย์กอบชัย วัดแม่ยะ

ตะกรุดจำปา 4 ต้น รุ่นสอง ปี 61 พระอาจารย์กอบชัย วัดแม่ยะ

 

มีดหมอ

มีดหมอ “เทพศาสตรา” สยบไพรี

“มีดหมอ” เป็นเครื่องรางของชลังยุคเก่า ที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา สำเร็จขึ้นด้วยไสยเวทชั้นสูงของเกจิอาจารย์ ผู้แก่กล้าวิชาอาคม ถือเป็นเทพแห่งศาสตราวุธทั้งปวง ใช้พกพาติดตัวสำหรับคุ้มครองป้องกัน และสยบทำลายศัตรู ที่ว่าคุ้มครองป้องกันนั้น คือ ใช้ป้องกันคุณไสย ของอาถรรพ์ ที่มีผู้กระทำขึ้นด้วยจิตคิดร้าย ทั้งยาสั่งยาดำ ใช้กำราบขับไล่มนต์ดำภูตผีปีศาจ และยังเป็นอาวุธสยบไสยเวทของศตรู ” แม้แต่คนที่มีวิชาอาคมหนังเหนียว อยู่ยงคงกระพันฟันไม่เข้า หากถูกแทงด้วยมีดหมอ ก็จะต้องเลือดตก ”

ตำราการสร้างมีดหมอ

ตำราการสร้างมีดหมอมีหลายสำนัก ต่างกันทั้งกรรมวิธี วัสดุส่วนประกอบของตัวมีด พิธีกรรมการปลุกเสก ตามตำราสร้างที่ตกทอดสืบกันมา กล่าวกันว่า ใบมีดตีขึ้นจากโลหะอาถรรพ์หลายชนิด ได้แก่ ” ตะปูสังฆวานร ” เป็นตะปูตะกั่วใช้ตอกยึดเครื่องไม้ภายในโบสถ์ เมื่อมีการรื้อโบสถ์เก่า ก็จะเก็บตะปูไว้ เพราะถือว่าผ่านการสวดปฏิโมกข์ ของพระสงฆ์ภายในโบสถ์มาเป็นเวลายาวนาน , ” ตะปูตอกโลงศพ ” เมื่อสัปเหร่อเผาศพพร้อมโลง แล้วจะเก็บตะปูพร้อมกับ ” เหล็กที่ใช้ทิ่มผี “(เหล็กใช้เขี่ยศพในขณะเผา) นำไปให้หลวงพ่อสร้างมีดหมอ.

นอกจากนี้ ส่วนประกอบของมีดหมอยังมี ” บาตรแตก ” ใช้ลงอักขระยันต์ ” เหล็กน้ำพี้ ” เป็นเหล็กชั้นดีสมัยโบราณใช้ทำดาบออกศึก เมื่อรวบรวมไดครบแล้ว หาฤกษ์ยามบวงสรวงก่อน หลอมกับเหล็กชนวนแล้วตีเป็นใบมีด เบ้าหลอมต้องลงอักขระยันต์ต่างๆ ช่างตีมีกต้องถือศีลนุ่งห่มผ้าขาว เมื่อหลอมโลหะตีเป็นแผ่นแล้ว จึงนำไปให้พระอาจารย์ผู้ปลุกเสกจารยันต์ ลงอักขระยันต์บนแผ่นโลหะ แล้วนำกลับไปหลอมใหม่ ตีเป็นแผ่นโลหะแล้วนำกลับไปให้อาจารย์จารแผ่นโลหะอีกครั้ง ทำเช่นนี้หลายครั้ง ตามแต่ตำรา จะเห็นว่า แม้แต่ขั้นตอนการรวบรวมโลหะ และตีใบมีด ยังยุ่งยากซับซ้อนขนาดนั้น การจัดสร้างมีดหมอทั้งด้าม จึงเป็นงานละเอียดลึกซึ้ง ” พระอาจารย์ผู้สร้าง ต้องทรงคุณวิเศษแก่กล้าเอกอุ จึงจะสามารถประสิทธิ์ประสาทมนตราอาคม ให้มีดหมอทรงมหิทธานุภาพ อย่างเลีศล้ำเป็นพิเศษได้ ”

พระหูยาน ลพบุรี เนื้อชินเงิน กรุใหม่

พระหูยาน ลพบุรี พิมพ์ใหญ่ กรุใหม่ เนื้อชินเงิน

พระหูยาน ลพบุรี มีการขุดค้นพบที่กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี เป็นหลัก จึงนิยมเรียกกันติดปากว่า ” พระหูยาน ลพบุรี ” นอกจากนี้ยังมีปรากฏที่กรุอื่นๆอีก เช่น กรุวัดอินทาราม กรุวัดปืน กรุวัดราษฎร์บูรณะ อยุธยา , พระหูยาน วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี , พระหูยาน กรุวัดค้างคาว จ.เพชรบุรี และพระหูยานเมือสรรค์ เป็นต้น.

พระหูยาน ลพบุรี มีทั้งหมด 3 พิมพ์คือ พระหูยานพิมพ์ใหญ่ ขนาดสูงประมาณ 5.5 cm. พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก ซึ่งจะมีขนาดลดหลั่นกันลงมา นอกจากนี้วงการพระเครื่อง ยังมีการกำหนดลักษณะ หรือ ศิลปะของพระหูยาน ลพบุรี แยกเป็นสองแบบคือ พระหูยานหน้ายักษ์ และพระหูยานหน้ามงคล สำหรับด้านหลังพิมพ์ของ พระหูยานลพบุรี จะมีเอกลักษณ์เหมือนกันหมดทุกพิมพ์ คือ เป็นลายผ้ากระสอบความถี่ หยาบเหมือนกันทุกองค์.

พระหูยาน ลพบุรี เนื้อชินเงิน กรุใหม่พระหูยาน ลพบุรี เนื้อชินเงิน กรุใหม่พระหูยาน ลพบุรี เนื้อชินเงิน กรุใหม่

พระหูยาน ลพบุรี เนื้อชินเงิน กรุใหม่

ปั้นเหน่ง ราหูอมจันทร์

วัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง อาจารย์เฮง ไพรยวัล

อาจารย์เฮง ท่านเป็นเลีศในหลายๆด้าน ทั้งไสย ทั้งศิลป์ และท่านยังเป็นที่ซี้ปึกกับ ครูเหม เวชกร , ครั้งหนึ่งครูเหมออกปากว่า…”หน้าพรหม ไม่มีใครเขียนให้เห็นได้ทั้งสี่หน้า ที่อาจารย์เฮง คนเดียว ที่เขียนได้ ” ท่านสร้างวัตถุมงคล และเครื่องรางของขลัง.

อาารย์เฮง ไพรยวัล

วัตถุมงคล อาจารย์เฮงไพรยวัล

เครื่องรางของขลัง อาจารย์เฮง สร้างไว้มีหลายอย่างคือ พระพรหมจะทำด้วยงากำจัด งากำจาย โลหะเงิน ทอง นาค ตะกรุดมหาจักรพรรดิ แหวนโลหะ ปลัดขิก ผ้ายันต์ ภาพวาสรูปเทพ ลงอักขระคชสีห์ สิงห์ เสือ เนื่องจากอาจารย์เฮง เป็นผู้อัจฉริยะในด้านการช่างอย่างน่าอัศจรรย์ ดังจะเห็นได้ว่า เครื่องรางของขลังแต่ละชิ้นนั้น ศิลป์วิจิตรงดงาม หากสังเกตรอยจารลายมือสวยมาก การเขียนภาพต่างๆ มีมิติลึกซึ้ง การแกะสลักได้สัดส่วน ยากที่จะมีอาจารย์ใดเสมอเหมือน ด้านพุทธคุณเป็นที่เลื่องลือว่าสุดยอดของคงกระพัน แคล้วคลาดปลอดภัย กันภูตผีปีศาจ เพิ่มพูนในเรื่องของเมตตามหานิยม เช่น เหรียญพรหมสี่หน้า อาจารย์เฮง มีหลายรูปแบบทั้ง หน้าโล่ห์ ทรงกลม ข้าวหลามตัด และเครื่องรางของขลังอีกหลายรูปแบบ…เป็นที่นิยมมานาน ของแท้นั้นหาดูไม่ง่ายนัก…

อาจารย์เฮง ไพรวัล

สมเด็จชนะมารบันดาลทรัพย์ รุ่น มหาเศรษฐีมีสุข หลวงพ่อทองคำ วัดถ้ำตะเพียนทอง ปี 52

สมเด็จชนะมารบันดาลทรัพย์ พิมพ์โพธิ์ 9 ใบ หลังพระแม่โพสพ

รุ่น มหาเศรษฐีมีสุข หลวงพ่อทองคำ วัดถ้ำตะเพียนทอง ปี 52

สมเด็จชนะมารบันดาลทรัพย์ รุ่น มหาเศรษฐีมีสุข หลวงพ่อทองคำ วัดถ้ำตะเพียนทอง ปี 52

สมเด็จชนะมารบันดาลทรัพย์ เทพแห่งโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ ความสำเร็จ มั่งมีศรีสุข พิมพ์โพธิ์ 9 ใบ หลังพระแม่โพสพ รุ่น มหาเศรษฐีมีสุข ฝังตะกรุดสามกษัตริย์ พลอยเสก เส้นเกศาหลวงปู่.

องค์นี้เป็น องค์ครู จากชุดกรรมการ ตอกโค๊ตใต้ฐาน สร้างเพียง 276 ชุดเท่านั้น ฉลองครบรอบ 76 ปี หลวงพ่อทองคำ อินฺทวํโส วัดถ้ำตะเพียนทอง จ.ลพบุรี.

สมเด็จชนะมารบันดาลทรัพย์ รุ่น มหาเศรษฐีมีสุข หลวงพ่อทองคำ วัดถ้ำตะเพียนทอง ปี 52

พิธีพุทธาภิเษก

พิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดถ้ำตะเพียนทอง เมื่อ 16 สิงหาคม 2552. ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกโดย หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน อยุธยา , หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก อยุธยา , หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดง อยุธยา , หลวงพ่อเสน่ห์จันทร์ วัดจันทรังษี ขอนแก่น และพระพิธีธรรมสวดพุทธาภิเษก 4 รูปจากวัดระฆังฯ.

ขนาดองค์พระ 3.5 x 5.5 Cm.

สมเด็จชนะมารบันดาลทรัพย์ รุ่น มหาเศรษฐีมีสุข หลวงพ่อทองคำ วัดถ้ำตะเพียนทอง ปี 52

สมเด็จชนะมารบันดาลทรัพย์

สมเด็จชนะมารบันดาลทรัพย์

องค์นี้มีความพิเศษ มีทั้งข้าวสารก้นบาตร และเกศาหลวงปู่ด้วย

สมเด็จชนะมารบันดาลทรัพย์

สมเด็จชนะมารบันดาลทรัพย์

 หลวงพ่อทองคำ วัดถ้ำตะเพียนทอง

หลวงพ่อทองคำ วัดถ้ำตะเพียนทอง

พระสมเด็จ พิมพ์ปรกโพธิ์ เนื้อแก่ปูน

พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุเก่า

พระสมเด็จบางขุนพรหมเป็นพระในสกุล “พระสมเด็จวัดระฆัง” ที่สร้างโดย เสมียนตาเจิม และปลุกเสกโดยสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี เป็นที่พึงปรารถนาแก่ประชาชนที่เคารพกราบไหว้พระเดชพระคุณอันประเสริฐของท่าน นับวันวัตถุมงคลนี้กำลังจะหายากยิ่ง และราคาก็สูงขึ้นเช่นเดียวกัน  เราเองเป็นผู้หนึ่งที่เคารพบูชาท่าน และได้มีโอกาศครอบครองพระในสกุลพระสมเด็จวัดระฆัง และพระสมเด็จบางขุนพรหมหลายรุ่น จึงได้พยายามศึกษาค้นคว้าประวัติของสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี และการสร้างพระสมเด็จ เทียบเคียงกันทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ ความเป็นมากับหลักการทางวิทยาศาสตร์ และร่วมศึกษาหาความรู้ด้วยกันกับท่านทั้งหลาย เพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทาน.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

การสร้างพระสมเด็จของ สมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี 

ปี พ.ศ. 2410 สมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี ท่านได้เริ่มสร้างพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนปางโปรดสัตว์ (ยืนอุ้มบาตร) โดยใช้ซุงทั้งต้นเป็นฐานราก และดูแลการก่อสร้างด้วยตัวท่านเองที่วัดอินทรวิหาร ซึ่งเป็นวัดที่ท่านได้จำพรรษาอยู่เมื่อครั้งยังเป็นสามเณร  ในระหว่างการก่อสร้างเสมียนตราด้วง ต้นสกุล ธนโกเศรฐ และเครือญาติได้ปวารณาตนเองเป็นโยมอุปัฏฐากของสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี.

ถึงปี พ.ศ. 2411″ เสมียนตราด้วง” ต้นสกุล “ธนโกเศศ” ได้ทำการบูรณะพระอารามวัดใหม่อมตรส และปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ไว้เพื่อเป็นมหากุศล และเป็นพระเจดีย์ประจำตระกูล  ตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น โดยได้สร้างพระพระเจดีย์ขึ้นสององค์ องค์ใหญ่เพื่อบรรจุพระพิมพ์ต่างๆ ตามโบราณคติในอันที่จะสืบทอดพระพุทธศาสนา และสร้างเจดีย์องค์เล็กเพื่อบรรจุอัฐิธาตุบรรพระบุรุษ โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411  จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2413 จึงแล้วเสร็จ จากนั้นจึงได้กราบนมัสการขอความเห็นจากสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี ในการสร้างพระสมเด็จ เพื่อสืบทอดทางพุทธศาสนา และเป็นการสร้างมหาบุญแห่งวงศ์ตระกูล  สมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี ท่านได้ให้อนุญาติ และมอบผงวิเศษที่ใช้ในการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังของท่านให้ส่วนหนึ่ง (จากบทความของนายกนก สัชฌุกร ที่ได้สัมภาษณ์ท่านเจ้าคุณธรรมถาวร ตอนมีชีวิตยุคสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี  ได้ความว่า ได้ผงวิเศษประมาณครึ่งบาตรพระ และทุกครั้งที่ตำในครก ท่านเจ้าประคุณสมเด็จจะโรยผงวิเศษของท่านมากบ้างน้อยบ้าง ตามอัธยาศัย จนกระทั่งแล้วเสร็จ) เมื่อได้ผงวิเศษแล้ว เสมียนตราเจิม และทีมงานก็ได้จัดหามวลสารต่างๆ ตรงตามตำราการสร้างพระสมเด็จของ สมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี ทุกประการ.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

การแกะแม่พิมพ์พระสมเด็จของสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี 

ในเรื่องของการสร้างพิมพ์ขึ้นมาใหม่นั้น มีการจัดสร้าง และแกะแม่พิมพ์แม่แบบขึ้นมาใหม่ทั้งหมดจำนวน 9 พิมพ์ เป็นพิมพ์ชิ้นเดียวตัดขอบและปาดหลัง โดยฝีมือของช่างสิบหมู่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แต่น่าจะเป็นคนละทีมกับช่างที่แกะแม่พิมพ์พระสมเด็จวัดระฆัง แต่เนื่องด้วยเป็นฝีมือช่างในยุคเดียวกัน มีศิลปะในสกุลช่างเดียวกัน และต้นแบบที่สำคัญคือพิมพ์พระสมเด็จวัดระฆัง ดังนั้นพระสมเด็จบางขุนพรหม จึงมีความสวยงามใกล้เคียงกันกับพระสมเด็จวัดระฆังเป็นอย่างยิ่ง.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พิมพ์พระสมเด็จบางขุนพรหมทั้ง9พิมพ์

1 . พิมพ์ใหญ่

2 . พิมพ์ทรงเจดีย์

3 . พิมพ์เกศบัวตูม

4 . พิมพ์เส้นด้าย

5 . พิมพ์ฐานแซม

6 . พิมพ์สังฆาฏิ

7 . พิมพ์ปรกโพธิ์

8 . พิมพ์ฐานคู่

9 . พิมพ์อกครุฑ

จำนวนที่จัดสร้าง สันนิษฐานกันว่า 84,000 องค์ เท่ากับพระธรรมขันธ์ พระสมเด็จที่สร้างเสร็จจะมีเนื้อขาวค่อนข้างแก่ปูน.

การปลุกเสกโดยสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี ได้เจริญพระพุทธมนต์ และปลุกเสกเดี่ยว จนกระทั่งบริบูรณ์ด้วยพระสูตรคาถา.

เมื่อผ่านพิธีปลุกเสกเป็นที่สุดแล้ว ได้มีการเรียกชื่อพระสมเด็จนี้ว่า “พระสมเด็จบางขุนพรหม” ตามตำบลของของที่ตั้งพระเจดีย์ และได้ถูกนำเข้าบรรจุกรุในพระเจดีย์ใหญ่ และพระเจดีย์เล็กทั้งสิ้น ไม่มีการแจกจ่ายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง รวมทั้งมีข้อสันนิษฐานว่า ได้นำพระสมเด็จวัดระฆังลงบรรจุกรุด้วย ดังที่หลายๆท่านนิยมเรียกกันว่า “กรุสองคลอง”

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

การลักลอบเปิดกรุพระสมเด็จ และการตกพระ

หลังจากที่ได้บรรจุพระสมเด็จไว้ในพระเจดีย์ทั้งสองแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2413 จนกระทั่งเกิดวิกฤตกับประเทศในกรณีพิพาทกับประเทศฝรั่งเศษ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และนกรณีพิพาทอินโดจีน ได้มีการลักลอบเปิดกรุถึงสามครั้ง คือครั้งที่1 พ.ศ. 2425 , ครั้งที่2 พ.ศ. 2436 และครั้งที่3 พ.ศ. 2459

ในการลักลอบเปิดกรุทั้งสามครั้งนั้น ผู้ลักลอบได้ใช้วิธีต่างๆเช่น การตกเบ็ด โดยใช้ดินเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมๆ ติดกับปลายเชือก หย่อนเข้าไปทางรูระบายอากาศ ติดพระแล้วดึงขึ้นมา การใช้น้ำกรอกเข้าไปทางรูระบายอากาศ เพื่อให้น้ำไปละลายการเกาะยึดขององค์พระเป็นต้น ซึ่งการลักลอบเปิดกรุทั้งสามครั้งนั้น  พระสมเด็จที่อยู่บนส่วนบนจึงสวย มีความสมบูรณ์  นักนิยมพระสมเด็จเรียกกันว่า “พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุเก่า” ซึ่งลักษณะของวรรณะจะปรากฏคราบเพียงเล็กน้อย หรือบางๆเท่านั้น พิมพ์คมชัดสวยงาม เนื้อหนึกนุ่มละเอียด มีน้ำหนัก และแก่ปูนพระสมเด็จบางขุนพรหม.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

ารเปิดกรุพระสมเด็จอย่างเป็นทางการ

ท้ายที่สุดคือการลักลอบขุดกรุที่ฐานในปี พ.ศ. 2500 วิธีนี้ได้พระไปเป็นจำนวนมาก(เป็นที่มาของพระสมเด็จบางขุนพรหมกรุธนา เรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรง ของพระภิกษุวงศ์ สุธรรมโม หรือพระอาจารย์จิ้ม กันภัย ได้ใจความว่า ในตอนกลางคืนฝนตกไม่หนักมากนัก นักเลงพระทางภาคเหนือ ได้ร่วมกันลักลอบเจาะที่บริเวณใกล้ฐานของพระเจดีย์พอตัวมุดเข้าไปได้  และได้นำพระออกไปได้เป็นจำนวนมาก จนหิ้วพระไม่ไหว ประกอบกับกลัวเจ้าหน้าที่จะพบเห็น จึงทิ้งไว้ข้างวัดก็หลายถุง มีบุคคลผู้หนึ่งชื่อธนา บ้านอยู่ละแวกวัด ได้เก็บพระชุดนี้ไว้เป็นจำนวนมาก  จะเก็บได้จากผู้ที่ลักลอบทิ้งไว้ หรือซื้อมาก็มิอาจทราบได้  แต่ภายหลังได้ขายให้กับ คุณแถกิงเดช คล่องบัญชี ซึ่งเป็นศิษย์ของท่านเอง และต่อมาได้เขียนหนังสือร่วมกับนายสุคนธ์ เพียรพัฒน์ เรื่อง”สี่สมเด็จ ” ซึ่งพระสมเด็จบางขุนพรหมที่ซื้อมามีทั้งที่สวยงาม มีคราบกรุน้อย และคราบกรุหนาจับกันเป็นก้อนก็มี) จนกระทั่งทางวัดใหม่อมตรส ได้ติดต่อกรมศิลปากรเข้ามาดูแล และเปิดกรุอย่างเป็นทางการโดยเชิญ พลเอกประภาส จารุเสถียร เป็นประธานในพิธีเปิดกรุเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500 พระที่นำออกมาครั้งนั้น นักนิยมพระสมเด็จเรียกกันว่า “พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุใหม่”

เมื่อนำออกมาคัดแยก คงเหลือพระที่มีสภาพดี สวยงาม เพียง 3000 องค์เศษเท่านั้น ที่เหลือจับกันเป็นก้อน หักชำรุดแทบทั้งสิ้น ลักษณะของวรรณะส่วนใหญ่จะมีคราบกรุค่อนข้างหนา และจับเป็นก้อน ที่สภาพดีจะพบว่าผิวของพระเป็นเกร็ดๆทั่วทั้งองค์ หรือที่เรียกว่าเหนอะ มีคราบไขขาว ฟองเต้าหู้ คราบขี้มอด จะตั้งชื่อหรือเรียกว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ล้วนเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับปูน และเนื้อมวลสารที่เป็นองค์ประกรอบของพระสมเด็จทั้งสิ้น ทั้งสภาพเปียกชึ้น ร้อน เย็น และถูกแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานกับดินโคลนเป็นต้น  แต่แปลกตรงที่ว่า “พระสมเด็จบางขุนพรหม” เมื่อถูกใช้ซักระยะเนื้อจะเริ่มหนึกนุ่ม ใกล้เคียงกับ”พระสมเด็จวัดระฆัง” เป็นอย่างยิ่ง.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พิมพ์นิยม กับ พระสมเด็จบางขุนพรหม

ในเรื่องของทรงพิมพ์ที่เรียกกันว่า พิมพ์นิยม 9 พิมพ์นั้น พิมพ์ที่พบน้อยที่สุดคือ พิมพ์ปรกโพธิ์ กล่าวกันว่ามีไม่ถึง 20 องค์ และที่สำคัญยังพบพิมพ์ไสยาสน์อีกหลายแบบ มีประมาณไม่เกิน 22 องค์ ซึ่งในปัจจุบันหาดูได้ยาก  ในส่วนของกรุพระเจดีย์เล็ก นักเลงพระในยุคนั้น ไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่ปรากฏว่าหลังจากเปิดกรุก็ได้พบพระสมเด็จอยู่มากมาย นับได้เป็นพันองค์ ทรงพิมพ์ที่พบได้แก่ พิมพ์ฐานคู่ พิมพ์ฐานหมอน พิมพ์สามเหลี่ยม(หน้าหมอน) พิมพ์จันทร์ลอย ลักษณะของวรรณะคราบกรุจะไม่มาก จะมีความสวยงามกว่ากรุพระเจดีย์ใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันหาดูได้ยาก เช่นกัน.

พระสมเด็จ พิมพ์ปรกโพธิ์ เนื้อแก่ปูน

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม กับ ตราประทับ

หลังจากการเปิดกรุอย่างเป็นทางการ ทางวัดได้ประทับตราที่ด้านหลังขององค์พระ เพื่อป้องกันการปลอม เรีกกันว่า “ตราน้ำหนัก” และจำหน่ายในราคามากพอสมควร แต่ก็หมดลงในเวลาไม่นานนัก ในช่วงเวลาดังกล่าว พระที่ถูกขโมยออกจากกรุไป กลับมาจำนวนมาก โดยที่ประมาณในกรุมีทั้งหมด 84,000องค์ เปิดกรุได้ 3000 เศษ (แต่ให้บูชาได้  2750 องค์ พระหาย) ชำรุดประมาณไม่เกิน 1000 องค์ เท่ากับว่า พระหายออกจากกรุประมาณ 70,000 องค์ และกลับมาในเวลาดังกล่าวส่วนหนึ่ง โดยให้คนเข้าไปในวัดแล้วเช่าพระออกมาดูตราน้ำหนักของวัด แล้วปลอมขึ้น จะได้ขายได้ แล้วก็ขายกันข้างวัดเลย  แต่ก็ดูไม่ยาก คือ พระที่ขโมยออกไปมีสภาพสวย คราบกรุน้อย ปั๊มตราจะเห็นชัด ครบทั้งหมด.

ส่วนพระที่เปิดกรุ ปี 2500 หลังจะไม่สวย คราบกรุเยอะ  ตรายางจะไม่ชัด การสังเกตตรายาง ตรายางสมัยก่อนจะเนื้อแข็ง ปั๊มได้บนพื้นที่ราบเรียบ ดังนั้นบนคราบกรุ หรอรูบ่อน้ำตรา และขี้กรุที่สูงๆต่ำๆ จะไม่ติดชัด(ใช้ไม้บรรทัดวางแนวหาองศาดูได้ ว่าตรายางอยู่บนแนว 180 องศาหรือเปล่า) ถ้าเป็นตรายางสมัยใหม่จะเป็นยางซิลิโคลน จะมีความนุ่ม และจะปั๊มชัดมาก แม้กระทั่งในรูเล็กๆ สีของตรายางเองก็ต้องเปลี่ยนไป เป็นสีน้ำเงินม่วง หรือม่วงอมแดง ต้องไม่ใช่สีน้ำเงิน และไม่ใช่สีฟ้า เพราะผ่านมา 60 กว่าปีแล้ว(ปัจจุบัน พ.ศ.2565) , ส่วนองค์พระนั้น ตอนที่บรรจุกรุอยู่ในหลุมถูกวางเรียงหงายหน้าขึ้น และซ้อนกันหลายชั้น พระจึงมีแรงกดจำนวนมาก และมีความชื้นตั้งแต่แรก ทำให้พระบางองค์ติดกัน และบิดงอไปทางด้านหลังส่วนใหญ่ และทำให้เกิดเนื้อเกินหลังองค์พระ ที่มีอายุเท่ากับองค์พระนั้นเอง(ตอนเปิดกรุพบบางขุนพรหมชำรุดด้านหน้าเป็นจำนวนมาก) และพระอยู่ในกรุ 87 ปี ด้านหลังจะไม่เห็นรอยปาดแล้ว มีแต่คราบเหนอะ คราบกรุเท่านั้น.

จากตรงนี้ผู้เขียนในทรรศนะคติผู้ใดที่ครอบครอง”พระกรุบางขุนพรหม” และพระอยู่ในสภาพสวยมากๆ ต้องพิจารณาให้ดี.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระแก้วมรกต ลงรักปิดทอง หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี พิมพ์เล็ก

พระแก้วมรกต ลงรักปิดทอง หลังยันต์ หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี

พระแก้วมรกต ลงรักปิดทอง พิมพ์เล็ก และพิมพ์ใหญ่ ลงรักปิดทอง หลังยันต์ดวงประสูติพระพุทธเจ้า หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ จ.ชลบุรี มีพิธีใหญ่ เริ่มหายากแล้ว สององค์นี้ผ่านการใช้ สภาพสวยสมบูรณ์.

พระแก้วมรกต ลงรักปิดทอง หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี พิมพ์ใหญ่

“หลวงปู่เริ่ม ปรโม” แห่งวัดจุกกะเฌอ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี  ท่านก็เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร แม้สนนราคาค่านิยมในวัตถุมงคลของท่าน จะไม่สูงเทียบเท่าหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ก็ตาม แต่ประสบการณ์อภินิหารในวัตถุมงคลของท่าน ทุกรุ่นทุกแบบ ปรากฎเด่นชัดขึ้นทุกวัน ทำให้ของๆท่านนั้นหายากขึ้นทุกที ใครมีต่างก็หวงแหน ไม่ออกตัวกันง่ายๆ.

พระแก้วมรกต ลงรักปิดทอง หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี พิมพ์ใหญ่

วัตถุมงคลชุดนี้จัดสร้างราวๆปี พ.ศ.2513 พิธีใหญ่ไม่ธรรมดา ตั้งแต่ช่างที่ออกแบบ แกะแม่พิมพ์ได้สวบงดงามมาก คนแกะแม่พิมพ์คือ ช่างเกษม ที่แกะพระแก้วมรกตชุดไตรภาคีของท่านเจ้าคุณนรฯนั่นเอง.

พิธีปลุกเสก

พิธีปลุกเสก มี หลวงปู่เริ่ม วัดจุกกะเฌอ เป็นประธานเจ้าพิธีจุดเทียนชัย

หลวงปู่บู๊ (พระครูวรกัณฑราจารย์) วัดบางพระวรวิหาร

หลวงพ่อฉิ่ง วัดบางพระวรวิหาร

หลวงพ่อทองเริ่ม วัดบางพระวรวิหาร

และเกจิที่มีชื่อเสียงอีกหลายท่าน ร่วมพิธีปลุกเสกในครั้งนั้น (มีข้อมูลหลายที่ ว่า ท่านเจ้าคุณนรฯ ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วย)

พระแก้วมรกต ลงรักปิดทอง หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี พิมพ์ใหญ่

พระแก้วมรกต ลงรักปิดทอง หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี พิมพ์เล็ก

พระแก้วมรกต ลงรักปิดทอง หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี พิมพ์เล็ก

พระแก้วมรกต ลงรักปิดทอง หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี พิมพ์เล็ก

หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด

ตะกรุดเป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่ถูกสร้างขึ้นโดยอ้างถึงพุทธคุณ และทำมาจากวัสดุต่างๆ ตามตำราของครูอาจารย์แต่ละท่าน ตะกรุดได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะเชื่อกันว่าตะกรุดสามารถปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายให้แคล้วคลาด คงกระพัน รวมทั้งเรื่องโชคลาภ เมตตามหานิยม มีความโชคดีทั้งหลายทั้งปวง.

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ในปัจจุบันนั้น ตะกรุดถูกนำมาผสานเข้ากับการออกแบบที่สวยงาม โดดเด่นจนกลายเป็นเครื่องประดับที่แฝงพุทธคุณไว้อย่างลงตัว นั่นจึงทำให้ตะกรุดได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แม้ในหมู่คนดังและผู้ที่นิยมชมชอบทุกเพศทุกวัย.

ตะกรุดคือเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง เปรียบเสมือนวัตถุมงคลทำจากวัสดุง่ายๆ ตามพื้นถิ่น สร้างโดยเกจิอาจารย์ท่านนั้นๆ เพื่อมอบให้ลูกศิษย์ หรือว่าลูกศิษย์นำโลหะหรือของพื้นถิ่น อาทิ เงิน ทอง ตะกั่ว ทองแดง ทองเหลือง ฯลฯ มาให้เกจิอาจารย์ทำการลงอักขระยันต์ แล้วปลุกเสกนำมาแจกให้ลูกศิษย์พกติดตัวเพื่อเป็นมงคล จึงเป็นที่มาของตะกรุดต่างๆ ของแต่ละอาจารย์ แต่วิวัฒนาการสมัยนี้หากเกจิอาจารย์หรือวัดใดจะสร้าง ก็สามารถสั่งโรงงานได้ง่ายๆ มีโหละหาได้ง่าย สร้างแม่พิมพ์ขึ้นมาเป็นเลขยันต์ปั๊ม เพราะฉะนั้นการทำตะกรุดในปัจจุบันจะทันสมัยมากขึ้น.

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

 

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

สุดยอด เครื่องรางของขลัง พร้อมอิทธิปฏิหาริย์ที่ได้รับการกล่าวขานถึง คือ ผู้ใดได้บูชา ย่อมเป็นสิริมงคล นำความสำเร็จ ร่ำรวย รุ่งเรือง สู่ชีวิต.

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

ตะกรุดโทนมหาระงับ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ลงรักถักเชือกลายจระเข้ขบฟัน เนื้อตะกั่ว

ตะกรุดโทนมหาระงับ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม เนื้อตะกั่วถักเชือกลายจระเข้ขบฟัน

ตะกรุดโทนมหาระงับ คงกระพัน ที่ชั้นยอดของอดีตย์เกจิอาจารย์ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ลงรักถักเชือกลายจระเข้ขบฟัน เนื้อตะกั่ว 3.9 นิ้ว.

คำว่า ” มหา ” เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เสมอ ตะกรุดหลวงพ่อคง ตามสูตรขนาด 3-5 นิ้ว จะเป็นตะกรุดมหาระงับ และถ้าขนาด 5 นิ้วขึ้นไปจะเป็นตะกรุดมหาปราบ.

ตะกรุดมหาระงับมีพุทธคุณมากมายหลายประการอันได้แก่ :

– หากเดินทางพร้อมกันมีตะกรุดดอกเดียวสามารถคุ้มครองกันได้ทั้งหมด

– มหาอำนาจสำหรับแม่ทัพ นายกอง ผู้ที่เป็นเจ้าคนนายคน

– ป้องกันอาวุธนานับประการ ที่เรียกกันว่าแคล้วคลาดปลอดภัยนั่นเอง

– บูชาไว้ที่บ้านป้องกันฟืนไฟ และโจรขโมยได้เป็นอย่างดี

– หากมีคดีความให้อาราธนา ทำน้ำมนต์แล้วจะโชคดีมีชัย

จากคำกล่าวขานเป็นที่เลื่องลือว่ากันว่า ตะกรุดของหลวงพ่อคงนี้ ท่านจะไม่ทำให้ใครง่ายๆ ต้องเป็นคนดีมีวาสนาจริงๆ ท่านถึงจะทำตะกรุดให้ และกว่าจะได้ต้องรอกันเป็นปีเลยถึงจะได้.

ตะกรุดโทนมหาระงับ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ลงรักถักเชือกลายจระเข้ขบฟัน เนื้อตะกั่ว

ตะกรุดโทนมหาระงับ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ลงรักถักเชือกลายจระเข้ขบฟัน เนื้อตะกั่ว

ตะกรุดโทนมหาระงับ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ลงรักถักเชือกลายจระเข้ขบฟัน เนื้อตะกั่ว

ตะกรุดโทนมหาระงับ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ลงรักถักเชือกลายจระเข้ขบฟัน เนื้อตะกั่ว

 

ตะกรุดโทนมหาระงับ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ลงรักถักเชือกลายจระเข้ขบฟัน เนื้อตะกั่ว

ตะกรุดโทนมหาระงับ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ลงรักถักเชือกลายจระเข้ขบฟัน เนื้อตะกั่ว

หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ปี 43

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ 108 รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ปี 43 พิธีพุทธาภิเษก 5 วาระดังนี้ :

– ทำพิธีวัดป่าหนองหล่ม จ.สระแก้ว เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2543.

– พิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถ วัดสุทัศน์ 16 มีนาคม 2543 มีหลวงปู่ลมัย หลวงพ่อเพียน ร่วมปลุกเสกด้วย.

– พิธี ณ วัดสุทัศน์ วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2543.

– พิธีเสาร์ 5 ณ วัดป่าหนองหล่ม 8 เมษายน 2543 หลวงปู่หมุน เป็นประธานในพิธีร่วมกับ หลวงปู่ถอง อายุ 102 ปี , หลวงปู่ลมัย อายุ 101 ปี , หลวงพ่ออิน ศิษย์เอกหลวงพ่อเอีย หลวงปู่สรวง นักบุญแห่งบ้านสายลม จ.บุรีรัมย์ ร่วมอธิษฐานจิตตั้งกสิณไฟ ปลุกเสกในเวลาตี 3 กว่าด้วย.

– พิธี ณ วัดซับลำไย ในวันที่ 9 เมษายน 2543 โดยหลวงปู่หมุน อธิษฐานจิตตั้งธาตุ หนุนธาตุ ชักยันต์ ครอบมณฑนพิธีอย่างตั้งใจ.

ผู้ใดได้ครอบครองมีไว้จักเป็นสิริมงคล พุทธคุณเหลือล้น เป็นเมตตามหานิยม ค้าขายดีมีโชคลาภ คงกระพัน แคล้วคลาด ช่วยปัดเป่าสิ่งอัปมงคล แล้วแต่จะอารธนาใช้ ของดีมีน้อย หายาก ติดบ้านติดรถติดตัวไว้ ดีนักแล.

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

 

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมานไม้แกะ หน้ากระบี่ หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น แห่งวัดศาลากุน ขึ้นชื่อเรื่องอิทธิฤทธิ์แรงกล้าเข้มขลัง มาเป็นเวลายาวนาน จัดอยู่ในทำเนียบสุดยอดเครื่องรางระดับเบญจภาคี คู่เคียงมากับเสือ หลวงพ่อปาน จนมีคำกล่างคล้องจองกันว่า “เสือ หลวงพ่อปาน หนุมานหลวงพ่อสุ่น”

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมานเป็นทหารเอกของพระราม มีฤทธิ์เดชมาก มีกำลังวังชามหาศาล คล่องแคล่วว่องไว มีมนต์เสน่ห์มหานิยมสูงส่ง เมื่อหลวงพ่อสุ่นจัดสร้างและปลุกเสกด้วยพระเวทย์อาคม จึงยิ่งทรงอานุภาพเข้มขลัง ” มีคุณวิเศษทางป้องกันศาสตราวุธต่างๆ อยู่ยงคงกระพัน อำนวยโชคลาภ ก่อเกิดเมตตมหานิยม ติดต่องานสำเร็จรวดเร็ว ทำกิจการเจริญก้าวหน้ามั่นคง สามารถเอาชนะอุปสรรคนานัปการ ”

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น แกะสลักจากไม้และงาช้าง องค์ที่แกะจากไม้เป็นหนุมานยุคแรกๆ ไม้ที่ใช้แกะเป็นรากไม้พุดซ้อนและรากไม้รัก ซึ่งหลวงพ่อสุ่นนำทั้งสองต้นมาปลูกตั้งแต่เพิ่งมาอยู่วัดศาลากุน ท่านเสกน้ำมนต์รดน้ำจนเติบใหญ่ ค่อยนำมาแกะขึ้นรูปเป็นหนุมาน  และองค์ที่แกะจากงาช้างมีจำนวนน้อยกว่า

หลวงพ่อสุ่นปลุกเสกหนุมานแจกหลายวาระ แต่ครั้งสำคัญที่มีผู้จำได้ 2 ครั้งคือ ปี 2468 และ ปี 2470 ทั้งสองครั้งประมาณหลักหลายร้อยตัว.

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น จุดสังเกตของเก่าแท้

หนุมานแกะสลักขึ้นด้วยมือ รายละเอียดแต่ละองค์จึงไม่เหมือนกัน แต่มีเค้าโครงแบบพิมพ์ที่คล้ายกัน คือ หนุมานนั่งยอง มือกุมเข่าทั้งสองข้าง อ้าปากเห็นลิ้น หางม้วนรอบฐาน ส่วนใหญ่มีขนาดสูงประมาณ 1 นิ้วเศษ งานแกะฝีมือช่างชั้นครู สัดส่วนทรวดทรงสวยงามได้รูป การลงมีดเจาะเฉาะตามซอกลึกมีเหลี่ยมมุมงดงาม ต่างจากของปลอมที่ฝีมือหยาบ สัดส่วนรูปทรงบิดเบี้ยวไม่งาม รอยขูดเกลาผิวมักหยาบไม่เรียบร้อย การเก็บงานในซอกเล็กไม่ประณีตเท่าของแท้.

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่นมี2พิมพ์หลัก 

– พิมพ์หน้าโขน แต่งองค์ด้วยเครื่องทรงรายละเอียดวิจิตรงดงามแบบโขนรามเกียรติ์ รูปแบบหนุมานนั่งยอง มือกุมเข่า อ้าปากเห็นลิ้น หางม้วนรอบฐาน

– พิมพ์กระบี่ ศิลปเรียบง่ายคลาสสิค รอบคอมีกรองศอ หรือ เกราะคอ ด้านหลังมีผ้าห้อยปิดต้นขา รูปแบบหนุมานนั่งยอง มือกุมเข่า อ้าปากเห็นลิ้น หางม้วนรอบฐาน.

นอกจากนี้ยังมีพิมพ์พิเศษ เช่น พิมพ์นั่งพนมมือ พิมพ์ยืนพนมมือ แต่มีจำนวนน้อย

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

การปลุกเสกหนุมานหลวงพ่อสุ่น

การปลุกเสกหนุมานของหลวงพ่อสุ่นนั้น ท่านรวบรวมหนุมานใส่ไว้ในบาตร นำเข้าไปปลุกเสกในโบสถ์ ปลุกเสกตั้งแต่ค่ำจนย่ำรุ่ง กล่าวกันว่า “ท่านปลุกเสกจนหนุมานกระโดดได้ก่อนจะนำออกแจก”

หนุมานหลวงพ่อสุ่นมีความเก่าถึงปัจจุบันร่วม 100 ปีเข้าไปแล้ว เนื้อไม้ที่แกะเป็นรูปหนุมานจึงแห้งเก่าเป็นพิเศษ ไม่เหลือความชื้นในเนื้อไม้ ตัวหนุมานแห้งเบา อาจมีสีเข้มบริเวณจุดสำผัส

ส่วนองค์ที่แกะจากงานั้น เนื้องาจะแห้งนวลเนียนเป็นธรรมชาติ บริเวณจุดสำผัสเป็นมันฉ่ำ บางตัวอาจมีคราบสีเข้มในซอก และมีรอยแตกเป็นริ้วเล็กๆ เนื่องจากงาแห้งหดรัดตัวปรากฏให้เห็น.

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน เนื้อไม้แกะ ฐานอุดชันโรง

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน หนุมาน หลวงพ่อสุ่น ศิลป์สวย สภาพสมบูรณ์ ราคาหลักหมื่นถึงแสนเลยทีเดียว.

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท

ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท

ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท ทำจากหนังวัวฟ้าผ่าตำราทำเครื่องรางเสี่ยงโชค ลงอักขระที่แผ่นโลหะ พันเชือกด้ายจูงผีตายโหง เป็นหนังวัวเพศผู้ ฟ้าผ่าตกบ่ตาย ได้มาแต่ภูพาน ลูกศิษย์ท่านถวายมาให้สร้างของขลังตามตำราว่าใช้เสริมดวงชะตา ช่วยหนุนดวงชะตา กลับร้ายให้กลายเป็นดี ใช้เรียกทรัพย์ ทำมาค้าขายดี พนันขันต่อเสี่ยงดวง เลข หวย ดีเยี่ยมเห็นผลทันใจ.

ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท


วัวตนนี้พระอาจารย์ ท่านว่าถูกตามตำรามีธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ครบถ้วน อิทธิฤทธิ์ทั้งเป็นเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด เสี่ยงดวงพนันขันต่ออยู่ในตัว ท่านได้ลงวิชาหัวใจพรายกระชิบ อันเป็นเลีศด้านการเสี่ยงดวง เสี่ยงโชค พนันขันต่อ เล่นเลข หวย หุ้น แข่งม้า ทุกประการ ลงนะหลงไหล นะมหาเสน่ห์ นะมหาละลวย ปลุกเสกด้วยหัวใจโลกธาตุ ดีเลีศครอบจักรวาล ดีทุกประการ ตามแต่จะอธิษฐานเอาเทอญ…

คาถาปลุกตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน

อุเยอะเย   สะมุหุติ  สุสิสุสัง  สุวะตะติ

( สวด 3 จบ ) อธิษฐานเอาเทอญ ประเสริฐทุกประการแล.

ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท
ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท
ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท
ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท
ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท
ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท
ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท
ตะกรุดหนังวัวฟ้าผ่าทะลายบ่อน พระอาจารย์เทพ เทพอินโท
พระอาจารย์เทพ เทพอินโท พระอาจารย์เทพ เทพอินโท

 

 

ตะกรุดมหาอุดขฌาน พระอาจารย์สุรภัทร เกจิขมังเวทย์แห่งภูเวียง

ตะกรุดมหาอุดรุกขฌาน พระอาจารย์สุรภัทร สิริมังคโล

เกจิขมังเวทย์แห่งภูเวียง

ตะกรุดมหาอุดรุกขฌาน ของสุดยอดพระเกจิขมังเวทย์แห่งภูเวียง พระอาจารย์สุรภัทร สิริมังคโล ศิษย์มีครูเหมือนงูมีพิษ , ตะกรุดมหาอุดรุกขฌาน ครูวิชาสายฌานฤาษีนี้แรงมากๆ  ยอดตะกรุดที่ขึ้นชื่อลือชาสร้างประสบการณ์มากมายด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด หยุดเขี้ยวงา , อิทธิวิธีลงมหายันต์ตะกรุดมหาอุดรุกขฌาน จารมือทุกดอก ล้อมด้วยพระคาถาพระเจ้าสิบหกพระองค์ และ กระทู้เจ็ดแบกเรื่องคงๆ เหนียวๆ มหาอุด

พระอจารย์สุรภัทร สิริมังคโล แห่งภูเวียง.

ประสบการณ์จริงจากลูกศิษย์

เรื่องประสบการณ์ด้านคงกระพัน เกิดขึ้นมาแล้วในหมู่ลูกศิษย์ของพระอาจารย์ ใครอยากได้ของดีมีประสบการณ์ ใครมีตะกรุดชุดนี้คาดเอว ท่านรับรองว่า ไม่มีตายโหง เหนียวได้ใจ มหาอุดสุดยอด ไม่บรรยายมาก ใช้เองรู้เอง จัดสร้างน้อย รีบหาไว้ครอบครอง.

ข้อห้ามในตะกรุดมหาอุดรุกขฌาน ห้ามด่าบุพการีเป็นเหนียวสุดๆ.

ตะกรุดมหาอุดขฌาน พระอาจารย์สุรภัทร เกจิขมังเวทย์แห่งภูเวียง
ตะกรุดมหาอุดขฌาน พระอาจารย์สุรภัทร เกจิขมังเวทย์แห่งภูเวียง
ตะกรุดมหาอุดขฌาน พระอาจารย์สุรภัทร เกจิขมังเวทย์แห่งภูเวียง
ตะกรุดมหาอุดขฌาน พระอาจารย์สุรภัทร เกจิขมังเวทย์แห่งภูเวียง
ตะกรุดมหาอุดขฌาน พระอาจารย์สุรภัทร เกจิขมังเวทย์แห่งภูเวียง
ตะกรุดมหาอุดขฌาน พระอาจารย์สุรภัทร เกจิขมังเวทย์แห่งภูเวียง
ตะกรุดมหาอุดขฌาน พระอาจารย์สุรภัทร เกจิขมังเวทย์แห่งภูเวียง
ตะกรุดมหาอุดขฌาน พระอาจารย์สุรภัทร เกจิขมังเวทย์แห่งภูเวียง

ตะกรุดเมฆบังวัน 11 ดอก หลวงพ่อวัดดอนตัน เกจิเมืองเหนือ

ตะกรุดเมฆบังวัน 11 ดอก หลวงพ่อวัดดอนตัน เกจิเมืองเหนือ

ตะกรุดเมฆบังวัน 11 ดอก 9  กลุ่ม หลวงพ่อวัดดอนตัน อ.ท่าวังผ่า จ.น่าน เกจิเมืองเหนือ ของดีหายาก สายเหนียวไม่ควรพลาด สวยเก่าถึงยุค.

สิบเอ็ดหลอด นั่นหนา น่าเกรงขาม

กอปรด้วยสาม หมวดกล้า อาคมขลัง

” สามแหลม ” แล ” พุทธคุณ ” หนุนหลัง

ห้าหลอดหลัง เป็นเอก ” เมฆบังวัน “

ตะกรุดเมฆบังวัน 11 ดอก หลวงพ่อวัดดอนตัน เกจิเมืองเหนือ

ตะกรุดเมฆบังวัน 11 ดอก หลวงพ่อวัดดอนตัน เกจิเมืองเหนือ
ตะกรุดเมฆบังวัน 11 ดอก หลวงพ่อวัดดอนตัน เกจิเมืองเหนือ
ตะกรุดเมฆบังวัน 11 ดอก หลวงพ่อวัดดอนตัน เกจิเมืองเหนือ
ตะกรุดเมฆบังวัน 11 ดอก หลวงพ่อวัดดอนตัน เกจิเมืองเหนือ
ตะกรุดเมฆบังวัน 11 ดอก หลวงพ่อวัดดอนตัน เกจิเมืองเหนือ

พระพิมพ์ใบโพธิ์ เนื้อเกสร หลวงพ่อลี วัดอโศการาม ปี 2500 เนื้อเกสร

พระพิมพ์ใบโพธิ์ หลวงพ่อลี วัดอโศการาม

พระพิมพ์ใบโพธิ์ท่านพ่อลี  พระพิมพ์ที่ทำแบบใบโพธิ์นี้ เรียกว่า ” พระโพธิจักร ” ทำเป็นพระพุทธรูปปางแสดงพระธรรมจักร ประดิษฐ์อยู่ในใบโพธิ์ ต่อมาเนื่องจากเหตุบางประการ ท่านจึงทำเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ประดิษฐานอยู่ในใบโพธิ์เช่นเดียวกัน เหตุที่เปลี่ยนมาเป็นปางสมาธินั้น ท่านกล่าวไว้ในประวัติของท่านว่า วันหนึ่งเกิดนิมิตแปลกประหลาด ในคืนวันเงียบสงัดกำลังนั่งพิมพ์พระพุทธรูปอยู่ มีพระบรมธาตุองค์หนึ่งได้เสด็จมาราวปฏิหาริย์มาอยู่บนเตียงนอน มีลักษณะคล้ายรูปพระใบโพธิ์ที่กำลังพิมพ์อยู่ แต่พระใบโพธิ์ที่พิมพ์อยู่เป็นแบบพระแสดงพระธรรมจักร คือยกพระหัตถ์ 2 ข้างเป็นแบบแสดงพระธรรมเทศนา จึงได้ตั้งชื่อพระพิมพ์นี้ว่า ” พระโพธิจักร ”
พระพิมพ์ใบโพธิ์ เนื้อเกสร หลวงพ่อลี วัดอโศการาม ปี 2500 เนื้อเกสร
พระพิมพ์ใบโพธิ์ เนื้อเกสร หลวงพ่อลี วัดอโศการาม ปี 2500 เนื้อเกสร
พระพิมพ์ใบโพธิ์ เนื้อเกสร หลวงพ่อลี วัดอโศการาม ปี 2500 เนื้อเกสร
พระพิมพ์ใบโพธิ์ เนื้อเกสร หลวงพ่อลี วัดอโศการาม ปี 2500 เนื้อเกสร
หลวงพ่อลี วัดอโศการาม หลวงพ่อลี วัดอโศการาม

ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ถือเป็นตะกรุดชั้นยอดของหลวงปู่เลยก็ว่าได้ เพราะท่านสร้างไว้ไม่มาก วิธีการสร้างของท่านยากยิ่งพอสมควญ เพราะจะต้องดูฤกษ์ดูยาม และ ต้องทำพิธีบายศรี มีหัวหมู ผู้ที่จะทำต้องจัดหาเครื่องทำพิธีมาครบ เอาหนังหน้าผากเสือมาให้ท่าน เสือหนึ่งตัวใช้ทำตะกรุดได้ดอกเดียว เพราะตะบะมหาอำนาจถูกดึงออกมาหมดแล้ว , ตะกรุดหน้าผากเสือของ หลวงปู่บุญ คือท่านกำหนดเอาหนังส่วนเหนือของตาเสือขึ้นไประหว่างทั้งสองเฉพาะช่วงนั้นเท่านั้น เมื่อได้หนังเสือดังกล่าวมาแล้ว ต้องให้หลวงปู่กำหนดฤกษ์ จากนั้นก็ตั้งเครื่องสังเวยบูชาเทวดา ครูอาจารย์ แล้วท่านก็เข้าพิธีลงอักขระเลขยันต์บนแผ่นหนัง ซึ่งพิธีแต่ละครั้งทำได้ครั้งละเพียง 1 ดอกเท่านั้น หลังจากนั้นท่านจะปลุกเสกจนครบ 7 เสาร์ 7 อังคาร จึงเป็นอันเสร็จพิธีอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วนำไปใช้ได้เลย.

ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

กรรมวิธีสร้างที่ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะหนังหน้าผากเสือ นับว่าหายากมากกว่าจะได้มาชิ้นหนึ่ง จากเสือตัวเดียว ทำได้เพียงดอกเดียวเท่านั้น ดังนั้นในช่วงชีวิตของหลวงปู่บุญ จึงสร้างไว้ได้ไม่มากนัก มีผู้คนจำนวนน้อยมากที่จะมีโอกาสครอบครองเป็นเจ้าของ ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ แห่งวัดกลางบางแก้ว เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี.

หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม

  • หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เกิดเมื่อวันจันทร์ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 8 ปีวอก จุลศักราช 1210 สัมฤทธิศกเวลาย่ำรุ่งใกล้สว่าง ตรงกับวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2391 เป็นปีที่ 25 แห่งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3
  • ท่านมรณภาพลงเมื่อวันที่ 30มีนาคม พ.ศ. 2478 ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 5 ปีชวด เวลา 10.45 น. ด้วยอาการอาพาธ ณ กุฏิของท่าน สิริอายุ 87 ปี พรรษา 69 .

ลักษณะตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว มีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ลักษณะเป็นหนังเสือม้วน ถักเชือกคลุมไว้แน่น เพราะหนังเสือที่แห้งม้วนยาก หากถักพันไม่แน่น หนังตะกรุดที่ตึงจะคลายตัวออกทันที และลงรักอีกให้เชือกแน่น ป้องกันเชือกผุขาดเร็ว และ ยังมีที่ถักเชือกแล้วไม่ลงรัก เชือกเปื่อยขาดคลายตัวออกไป จนเห็นเส้นขนก็มีให้เห็นกันบ้าง , การถักมีหลายแบบไม่แน่นอน มีทั้งถักคลุมหัวท้าย – ถักไม่คลุมหัวท้าย  .

ลักษณะตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เกิดจากการทำมือในยุคสมัยนั้นนั่นเอง.

ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
ตะกรุดหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว