กำเนิดเครื่องรางของขลัง

กำเนิดความเป็นมาเครื่องรางของขลัง

จากบันทึกในตำราพิชัยสงครามกล่าวว่า นักรบจะมีเครื่องรางของขลังติดตัวเพื่อสร้างผลให้เกิดเป็นมงคล คงกระพัน แคล้วคลาด ยามออกศึกสงคราม โดยมีหลากหลายชนิด หลายลักษณะ ซึ่งมักจะได้รับมาจากพระสงฆ์ซึ่งชาวบ้านนับถือ มีจิตญาณสูง เก่งทางวิชาอาคม และนักรบจะมีความเชื่อต่อของขลังนั้นๆ อย่างมั่นคง จะเห็นได้จากการสืบทอดสรรพตำราตกทอดกันมาหลายรุ่นหลายสมัย ซึ่งเครื่องราง สามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทต่างๆดังนี้

เครื่องรางของขลัง

แบ่งตามการเกิดมาของเครื่องราง ได้แก่

  1.   เป็นสิ่งที่เกิดมาจากธรรมชาติ ไม่มีการสรรค์สร้าง ถือว่ามีดีในตัวและมีเทวดารักษาสิ่งนั้น เช่น เหล็กไหล คดต่างๆ เขากวางคุด เขี้ยวหมูตัน เขี้ยวเสือกลวง เถาวัลย์ ฯลฯ
  2.   เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาใหม่ ด้วยการนำแร่ธาตุต่างชนิด มาหลอมตามสูตรการเล่นแร่แปรธาตุในสมัยก่อน เช่น เมฆสิทธิ์ เมฆพัดเหล็กละลาย ตัวสัมฤทธิ์นวโลหะ สัตตะโลหะ ปัญจโลหะ เป็นต้น ทั้งนี้ครอบคลุมไปถึงเครื่องรางลักษณะต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงน์คุ้มกันภัยอันตราย

เครื่องรางของขลัง

 เครื่องคาด อันได้แก่เครื่องรางที่ใช้คาดศีรษะ คาดเอว และคาดแขน ฯลฯ

  1.   เครื่องสวม อันได้แก่เครื่องรางที่ใช้สวมคอ สวมศีรษะ สวมแขน สวมนิ้ว ฯลฯ
  2.   เครื่องฝัง อันได้แก่เครื่องรางที่ใช้ฝังลงไปในเนื้อหนังของคน เช่น เข็มทอง ตะกรุดทอง ตะกรุดสาลิกา (ใส่ลูกตา) และการฝั้งเหล็กไหลหรือฝังโลหะมงคลต่างๆ ลงไปในเนื้อ จะรวมอยู่ในพวกนี้ทั้งสิ้น
  3.   เครื่องอม อันได้แก่เครื่องรางที่ใช้อมในปาก อาทิเช่น ลูกอม ตะกรุดลูกอม (สำหรับในข้อนี้ไม่รวมถึงการอมเครื่องรางชนิดต่างๆ ที่มขนาดเล็กไว้ในปาก เพราะไม่เข้าชุด)

แบ่งตามวัสดุของเครื่องราง ได้แก่

  1.   โลหะ
  2.   ผง
  3.   ดิน
  4.   วัสดุอย่างอื่น เช่น กระดาษสา ชัน โรงดิน ขุยปู
  5.   จากสัตว์ เช่น เขี้ยวสัตว์ เขาสัตว์ งาสัตว์ เล็บสัตว์ หนังสัตว์
  6.   จากชิ้นส่วนคนตาย เช่น ผมผีพราย ผ้าตราสัง ผ้าห่อศพ ผ้าผูกคอตาย
  7.   จากทั่ว ๆ ไป เช่น ผ้าทอ

เครื่องรางของขลัง

แบ่งตามรูปแบบลักษณะที่เห็นของเครื่องราง ได้แก่

  1.   เพศชาย อันได้แก่ รักยม กุมารทอง ฤๅษีพ่อเฒ่า ชูชก หุ่นพยนต์พระสีสแลงแงง และสิ่งที่เป็นรูปของเพศชายต่างๆ
  2.   เพศหญิง อันได้แก่ แม่นางกวัก แม่พระโพสพ แม่ครีเรือน แม่ซื้อ แม่หม่อมกวัก เทพนางจันทร์ พระแม่ธรณี และสิ่งที่เป็นรูปของ ผู้หญิงต่างๆ
  3.   สัตว์ ในที่นี้หมายถึงพระโพธิสัตว์ อาทิ เสือ ช้าง วัว เต่า จระเข้ งู ดังนี้เป็นต้น…

เครื่องลางของขลัง

แบ่งตามขั้นลำดับและระดับชั้นของการปลุกเสกเครื่องราง ได้แก่

  1.   เครื่องรางชั้นสูง อันได้แก่ เครื่องรางที่ใช้บนส่วนสูงของ ร่างกายซึ่งนับตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงบั้นเอว สำเร็จด้วยพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
  2.   เครื่องรางชั้นต่ำ อันได้แก่ เครื่องรางที่เป็นของต่ำ เช่น ปลัดขิก อีเป๋อ (แม่เป๋อ) ไอ้งั่ง (พ่องั่ง) ไม่ได้สำเร็จด้วยของสูง
  3.   เครื่องรางที่ใช้แขวน อันได้แก่ ธงรูปนก รูปตั๊กแตน รูปปลาหรือกระบอกใส่ยันต์ และอื่นๆ

เมื่อเราแบ่งแยกออกเป็นหมวดหมู่ให้เห็นกันง่ายๆ ขึ้นแล้ว เราก็ต้องมาทำความเข้าใจกันว่า ที่มาของการสร้างเครื่องรางนั้นแต่เดินสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร ซึ่งขออธิบายง่ายๆ คือ ในสมัยก่อนนั้นโลกยังไม่มีศาสนา มนุษย์รู้จักเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเท่านั้น เช่นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และดาวตกหรือแม้กระทั่งไฟ

ดังนั้นเมื่อคนสมัยก่อนเห็นพระอาทิตย์มีแสงสว่างก็เกิดความเคารพ แล้วเขียนภาพดวงอาทิตย์ไว้ในผนังถ้ำ เพื่อให้เกิดความอุ่นใจในยามค่ำคืน เมื่อเขียนใส่ผนังถ้ำแล้วก็มาสลักลงบนหินเพื่อติดตัวไปมาได้ ก็กลายเป็นเครื่องรางไปโดยบังเอิญ ต่อมาเมื่อรู้จักไฟก็คิดว่าไฟเป็นเทพเจ้า เกิดการบูชาไฟ ทำรูปดวงไฟ

ต่อมาเมื่อมีการเดินทางมากได้พบเห็นสิ่งประหลาดต่างๆ เช่น นก ที่มีรูปร่างประหลาด ก็คิดว่าเป็นเทพ จึงสร้างรูปเคารพของเทพต่างๆและค่อยๆ เปลี่ยนรูปมาเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้จากประเทศอียิปต์ กรีกและโรมัน เพราะเป็นประเทศที่มีเครื่องรางมากมาย

ต่อมาในช่วงพุทธกาลราวเมื่อ 2,000 ปีเศษ ศาสนาพราหมซึ่งถือเอาพระผู้เป็นเจ้าเป็นสรณะก็บังเกิดขึ้น พระผู้เป็นเจ้านั้นคือพระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม และเมื่อต้องการความสำเร็จผลในสิ่งใด ก็มีการสวดอ้อนวอนอันเชิญ ขออำนาจของเทพเจ้าทั้งสามให้มา บันดาลผลสำเร็จที่ต้องการนั้นๆ การกระทำดังกล่าวนี้ จะต้องมีเครื่องหมายทางใจเพื่อการสำรวม ฉะนั้นภาพจำหลักของเทพเจ้าจึงมีกิดขึ้น จะเห็นได้จากรูปหะริหะระ” (HariHara) แห่งประสาทอันเดต (PrasatAndet) ที่พิพิธภัณฑ์เมืองพนมเปญ อันเป็นภาพจำหลักของพระนารายณ์ในศาสนาพราหมณ์ หรือเทวรูปมหาพรหมแห่งพิพิธภัณฑ์กีเมต์ที่ประเทศฝรั่งเศส นับเป็นประติมากรรมที่สร้างขึ้นมาด้วยความมุ่งหมายเอาเป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวทางใจในศาสนาพราหมณ์ ซึ่งเป็นศาสนาเก่าแก่ในประเทศอินเดีย

ในเวลาต่อมาพระพุทธศาสนาก็เกิดขึ้นในโลกโดยพระบรมศาสดา(เจ้าชายสิทธัตถะ) เป็นผู้ทรงค้นพบอมตะธรรมอันวิเศษ โดยมีผู้เลื่อมใส สักการะแล้วยึดเป็นสรณะ ดังนั้นพระพุทธองค์ทรงมีพระสาวกตามเสด็จ และร่วมประพฤติปฏิบัติด้วยมากมาย จนเป็นพระอสีติมหาสาวกขึ้น ซึ่งท่านมหาสาวกเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ทรงไว้ในความเป็นเอตทัลคะในด้านต่างๆกัน ได้แก่ พระสารีบุตรทรงความเป็นยอดเยี่ยมทางปัญญา พระโมคคัลลานะทรงความเป็นยอดเยี่ยมทางอิทธิฤทธิ์ (ในพระพุทธศาสนานั้นผู้ที่สำเร็จญาณสมาบัติได้ต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ย่อมแสดงอิทธิฤทธิ์ได้หลายอย่างเป็นอเนกประการ อิทธิฤทธิ์เหล่านี้เรียกว่า อิทธิปาฏิหาริย์เป็นการกระทำที่สามัญชนไม่สามารถจะกระทำได้ ดังมีหลักฐานปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกมากมาย) ซึ่งพระพุทธเจ้านั้นพระองค์ทรงไว้ด้วยคุณ 3 ประการคือ

  1.   พระเมตตาคุณ
  2.   พระปัญญาคุณ
  3.   พระบริสุทธิคุณ

ดังนั้นพระเถระผู้มีญาณสมาบัติก็มักจะใช้ฤทธิ์ของท่านช่วยมนุษย์ และสัตว์โลกซึ่งถือเอาหลักพระเมตตาคุณ เป็นการเจริญรอยตามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระบรมศาสนานั้นเอง

เครื่องรางของขลัง

เครื่องราง – เครื่องลาง

คำว่าเครื่องรางกับเครื่องลางคำใดจึงเป็นคำที่ถูกต้อง ซึ่งในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานระบุว่าเครื่องรางหมายถึงเครื่องป้องกันภัยที่ทำสำเร็จด้วย ราง หรือ ร่อง แต่สำหรับนักนิยมสะสมเครื่องรางระดับสากลนิยมที่จะเรียกว่าเครื่องลางมากกว่า โดยหมายถึงเครื่องที่ใช้เกี่ยวกับโชคลาง เครื่องคุ้มครอง ปกป้อง กันภัย เพราะแต่เดิมนั้นมนุษย์ทำของเช่นนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่เรียกว่า ลางหรือสิ่งป้องกันภัย อันจะเกิดในอนาคต ให้แคล้วคลาด นั่นเอง.

พระขุนแผนปลุกกุมาร หลวงพ่อกวย

วัตถุมงคลหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม

พระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆษิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ถือเป็นที่นิยมของนักสะสมตามหา เนื่องจากหลวงพ่อกวยมีศิษยานุศิษย์และประชาชนที่เคารพนับถือมากมาย ท่านเป็นผู้ที่ชื่นชอบการทำพระผง ด้วยแม่พิมพ์บีบมือ ซึ่งพุทธคุณโดดเด่นและโด่งดังมากด้านเมตตามหานิยม จนถูกนำไปแต่งเพลง “คาถาขุนแผน” ของกานต์ ทศน

พระเครื่องหลวงพ่อกวย และวัตถุมงคลของหลวงพ่อกวย เป็นที่นิยมมีชื่อเสียง ได้แก่ พระสมเด็จ พิมพ์ต่างๆ , พระขุนแผน , พระสังกัจจายน์ , มีดหมอ , ตะกรุด , ผ้ายันต์ , เหรียญหลังหนุมาร , เหรียญรูปเหมือนหลังยันต์มงกุฎรุ่นแรก และเครื่องรางของขลังต่างอีกมากมาย ซึ่งท่านได้สร้างไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่.

พระขุนแผนปลุกกุมาร หลวงพ่อกวย

คำสอนหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร

“ ขอศิษย์ทั้งหลาย จงอย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าเขา ”

เพื่อเป็นคติเตือนใจให้แก่ประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธา และบรรดาลูกศิษย์ได้มุงมานะทำสัมมาอาชีพ ไม่กลัวต่ออุปสรรคใดๆ ที่นับถือหลวงพ่อ จงอย่าลืมมุ่งหน้าตั้งใจประพฤติอยู่ในศีลธรรม เพื่อทำมาค้าขายอะไร จะได้ขึ้น ได้ร่ำ ได้รวย สมใจปรารถนา…

พระขุนแผนปลุกกุมาร เนื้อผงดินอาถรรพ หลวงพ่อกวย

พระขุนแผนปลุกกุมาร

พระปิดตา พิมพ์ปั้นลอยองค์ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

การสร้างพระปิดตาของ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

การสร้างพระปิดตาของ หลวงพ่อแก้วนั้น โดยปกติแล้ว หลวงพ่อแก้ว ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยละเอียดรอบคอบ ท่านเป็นผู้เห็นการณ์ไกล กล่าวคือ ในขณะที่ท่านสอนบาลีไวยากรณ์อยู่นั้น ท่านก็ได้เก็บเอาผงที่ลบการเรียนภาษาบาลีซึ่งเขียนเป็นอักษรขอม ที่มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ แล้วท่านก็จะนำผงอักขระที่ได้จากการลบ มาผสมกับผงพระพุทธคุณ หรือผงมหาราช เป็นต้น

เมื่อเอาผงดินสอ และผงพุทธคุณรวมเข้ากันแล้ว ท่านก็เอาเกสรดอกไม้ต่างๆ ตลอดจนใบไม้ เปลือกไม้ และเนื้อไม้ มาบดให้ละเอียดเป็นผง แล้วจึงนำมาผสมกับผงอักขระ(ผงลบ) เอาน้ำข้าวเหนียวมาผสมทำให้เหนียว จึงเอากดลงในแม่พิมพ์ที่ทำจากหินมีดโกน ก็สำเร็จเป็นองค์พระ

พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ เนื้อผงพุทธคุณ

พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว

พระปิดตา หลังแบบ หลวงพ่อแก้ว

กล่าวกันว่าพระปิดตาที่ หลวงพ่อแก้ว สร้างในยุคแรกๆนั้น ท่านสร้างด้วยผงพุทธคุณ สีออกขาวก็มี สีออกเหลืองอ่อนบ้างก็มี และส่วนผสมที่สำคัญยิ่งอีกอย่างหนึ่งคือ “ไม้ไก่กุก” ซึ่งถือเป็นของหายากมาก ทางด้านพุทธคุณนั้นนับว่าเป็นมหาเสน่ห์ มหานิยมสูง ยิ่งถ้าได้พระอาจารย์ที่มีอาคมแก่กล้าปลุกเสกแล้ว จะเป็นของเข้มขลังดีที่ประเสริฐยิ่งนัก

 

 

ระหว่างการสร้างพระปิดตาของ หลวงพ่อแก้ว นั้น จะมีพระภิกษุสามเณร และชาวบ้านทั้งชายและหญิง มาร่วมมือกันตลอดเวลาในการสร้าง ตอนหลังเกิดชอบพอ รักไคร่กัน เป็นเพราะเสน่ห์มหานิยมที่เกิดจากผงพุทธคุณ ที่สร้างพระติดมือ ติดขันน้ำ และปลิวตกลงไปในโอ่งน้ำ เมื่อต่างคนต่างดื่มกิน จึงเกิดความรักไคร่กันขึ้น

เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น หลวงพ่อแก้ว จึงได้เปลี่ยนวิธีการผสมเนื้อพระเสียใหม่ โดยการนำเอาผงพุทธคุณ ผสมคลุกเคล้ากับรักให้เหนียวแน่น ไม่หลุดง่าย เพื่อกันไม่ให้ผงปลิว หรือติดมือ ติดขันน้ำ จึงเกิดเป็น “พระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก” ในยุคต่อมา

หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี

พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

พระปิดตาของ หลวงพ่อแก้วนั้น มิใช่ว่าจะมีพุทธคุณดีทางด้านเมตตามหานิยมเท่านั้น แม้แต่ทางคงกระพันชาตรี ก็มีอยู่มิใช่น้อยเช่นกัน วงการพระเครื่องเมืองไทย จึงได้จัดพระปิดตา ของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ให้อยู่ในชุดพระเบญจภาคี เป็นอันดับ 1 และได้กำหนดแบบพิมพ์มาตรฐานสากล ได้รับความนิยมมากเช่น: พระปิดตา พิมพ์ใหญ่ , พระปิดตา พิมพ์กลาง , พระปิดตา พิมพ์เล็ก และ พระปิดตา พิมพ์ปั้นลอยองค์

ส่วนด้านหลังพระทั้ง 3 พิมพ์แรกนี้ เท่าที่พบเห็นมี 3 แบบ 3 พิมพ์ คือ

1. เป็นแบบหลังรูปพระปิดตา เรียกว่า “หลังแบบ”

2. แบบหลังยันต์

3. แบบหลังเรียบ หรือ “แบบหลังเบี้ย”

ส่วนเนื้อพระเป็นเนื้อผงพุทธคุณล้วน มีสีขาว สร้างยุคต้นซึ่งหายากมาก ต่อมาสร้างเป็นเนื้อคลุกรัก มีสีค่อนข้างดำ , นอกจากนี้หลวงพ่อแก้ว ท่านได้สร้างพระปิดตาเนื้อตะกั่วผสมปรอท แจกแก่ชาวบ้านที่ไปช่วยขนไม้(ซุง) ต้นใหญ่ๆนำมาสร้างกุฏิ เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว ป้องกันคุณไสย และภูตผีปีศาจ เพราะเชื่อกันว่าผีกลัวปรอทมาก พระปิดตาเนื้อตะกั่วผสมปรอทของหลวงพ่อแก้วที่ว่านี้ก็คือ “พระปิดตาแลกซุง” สำหรับแจกแก่ชาวบ้านที่ไปช่วยกันลากไม้ซุงมาให้วัดนั้นเอง.

พระปิดตา พิมพ์ปั้น

และมีอีกพิมพ์ที่ถือเป็นพระปิดตาแลกซุง ก็คือ พระปิดตา พิมพ์ปั้นลอยองค์ แต่จะบอกว่าเป็นวัดเครือวัลย์วัดเดียวไม่ได้ เพราะพิมพ์ปั้นนี้มีออกทั้งจากวัดเครือวัลย์ และที่ออกจากวัดปากทะเล อำเภอบ้านแหลม จังหวัดชลบุรี , พิมพ์ปั้นลอยองค์ ทุกองค์จะมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่เหมือนกัน เพราะจะปั้นทีละองค์ แต่จะมีลักษณะคล้ายๆกัน.

พระปิดตาเนื้อผงแท้ๆของ หลวงพ่อแก้ว นั้น เนื้อต้องละเอียด เพราะเมื่อท่านตำส่วนผสมเสร็จแล้วก็จะนำมากรอง จากนั้นใช้น้ำรักเป็นตัวประสาน บ้างก็ทารักแดง เรียกว่า “ชาดจอแส” เป็นรักมาจากเมืองจีน ปัจจุบันไม่มีแล้ว และใช้เม็ดรัก ซึ่งได้จากต้นรักที่เป็นมงคลนาม มาตำลงไป บางองค์จะเห็นเม็ดรักโผล่ขึ้นมา อาจเป็นสีดำหรือสีแดง แต่จำนวนไม่มาก ถ้ามีรักหรือทองไปปิดบัง ทองและรักต้องเก่ากว่า ซึ่งดูยาก หากคนที่มีความรู้เรื่องรักและทองจะได้เปรียบ เพราะพระปิดตา ของ หลวงพ่อแก้ว หายากกว่าพระสมเด็จ วัดระฆัง เพราะมีการสร้างจำนวนน้อยกว่า แต่สร้างในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน นั่นคือเมื่อประมาณ 150 – 180 ปีมาแล้ว.

 

นางกวักมหาลาภ

นางกวักมหาลาภ เนื้อสัมฤทธิ์รมดำ หลวงปู่รอด วัดโคกกรม ปี 2561

พระคาถาแม่นางกวักมหาลาภ

โอม ศรีวิชัยกังเวียน ปู่เจ้าเขาเขียว มีลูกคนเดียวให้ชื่อว่านางกวัก ชายเห็นชายรัก หญิงเห็นหญิงทัก ทุกถ้วนหน้า พวกพานิชชาพากูไปค้าถึงเมืองแมน กูจะไปค้าหัวแหวน ก็ได้วันละแสนทะนาน กูจะค้าสารพัดการ ก็ได้โดยคล่อง กูจะค้าทอง ทองก็ได้เต็มหาบ เพียงวันนี้เป็นร้อย สามหาบมาเรือน สามเดือนเป็นเศรษฐี สามปีเป็นพ่อค้าสำเภา พระฤาษีผู้เป็นเจ้าประสิทธิ์ให้แก่ลูกคนเดียว สะวาหะฯ

พุทคุณใช้สวดภาวนาในเวลาไปค้าขาย หรือจะให้ทำเป็นน้ำมนต์ พรมขายของก็ดี จะทำมาค้าขึ้นดีนักแลฯ

ปาฏิหาริย์ ยันต์เกราะเพชร

ปาฏิหาริย์ ยันต์เกราะเพชร

ยันต์เกราะเพชร เดิมทีนั้น ต้นตำรับคือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ. พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นองค์บูรพาจารย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ในงานเป่ายันต์ของท่านแต่ละครั้ง ผู้คนจะหลั่งไหลมากันจนมืดฟ้ามัวดิน แทบจะไม่มีที่ให้ยืนหรือเดิน

ด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ที่มีมากมายมหาศาล อันเป็นยันต์จากตำราพระร่วง โดยการตัดส่วนหนึ่งมาจากธงมหาพิชัยสงครามนี้ เมื่อครั้งหลวงพ่อปานมรณภาพ ยันต์บทนี้จึงตกไปยังศิษย์ นั่นก็คือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ยันต์เกราะเพชร มีผู้คนประจักษ์แจ้งถึงพุทธคุณ และผู้มากประสบการณ์เล่าขานต่อมา จึงกล่าวได้ว่า มีพลังพุทธานุภาพเกินจะกล่าว

เมื่อครั้ง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จำวัดอยู่ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้เกิดอาการเหมือนกับว่า องค์สมเด็จฯ ได้กล่าวกับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำในฝันว่า ให้ท่องบทคาถาเพิ่มขึ้น และให้ช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก ให้พ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อน และให้เผยแพร่บทคาถานี้เป็นอมตะ มีความศักดิ์สิทธิ์ และเกิดพลังนิมิตดี จึงทำให้ผู้ท่องคาถาบทนี้ ประสบแต่โชคดีมามากต่อมาก

ปาฏิหาริย์ ยันต์เกราะเพชร

ปาฏิหาริย์ ยันต์เกราะเพชร

ลูกอมมหาเสน่ห์

ลูกอมมหาเสน่ห์ เนื้อเทา หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ จ.สุพรรณบุรี

ลูกอมมหาเสน่ห์ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ จ.สุพรรณบุรี สร้างประมาณปี พ.ศ.2526 – 2536 ยุคแรก สภาพสวยสมบูรณ์ น่าสะสมบูชามาก , ลูกอมหลวงพ่อสงวน พุทธคุณด้านเมตตามหาเน่ห์ เมตตามหานิยม ไม่เป็นสองรองใคร ของขลังแห่งเกจิสุพรรณ

ลูกอมหลวงพ่อสงวน มีการสร้างหลายเนื้อ หลายยุค พุทธคุณด้านเมตตา เป็นที่ประจักษ์ เคยสร้างประสบการณ์มากมายมาแล้ว แก่ผู้ที่มีไว้บูชา โดยมวลสารหลักของลูกอมทำมาจากผงอิทธิเจ ผสมว่านสะเก็ดดาว ถ้าเป็นยุคต้นจะสังเกตุเห็นมีแร่สะเก็ดดาวด้วย และมวลสารอื่นๆอีก เช่น ว่านดอกทอง เป็นต้น…

ลูกอมมหาเสน่ห์

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ สุพรรณบุรี

หลวงพ่อสงวน ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำผงวิเศษ หรือ ผงอิทธิเจ(ผงลบ)ได้เข้มขลังมาก ถือได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร , แม้แต่หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี เคยได้กล่าวถึง หลวงพ่อสงวนว่า ” หลวงพ่อสงวน ท่านทำผงเก่ง คราใดที่หลวงพ่อแพ ท่านจะสร้างพระ ก็จะขอให้หลวงพ่อสงวนทำผงลบให้ เพื่อนำมาผสมเป็นมวลสารการสร้างพระของท่านแทบทุกครั้งไป ” และ หลวงพ่อแพ ยังได้เอ่ยปากชื่นชม หลวงพ่อสงวน ให้กับลูกศิษย์ฟังเลยว่า ” เรื่องมหาเสน่ห์ต้องยกให้อาจารย์หงวนเค้าโน่น ”  … แม้กระทั่ง ปู่เสือมเหศวร จอมโจรคนจริงในสมัยนั้น ยังยอมลงให้ท่านเลย…นี่จึงถือเป็นเรื่องราวยืนยันถึง ความแก่กล้าในวิชาอคมของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เกจิแห่งสุพรรณฯ นั่นเอง.

ลูกอมมหาเสน่ห์ เนื้อเทา

อภินิหาริย์วัตถุมงคล หลวงพ่อสงวน

หลวงพ่อสงวนตั้งแต่ท่านเป็นพระเกจิมาหลายพรรษา เคยปลุกเสกสร้างวัตถุมงคล ในยุคแรกๆ แทบจะไม่เป็นที่รู้จัก หรือได้รับความสนใจของคนนอกพื้นที่ หรือแม้แต่นักสะสมพระเครื่องเลย มีคนจำนวนน้อยที่จะรู้จักท่าน จนต่อมาได้มีคนที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน มีงานเข้าทุกราย คือ เกิดสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจด้านเมตตามหาเน่ห์กับเจ้าตัวบ่อยครั้งมาก… จึงเป็นที่กล่าวขานกันมาเรื่อยมา จวบจนทุกวันนี้ว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อสงวนนั้นเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มาก จึงเป็นที่เลื่องลือถึงปัจจุบันนี้ ว่า หลวงพ่อสงวน ท่านเชี่ยวชาญในการเสกผงลบได้ขลัง จนมีชื่อเสียงโด่งดัง แม้แต่การเสกน้ำมนต์ ท่านยังใช้ผงลบ ใส่ลงในโอ่ง , เสกเหรียญ ท่านก็แช่เหรียญลงไปในอ่างน้ำมนต์  หลวงพ่อท่านเก่ง เพราะเจนจบวิชาการทำผงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ผงตรีนิสิงเห ผงอทธิเจ ผงมหาราชฯ…ท่านทำได้หมด และทำได้เข้มขลังมากๆด้วย โดยเฉพาะผงที่ให้พุทธคุณทางเมตตามหาเน่ห์ เมตตามหานิยม นั้นถือว่าเป็นที่ขึ้นชื่อของท่านเลยทีเดียว

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เกจิแห่งสุพรรฯ ท่านเป็นลูกศิษย์สืบทอดวิชาจาก หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ จ.สุพรรณบุรี , ท่านสำเร็จและเจนจบิวชาอาคมการทำผงต่างๆ ผงเขียนลบของท่านมีประสบการณ์ เกิดอภินิหาริย์ เป็นที่ทราบกันดีมาแล้ว

คาถาบูชา

  ตั้งนะโม 3 จบ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ ( แล้วอธิฐานขอตามปรารถนา…)

ลูกอมมหาเสน่ห์ เนื้อเทา หลวงพ่อสงวน

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ จ.สุพรรณบุรี

 

สีวลี เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

พระสีวลี

พระสีวลีเถระ หรือ พระสีวลี เป็นพระภิกษุสาวกเอตทัตคะ ของพระพุทธเจ้านับเนื่องในพระอสีติมหาสาวก 80 องค์สำคัญในพระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล

พระสีวลีเถระ เป็นเจ้าชายในโกลิยวงศ์ ออกบวชในสำนักพระสารีบุตร บรรลุพระอรหันต์ในขณะที่ปลงเกศานั่นเอง และหลังจากผนวช ท่านเป็นผู้มีลาภสักการะ มากด้วยกุศลกรรมที่ทำมาแต่อดีต ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้รับยกย่อง จากพระพุทธองค์ให้เป็นเอตทัคคะผู้เลีศในทาง ผู้มีลาภมาก

สีวลี เนื้อผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม

กำเนิดพระสีวลี

พระสีวลี เป็นพระโอรสของพระนางสุปปวาสา ผู้เป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงโลกิยะ อยู่ในพระครรภ์ถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เมื่อทรงพระครรภ์ทำให้พระมารดาสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะมาก เมื่อประสูติก็ประสูติง่ายดาย พุทธนุภาพที่ทรงพระราชทานพรว่า “ขอพระนางสุปปวาสา จงมีความสุข ปราศจากโรคพยาธิ ประสูติพระราชบุตรผูไม่มีโรคเถิด”

เมื่อประสูติและพระยูรญาติขนานถวายพระนาว่า สีวลีกุมาร ในวันที่นิมนต์พระพุทธเจ้ามาเสวยภัตตาหารตลอด 7 วัน สีวลีกุมาร ก็ได้ถือธมกรกรองน้ำถวายพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ตลอด 7 วัน

เมื่อเจริญวัย ท่านได้ออกผนวชในสำนักพระสารีบุตร ได้บรรลุอรหันต์ผลในเวลาปลงเกศาเสร็จ จากนั้นมาท่านสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะไม่ขาด ด้วยปัจจัย 4 ทั้งปวง ด้วยเหตุนี้จึงได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ให้เป็น เอตทัคคะผู้เลีศในทาง ผู้มีลาภมาก

สีวลี เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

ในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาไม่ระบุว่า ท่านดับขันธปรินิพพานที่ใด แต่ท่านคงดำรงขันธ์อยู่พอสมควรแก่กาล จึงปรินิพพาน

สีวลี เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

พระสีวลีในความเชื่อของคนไทย

เนื่องจากพระสีวลีเถระ เป็นพระอรหันต์ที่ได้รับการยกย่อง ให้เป็นเอตทัคคะผู้เลีศในทาง ผู้มีลาภมาก คนไทชเชื่อว่าผู้ใดได้บูชาพระสีวลีเถระแล้ว จะได้รับโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา ซึ่งคนไทยยังเชื่ออีกว่า เคยมีคนผู้หนึ่งได้รับมาแล้วในสมัยพุทธกาลก็คือ มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเกิดในตระกูลพ่อค้า มีนามว่า สุภาวดี นางได้เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธศาสนา และเคารพนับถือพระสีวลีเถระเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อแม่นางได้ฟังธรรมจนลึกซึ้ง พระสีวลีก็ได้ให้ศีลให้พรว่า “จงเจริญด้วยทรัพย์สิน เงินทองจากการค้าขาย เงินทองไหลมาเทมา สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยเถิด”

หลังจากที่ นางสุภาวดี ได้รับพรจากพระสีวลีเถระแล้ว ไม่ว่านางและผู้เป็นบิดามารดา จะไปค้าขายที่ใด ก็จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีแต่กำไรหลั่งไหลเข้ามาทุกครั้งไป ซึ่งนางสุภาวดีนั้น ได้เป็นที่รู้จักของคนไทยเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือ “นางกวัก” นั้นเอง.

สีวลี ครูบากฤษณะ

สีวลี หลวงพ่อกวย

แม่นางกวัก หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน

ล๊อกเก็ตขุนแผนย่างกุมารทอง

ตำนานพระขุนแผน  

พระขุนแผน หรือเครื่องรางของขลังประเภทขุนแผนนั้น เป็นที่รู้จักของหลายๆคน และ คนที่ไม่รู้จัก แต่อาจเคยได้ยินมาว่า พระขุนแผนนั้น เป็นเครื่องรางของขลังที่ให้อิทธิคุณอำนาจทางด้าน เมตตา มหานิยม มหาโภคทรัพย์ คนชื่นชม ชมชอบเป็นที่รักไคร่ของคนรอบข้าง เป็นที่ต้องตาต้องใจกับเพศตรงข้าม เจ้านายผู้ใหญ่ให้ความรักเอ็นดู , พระขุนแผนเป็นพระเครื่องที่ตำนานมาช้านาน แม้ในตำราพระเวทย์ของพระเกจิอาจารย์ก็ได้มีบันทึกไว้ถึงคาถา และวิชาต่างๆเกี่ยวกับการปลุกเสกพระขุนแผน.

ขุนแผนผงพรายกุมาร

ขุนช้าง-ขุนแผน

ขุนแผนเป็นใคร มีอยู่จริงหรือไม่ หากจะกล่าวถึงเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ที่เป็นตำนานเล่าขานของจังหวัดสุพรรณบุรี มีบันทึกไว้ถึงเรื่องราวของนักรบ นักรัก ว่าขุนแผนเป็นทะหารในยุคกรุงศรีอยุธยา ที่มีพระเวทย์อาคมแก่กล้า มีภรรยาหลายคน แต่เรื่องราวในเสภาขุนช้างขุนแผนนั้น ครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ในด้านญาณบารมี ได้เล่าความจริงเกี่ยวกับขุนแผนไว้ดังนี้ :

เรื่องราวของขุนช้างขุนแผนนั้น เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของบรรพบุรุษไทย สมัยอยุธยาช่วงราวๆปี พ.ศ. 1967 ถึง 1991 ในรัชสมัยของพระเจ้าพันวัสสา หรือที่เรียกกันว่า พระเจ้าสามพระยา ความจริงแล้วคำว่า ขุนช้างและขุนแผนนั้น ไม่มีในทำเนียบของราชการ เป็นคำเรียกที่ชาวบ้านเขาตั้งให้เท่านั้น ที่เรียกว่า ขุนช้าง ก็เพราะคนตระกูลนี้เป็นมหาเศรษฐี เป็นคนหาช้างให้แก่พระราชา ตั้งแต่สมัยคุณปู่เป็นคนฝึกช้าง คุมช้าง หรือเรียกได้ว่าเป็นหัวหน้ากองช้าง จึงเรียกว่า “ขุนช้าง” จริงๆแล้วขุนช้างมีชื่อว่า “ศรี” แปลว่า “มิ่งขวัญ” เป็นคนมาดดี สง่าผ่าเผย แววตาผ่องใส หน้ารูปไข่นิดๆ แต่เป็นหน้าของผู้ชาย (ไม่ใช่รูปไข่แบบผู้หญิง) ผิวค่อนข้างขาว ลักษณะท่าทางองอาจ หัวก็ไม่ได้ล้านเลี่ยน ดังที่มีคนเขียนไว้ เพียงแต่ หัวเถิกง่ามถ่อ ธรรมดาๆเท่านั้น , ขุนช้างอายุแก่กว่าขุนแผน 1 ปี และสำหรับขุนแผนก็เหมือนกัน จริงๆแล้วขุนแผนมีชื่อว่า “พลายแก้ว” พลายแก้วคือช้าง พลายแก้ว เป็นช้างที่มีกำลังใหญ่ ช้างตัวประเสริฐของพระเจ้าจักรพรรดิ ที่เขาให้ชื่อว่าพลายแก้ว ก็เพราะเกิดมาฤกษ์ดี โหรพยากรณ์ว่า เด็กคนนี้จะมีอำนาจมาก สามารถจะปราบปรามข้าศึกได้ทุกทิศ โดยใช้กำลังคนเข้าประชิดกับข้าศึกด้วยกำลังไม่มาก , ขุนแผนเป็นคนหน้าตาดี ท่าทางดี ทะมัดทะแมง ผิวขาว ขาวกว่าขุนช้างอีก อย่างที่ชาวบ้านเขาเรียกว่า เป็นคนขาว และที่ได้ฉายา ขุนแผน เพราะเป็นคนออกแบบออกแผนจู้จี้จุุกจิก เห็นอะไรไม่ดี ก็จัดสรรกราบบังคมทูลพระเจ้าพันวัสสา พระองค์ก็เห็นด้วยทุกประการ อาศัยที่เป็นคนวางแผน ชอบเปลี่ยนแปลงชอบจัดระบบ ให้สมดุลอยู่เสมอ ชาวบ้านจึงเรียกว่า ขุนแผน , ทั้งขุนช้างและขุนแผน สองคนเป็นเพื่อนที่รักกันมาก.

ขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียวเกี้ยวสาว หลวงพ่อทาบล๊อกเก็ตขุนแผนย่างกุมารทอง พิมพ์ใหญ่

ขุนแผนอดีตแม่ทับผู้มากด้วยอำนาจบารมี

ขุนแผนเป็นลูกของขุนไกรซึ่งเป็นแม่ทับ และขุนแผนเองก็เป็นแม่ทับเช่นกัน เป็นคนอยู่ในระเบียบวินัย ที่รวบรวมกำลังของคนไทย เพื่อต่อสู้กับข้าศึกศัตรู ที่นิยายเล่าว่าขุนช้างโกงเอาเมียขุนแผน และขุนแผนก็ไปขโมยเมียตัวเองมาจากขุนช้างนั้น เรื่องนี้มิได้เป็นความจริงดังนั้นเลย เพราะทั้งสองท่านเป็นคนดี และเวลานั้นเป็นสมัยประชาธปไตย เป็นคนดีคนอยู่ในระเบียบ ประเพณี พระธรรมวินัย และพระราชาก็มีอำนาจสั่งตัดหัวได้เลย ถ้าหากใครทำชั่วอะไร.

ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง

พ่อขุนแผน หรือ พระยากาญจน์บุรี ท่านเป็นยอดขุนศึกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านพระเวทย์ มีคาถาอาคมแก่กล้า มีฝีมือทางด้านการสู้รบ และยังเป็นผู้ที่มีเสน่ห์ เป็นที่เคารพรักของผู้คน จนเป็นตำนานในการสร้างพระขุนแผนขึ้นบูชาคุณของท่าน พระขุนแผนจึงเป็นตำนานของพระเครื่อง และเครื่องรางของขลังของไทยมานานพอสมควร

พระขุนแผนมักสร้างขึ้นเพื่อหวังผลให้เป็นไปในทาง เมตตา มหานิยม มหาโภคทรัพย์  และเป็นเครื่องรางของขลัง ที่ได้รับความนิยมมาก อย่างมิเสื่อมคลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน.

ขุนแผนผงพรายกุมาร องค์จ้อย(พิมพ์จิ๋ว)

ประวัติการสร้างพระขุนแผน

การสร้างพระขุนแผนของไทย ที่เป็นพระเครื่อง หรือเครื่องรางของขลังที่เด่นชัดได้แก่ พระขุนแผนเก่า ขุดพบที่วัดบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีพิมพ์ทรงลักษณะเด่นคือ เป็นพระพิมพ์ห้าเหลี่ยม องค์พระมีลักษณะของพระปรางมารวิชัย ประทับนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว มีด้วยกันหลายแบบหลายพิมพ์ บางพิมพ์เป็นพระคู่ติดกัน มีชื่อเรียกกันว่า พรายคู่ ส่วนที่เป็นองค์เดียว เรียกว่าพรายเดี่ยว ซึ่งภายหลังการตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นพระเครื่องที่สร้างสมัยอยุธยา.

ขุนแผนผงพรายกุมาร ตะกรุด9ดอก เม็ดชนวน ลงบรอนด์ทอง หลวงปู่ทิม

ในเวลาต่อๆมา ได้นำพระพิมพ์ลักษณะนี้มาสร้างเป็นพระเครื่อง นิยมเรียกว่า “พระขุนแผน” โดยพระเกจิอาจารย์ วัดต่างๆ และสำนักต่างๆ  ก็มีการสร้างพระขุนแผนนี้ขึ้น เช่น พระขุนแผนที่ได้รับความนิยมมากได้แก่ :

พระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา

ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ. ระยอง

พระขุนแผนแขนอ่อน รุ่นแรก หลวงปู่ชื้น วัดญาณแสน

พระขุนแผนดิน 7 ป่าช้า รุ่นแรก หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ. นครปฐม

พระขุนแผน หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์…เป็นต้น

และอีกมากมายหลายเกจิอาจารย์ หลายรุ่น หลายวัด หลายสำนัก ที่นิยมสร้างพระขุนแผน สืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

นอกจาก พระขุนแผน ที่สร้างเป็นรูปพระแล้ว ยังมีการสร้างขุนแผน ขุนช้าง ในแบบรูปเหมือน คือเป็นรูปจำลองพ่อขุนแผนขุนช้างอีกด้วย.

 

ขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อกระยาสารท หลวงปู่ทิม

การบูชาพระขุนแผน

พระขุนแผนสามารถบูชา พกพาได้ทุกเพศทุกวัย , พระขุนแผน ที่สร้างมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้รับความนิยม จากผู้ที่ชื่นชอบเครื่องรางของขลัง ประเภทมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม มหาโภคทรัพย์อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย.

พระขุนแผน เนื้อชินเงิน เก่าสวย

ขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อว่านพรายดำ หลวงปู่ทิม

พุทธคุณพระขุนแผน

อิทธิคุณอำนาจของ พระขุนแผน  พระเครื่องพิมพ์นี้เป็นที่กล่าวขานกันว่า เป็นพระเครื่องให้พุทธคุณอำนาจทางด้าน เมตตามหานิยม คือแขวนหรือบูชาแล้ว เป็นที่รักชอบของคนที่ได้พบเห็น เป็นเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม แม้แต่ทางด้านมหาโภคทรัพย์โชคลาภก็มีให้เห็นกันมากมาย  , พระขุนแผนแต่ละรุ่นแต่ละแบบจะให้อิทธิคุณอำนาจทางด้านใด ย่อมอยู่กับมวลสาร และการปลุกเสกของเกจิอาจารย์ผู้สร้างเป็นสำคัญ  หากท่านลงคาถาปลุกเสกให้เป็นไปทางใดแล้ว  ก็จะมีอิทธิคุณอำนาจอย่างนั้น.

พระขุนแผนที่ได้รับการปลุกเสกจากเกจิอาจารย์ หรือผ่านพิธีกรรมมาแล้ว ย่อมมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ แต่การที่ที่มีประสบการณ์ของบางท่าน ที่อาจเห็นเป็นอย่างนั้น คงเป็นเพราะการปฏิบัติตน หรืออุปนิสัยส่วนตัวของคนๆนั้นเอง อาธิ เมื่อบูชาพระขุนแผนแล้วก็มีเพื่อนฝูงมาก อาจมีการจัดเลี้ยงสังสรรค์มาก ก็จะมีกิจการงาน การเงินตามมา ทำให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าสืบไป…
ล๊อกเก็ตขุนช้าง มหาเศรษฐี ปี 56
ล๊อกเก็ตขุนช้างอุ้มนาง แช่น้ำมันพรายพระผงรูปเหมือนขุนช้าง รุ่นแรก

พรายคู่ ขุนช้างขุนแผน หลวงปู่ญาครูน้อย วัดโพธิ์ชัย อุดรธานี

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี 17

*เหรียญเจริญพรของหลวงปู่ทิมนี้แบ่งเป็น เนื้อทองคำ 16 เหรียญ เป็นเหรียญเจริญพรล่างทั้งหมด ตอกโค๊ดไว้ที่ซอกแขน ด้านหลังตอกเลขไทย ๑-๑๖ หลวงปู่จารมือเองทุกเหรียญ.

*เนื้อเงินมี 2 ชนิด เจริญพรบน 72 เหรียญ และเจริญพรล่าง 271 เหรียญ ตอกโค๊ด ท ไว้ที่ฐานสิงห์ ด้านหลังตอกเลขไทย ๑-๓๔๓.

*เนื้อนวโลหะ เป็นเจริญพรบน ทั้งหมด 1166 เหรียญ ตอกโค๊ด ท ไว้ที่สังฆาฏิบริเวณหน้าอก ด้านหน้าตอกเลขไทย ๑-๑๑๖๖ (มีเหรียญชำรุด 28 เหรียญ)

*เนื้อทองแดง สร้างจำนวน 15,895 เหรียญ เป็นเจริญพรล่าง 9,000 เหรียญ รมดำทุกเหรียญ , เจริญพรบน 6,895 เหรียญ ไม่มีการรมดำ , เนื้อทองแดงตอกโค๊ด ท ไว้ที่สังฆาฏิบริเวณหน้าตัก ไม่มีการตอกเลขไทยกำกับ แต่ได้มีการตอกโค๊ด ท ผิดไป 400 เหรียญ เนื่องจากช่างรีบ เพราะหลวงปู่ทิมท่านได้ไว้ว่า ต้องให้เสร็จก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ช่างเลยเข้าใจผิดคิดว่าเนื้อทองแดงเป็นเนื้อนวโลหะ

*เนื้อชินตะกั่ว 400 เหรียญ บางเหรียญตอกโค๊ด ท ไว้ที่บริเวณสังฆาฏิ , บางเหรียญตอกโค๊ดเลขไทย ๙ ไว้ที่ใต้ฐาน(ที่ตอกโค๊ดเลข ๙ ตั้งใจจะแจกกรรมการ แต่ภายหลังก็ได้นำออกบูชาจนหมด) เหรียญเจริญพร รุ่น แจกกรรมการ เนื้อทองแดงได้ตอกโค๊ด ท ไว้ที่ชายสังฆาฏิ , ตอกเลขไทย ๙ ไว้ที่ฐานมี 800 เหรียญ หลวงปู่ทิมท่านกล่าวไว้ว่า “เหรียญเจริญพรนี้มีดีด้านเมตตามหานิยม” และท่านได้เมตตาปลุกเสกเป็นเวลานานถึง 7วัน7คืน.

 คาถาบูชาพระเครื่องหลวงปู่ทิม อิสริโก

ตั้งนะโม 3 จบ

อิติสุคะโต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ มะอะอุ ทุกขัง อนิจจัง อะนัตตา พุทโธ พุทโธ

( 3 จบ ).

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม10

กุมารดูดรก ผงพรายกุมารเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ปีพ.ศ.2480

หลวงพ่อแช่ม ท่านเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก พระผู้มีวิชาอาคมเข้มขลัง เป็นที่นับถือของคนทั่วไป , หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัวยุคเก่า ที่ชาวนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียงจำนวนมากให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง.

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

หลวงพ่อแช่ม ท่านใช้คาถาปลุกเสกกุมารดูดรกตอนอยู่ในครรภ์มารดา เสมือนเด็กที่มีกินสุขสบายในท้องผู้เป็นแม่ พุทธคุณเด่นในเรื่องช่วยทำมาหากินคล่อง มีโชค มีลาภ ไม่มีอด เป็นเมตตามหานิยมแก่ผู้พบเห็น และช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันอันตรายได้ดีเยี่ยม.

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ท่านเป็นหนึ่งในอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการสร้างกุมารให้กับ หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จ.นครปฐม ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของท่านเอง.

หลวงพ่อแช่มท่านถ่ายทอดพื้นฐานความรู้เรื่องบทสวดมนต์ และคาถาอาคมให้ท่องจำ สอนอ่าน เขียน อักขระขอม เพื่อปูทางไปสู่การเรียนคำภีร์อื่นๆโดยเฉพาะการสร้างกุมารทองนั้น หลวงพ่อเต๋ ก็ได้วิชามาจาก หลวงพ่อแช่ม จนกุมารของหลวงพ่อเต๋ ได้สร้างประสบการณ์มากมาย จนโด่งดังเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ.

หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

วัดถุมงคลของหลวงพ่อแช่ม ที่ท่านสร้างและปลุกเสกนั้น ไม่ว่าจะเป็นอะไร ก็ล้วนมีประสบการณ์แก่ผู้มีไว้ติดตัวอย่างกว้างขวาง เนื่องจากท่านเป็นผู้มีอาคมกล้าแก่ง และท่านยังมีอำนาจทางพลังจิตสูงอีกด้วย.

เล่าขานกันว่า หลวงพ่อแช่ม ท่านสำเร็จวิชากสิณ ซึ่งผู้ใดที่สำเร็จกสิณจะสามารถแสดงฤทธิ์ได้แบบที่คนธรรมดาทำไม่ได้ ในเรื่องของวิชาอาคม ไสยศาสตร์นี้ ถ้าปราศจากพลังอำนาจทางจิต การนำเอาวิชาอาคม หรือไสยศาสตร์มาใช้ก็ไม่ได้ผล  แต่สำหรับผู้ที่มีพลังอำนาจจิตกล้าแกร่งแล้ว จะสามารถใช้วิชาเหล่านี้ได้ผล ศักดิ์สิทธิ์ตามตำราที่บันทึกไว้จริงๆ.

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

คาถาบูชากุมารดูดรก หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง

ตั้ง นะโม 3 จบ :

โสสะอะนิ  สะอะนิโน  เอหิตาตะ  ปุเรถะมะมะ  ปาระมิง  หะทะยังเมภิ  สันเจถะกะโรถะ  วะจะนังมะมะ

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด

ตะกรุดเป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่ถูกสร้างขึ้นโดยอ้างถึงพุทธคุณ และทำมาจากวัสดุต่างๆ ตามตำราของครูอาจารย์แต่ละท่าน ตะกรุดได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะเชื่อกันว่าตะกรุดสามารถปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายให้แคล้วคลาด คงกระพัน รวมทั้งเรื่องโชคลาภ เมตตามหานิยม มีความโชคดีทั้งหลายทั้งปวง.

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ในปัจจุบันนั้น ตะกรุดถูกนำมาผสานเข้ากับการออกแบบที่สวยงาม โดดเด่นจนกลายเป็นเครื่องประดับที่แฝงพุทธคุณไว้อย่างลงตัว นั่นจึงทำให้ตะกรุดได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แม้ในหมู่คนดังและผู้ที่นิยมชมชอบทุกเพศทุกวัย.

ตะกรุดคือเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง เปรียบเสมือนวัตถุมงคลทำจากวัสดุง่ายๆ ตามพื้นถิ่น สร้างโดยเกจิอาจารย์ท่านนั้นๆ เพื่อมอบให้ลูกศิษย์ หรือว่าลูกศิษย์นำโลหะหรือของพื้นถิ่น อาทิ เงิน ทอง ตะกั่ว ทองแดง ทองเหลือง ฯลฯ มาให้เกจิอาจารย์ทำการลงอักขระยันต์ แล้วปลุกเสกนำมาแจกให้ลูกศิษย์พกติดตัวเพื่อเป็นมงคล จึงเป็นที่มาของตะกรุดต่างๆ ของแต่ละอาจารย์ แต่วิวัฒนาการสมัยนี้หากเกจิอาจารย์หรือวัดใดจะสร้าง ก็สามารถสั่งโรงงานได้ง่ายๆ มีโหละหาได้ง่าย สร้างแม่พิมพ์ขึ้นมาเป็นเลขยันต์ปั๊ม เพราะฉะนั้นการทำตะกรุดในปัจจุบันจะทันสมัยมากขึ้น.

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

 

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

สุดยอด เครื่องรางของขลัง พร้อมอิทธิปฏิหาริย์ที่ได้รับการกล่าวขานถึง คือ ผู้ใดได้บูชา ย่อมเป็นสิริมงคล นำความสำเร็จ ร่ำรวย รุ่งเรือง สู่ชีวิต.

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

กุมารทอง มหาลาภ หลวงปู่อิน วัดหนองเม็ก

กุมารทอง

ถ้าจะบูชาควรเป็นกุมารทองของแท้ถึงจะศักดิ์สิทธิ์

” กุมารทอง ” ของแท้ที่สมัยก่อนบูชานั้น ผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก กว่าจะเอากุมารทองมาทำเป็นของขลังของดี โดยจะผ่าท้องของแม่ เอาทารกตัวน้อยที่อยู่ในครรภ์ออกมา แล้วเอาทารกน้อยไปประกอบพิธีกรรมในป่าช้า โดยจะย่างไฟให้แห้งและบริกรรมท่องเวทมนตร์อาคมกำกับ ก่อนจะนำไปปลุกเสกอาคมอีกครั้ง ก็จะได้กุมารทองมีฤทธิ์มีเดชไว้ใช้งาน.

” กุมารทอง ” เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ของไทยเกี่ยวกับจิตรวิญญาณ ที่มาของกุมารทอง มาจากการเลี้ยงภูติผีปีศาจไว้ใช้งาน โดยกุมารทองจะเป็นวิญญาณของเด็กผู้ชาย  หากเป็นวิญญาณผู้หญิงที่เลี้ยงไว้จะเรียกว่า ” โหงพราย ”

กุมารทอง มหาลาภ หลวงปู่อิน วัดหนองเม็ก
กุมารทอง หลวงปู่อิน วัดหนองเม็ก
กุมารทอง หลวงปู่อิน วัดหนองเม็ก
กุมารทอง หลวงปู่อิน วัดหนองเม็ก
กุมารทอง หลวงปู่อิน วัดหนองเม็ก
กุมารทอง หลวงปู่อิน วัดหนองเม็ก
กุมารทอง หลวงปู่อิน วัดหนองเม็ก
กุมารทอง หลวงปู่อิน วัดหนองเม็ก จ.สุรินทร์
หลวงปู่อิน วัดหนองเม็ก จ.สุรินทร์

กุมานทองรุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว

กุมารทองเนื้อผง พิมพ์วัดซับน้อย รุ่น2 ปี 2544 หลังฝังพลอยเสก ปั๊มตราวัด ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน

กุมารทองเนื้อผง พิมพ์วัดซับน้อย รุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน

กุมารทองของ ครูบากฤษณะ องค์นี้เป็นพระยุคต้นที่หายากมากๆในทำเนียบวัตถุมงคลของ ครูบากฤษณะ ถ้าเทียบกับเทพมรจำแลงและสาริกาดงที่มีมากมาย แต่กุมารทองจะเป็นที่หายากสุด จากเจ้าวิชาธีรญาณและเทพพมรจำแลง หมายถึงว่าครูบกฤษณะแห่งวัดป่ามหาวัน เป็นเจ้าแห่งวิชาธีรญาณ ที่ได้ร่ำเรียนมาจริงจากผู้เป็นครูบาอาจารย์ของท่าน

กุมานทองรุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองรุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว

กุมารทองเนื้อผง พิมพ์วัดซับน้อย รุ่น2 ปี 2544 ออกหลังรุ่นแรกห้าปี ซึ่งรุ่นแรกออกในปี 2539 มีบล๊อกแม่พิมพ์ที่ทำด้วยพระอาจารย์อิฐ แห่งวัดซับน้อย และ บล๊อกแม่พิมพ์รุ่น 2 ได้ถูกสร้างด้วยอาจารย์ชนน แห่งพิษณุโลกซึ่งได้นำมาให้วัดป่ามหาวัน มอบให้แก่ครูบากฤษณะ เพื่อขออนุญาตสร้างและปลุกเสกสำหรับลูกสิษย์ของท่าน ดังนั้นกุมารทองเนื้อผง พิมพ์วัดซับน้อย รุ่น2นี้ จึงถือว่าถูกสร้างด้วยเมตตาของครูบากฤษณะ ซึงมีมวลสารศักดิ์สิทธิ์มากมายเช่น ผงขาวที่เป็นผงพรายกุมารล้วน ผงกรรมฐาน ผงพุทธคุณ ผงใบลาน ผงว่าน และผงศักดิ์สิทธิ์จากถ้ำต่างๆ และอุดฝังพลอยเสกมหาโภคทรัพย์ สำหรับดึงดูดความร่ำรวย และปั๊มตรายางของวัดอยู่ด้านหลัง จากคำภีร์ที่ท่านได้ทำเป็นผงในปี 2544 จึงถือว่าเป็นพระยุคต้นของ ครูบากฤษณะ รุ่นสองนี้มีเนื้อขาวกับเนื้อดำ และมีรุ่น3ที่มาหลังรุ่นนี้ ที่มีบล็อกแม่พิมพ์สร้างโดยอาจารย์คิม ที่วัดป่ามหาวัน เป็นเมตตาสร้างโดยตรงจาก ครูบากฤษณะ , ดังนั้นกุมารทองเนื้อผงรุ่นสองของครูบากฤษณะ จึงเป็นที่ยกย่องมากในเนื้อหาพุทธคุณและเป็นที่แสวงหาของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและพุทธศาสนิกชนทั่วไปมาก เนื่องจากได้ส้รางปาฏิหาริย์ และ ประสบการณ์มากมาย แก่ผู้ที่ห้อยบูชากุมารทองรุ่นนี้ เคยมีคนได้ถูกหวยจนร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีมาแล้ว และมีคนได้ผันเปลี่ยนชีวิตจากร้ายกลายเป็นดีอย่างน่าอัศจรรย์ ดังนั้นกุมารทองของท่านจึงเป็นที่ต้องการแก่เซียนพระมาก เพราะทุกรุ่รจัดสร้างจำนวนน้อย ราคาเช่าหากันจึงค่อนข้างสูง

กุมารทองเนื้อผง พิมพ์วัดซับน้อย รุ่น2กับรุ่น3 นี้จะมีมวลสารความต่างจากรุ่นแรกคือ รุ่นแรกเนื้อดูนุ่ม มีความเป็นเหลี่ยมและหนากว่า แต่มวลสารรุ่น2กับรุ่น3จะดูเนียนแน่นและบางกว่า แต่รุ่นแรกหายากและมีราคาแพงมาก

พุทธคุณดีทางด้าน เมตตามหานิยม มหาลาภ มหาโภคทรัพย์ ค้าขายดี แคล้วคลาด แก้อาถรรพ์ได้ดีมาก

กุมานทองรุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองรุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองรุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองรุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองรุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองเนื้อผง รุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองเนื้อผง รุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองเนื้อผง รุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองเนื้อผง รุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองเนื้อผง รุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองเนื้อผง รุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองเนื้อผง รุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองเนื้อผง รุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองเนื้อผง รุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมานทองเนื้อผง รุ่น2 ปี 2544 ครูบากฤษณะ วัดป่ามหาวัน เนื้อขาว
กุมารทองเนื้อผง พิมพ์วัดซับน้อย รุ่น2 ปี 2544 เนื้อดำ
กุมารทองเนื้อผง พิมพ์วัดซับน้อย รุ่น2 ปี 2544 เนื้อดำ
ครูบากฤษณะ อินทวันโณ

[ecwid widgets=”productbrowser search minicart” categories_per_row=”3″ grid=”10,3″ list=”60″ table=”60″ default_category_id=”28914364″ default_product_id=”0″ category_view=”grid” search_view=”list” minicart_layout=”MiniAttachToProductBrowser”]

 

ตะกรุดเชือกคาดเอว มหาอุตม์ พิชัยสงคราม 4 ดอก ปี 2521 อาจารย์ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง

ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 4 ดอก ปี 2521 อาจารย์ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง

ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม (แบบคาดเอว) เป็นตะกรุดที่คุณวิเศษสูงสุด ตามศัพท์หมายความว่า ยิ่งใหญ่ หรือ สูงสุด ที่เคยใช้ตามตำราพิชัยสงคราม ไมใช่มหาอุตม์ที่เข้าใจกันว่าอุดลาภ หรือไว้ที่บ้านเวลาภรรยาคลอดลูกต้องเอาออก

อาจารย์ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง

อาจารย์ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง

วิชาทำตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 

อาจารย์ชุม ไชยคีรี ท่านร่ำเรียนวิชามาจากอาจารย์ภาคใต้ที่มีชื่อเสียงถึงห้าอาจารย์ด้วยกัน ทุกอาจารย์เรียนจากสำนักวัดเขาอ้อ จ.พัทลุง จากรุ่นสู่รุ่นต่อๆกันมาทั้งหมด ตรงกับตำราพิชัยสงครามทั้งนั้น เคยมีประสพการณ์ กำบังตาศัตรู กระสุนศัตรูยิงมาไม่เข้าใกล้กาย นายทหารคนเดียวสามารถปกป้องพาลูกน้องให้แคล้วคลาดปลอดภัยทั้งกองร้อย พ่อค้า ข้าราชการ นำไปใช้ได้ผลดีมาแล้วมากมาย

พิธีปลุกเสกที่ถ้ำเสือ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เมื่อ 18 ก.พ. 2521 และเสกในพรรษาปี 2524 อีกครั้ง

ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 4 ดอก ปี 2521 อาจารย์ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
คาถาบูชา-วิธีใช้

ก่อนคาดเอว ให้เอาตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม ใส่เข้าในมือ ประนมมือแล้วท่อง นะโม 3 จบ

แล้วหลับตาภาวนาหายใจเข้านึกว่า “พุท”  หายใจออกนึกว่า “โธ”

จากนั้นภาวนา “ภะคะวา  สุคะโต  อะระหัง” หลายๆ จบ

แล้วคาดตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงครามเข้าที่เอวทั้งๆที่หลับตา คาดเสร็จแล้วเอามือขวาบีดบนกระหม่อม เอาหัวแม่มือซ้ายกดสะดืออึดใจภาวนา “นะอุอะมิ” จำนวน 3 อึดใจ เมื่อคาดแล้ว ไปไหนมาไหนไม่ต้องเอาออก เว้นแต่นอนร่วมกับผู้หญิงเท่านั้นที่ต้องเอาออก  ห้ามทดลองทำเป็นเล่น  เข้าที่คับขันภาวนากำบังตาศัตรู  กันอาวุธทุกชนิด คุณวิเศษสูงสุด มีแบบดอกเดียวและแบบ 4 ดอก .

ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 4 ดอก อ.ชุม ไชยคีรี พัทลุง
ตะกรุดเชือกคาดเอว มหาอุตม์ พิชัยสงคราม 4 ดอก
ตะกรุดเชือกคาดเอว มหาอุตม์ พิชัยสงคราม 4 ดอก
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 4 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 4 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 4 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 4 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
อาจารย์ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ภาพลองของ ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม อ.ชุม ไชยคีรี พัทลุง ภาพลองของ ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม อ.ชุม ไชยคีรี พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
ตะกรุดมหาอุตม์ พิชัยสงคราม 1 ดอก ปี 21 อ.ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง
อ.ชุม ไชยคีรี เขาชัยสน พัทลุง

[ecwid widgets=”productbrowser search minicart” categories_per_row=”3″ grid=”10,3″ list=”60″ table=”60″ default_category_id=”25649756″ default_product_id=”0″ category_view=”grid” search_view=”list” minicart_layout=”MiniAttachToProductBrowser”]