พระศิวลีต่อทรัพย์ หลังสาริกาคู่ ครูบากฤษณะ สำนักสงฆ์เวฬุวัน
พระศีวลีต่อทรัพย์ หลังสาริกาคู่
ครูบากฤษณะ อธิฐานจิตให้สำนักเขาศิลามณีนำไปแจกในงานปริวาสเมื่อปี 2555 จำนวน 380 องค์
มวลสารที่นำมาผสมสร้าง ที่บันทึกไว้ได้จากผู้ดำเนินการสร้างมีดังนี้ :
– มวลสาร ในกรุพระร่วงสุโขทัย
– ดินก้นบ่อกรุวัดชีปะขาวหาย
– แร่เหล็กน้ำพี้ พิจิตร
– ชันโรงเพียงดิน
– รวงผึ้งสามกิ่งรังเดียว
– มะพร้าวลูกเดียวสองหน่อ
– รังต่อหัวเสือ
มวลสารทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ได้รวมอยู่ใน พระศีวลีต่อทรัพย์ หลังสาริกาคู่ ชุดนี้
คนโบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับมวลสารที่นำมาผสมสร้างพระ จนสืบทอดมาถึงพระเกจิอาจารย์ รุ่นปัจจุบัน
– มวลสาร ในกรุพระร่วงสุโขทัย
มวลสารแรกที่จะกล่าวถึงคือ พระร่วงรางปืน กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุโขทัย ลักษณะพิเศษ คือ จะมีไขคลุมอีกชั้นหนื่ง และมีมากกว่าพระร่วงกรุอื่นๆ แต่ที่ไดรับความนิยมสูงจะเป็นเนื้อชินตะกั่วสนิมดำโบราณ จากเมืองสวรรคโลก ที่เรียกว่าสนิมมันปู ชึ่งมีน้อยมาก ด้วยพุทธลักษณะอันอ่อนช้อยงดงาม แต่แฝงด้วย ความเข้มขลัง ประกอบกับมี พุทธคุุณเป็นเลีศ จึงได้รับการยกย่องให้เป็น จักรพรรดิแห่งพระเนื้อชิน
– ดินก้นบ่อกรุวัดชีปะขาวหาย
วัดชีปะขาวหาย จ.พิษณุโลก แห่งนี้มีความผูกพันกับตำนานการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา อยู่ประการหนึ่งอันปรากฏในพงสาวดารเหนือ ดังนี้
พระศรีธรรมไตรปิฎกจึงรำพึงในพระทัยใคร่สร้างพระพุทธรูปให้แล้วด้วยสำฤทธิ์ ครั้นพระองค์รำพึงแล้ว จึงให้ช่างได้ บาพิศณุคนหนึ่ง บาพรหมคนหนึ่ง บาธรรมราชคนหนึ่ง บาราชกุศลคนหนึ่ง บาธรรมราชคนหนึ่ง บาราชกุศล ได้ช่างมาแต่เมืองศรีสัชนาสัย 5 คน มาแต่เมืองหริภุญไชยคนหนึ่ง เป็นช่าง 6 คน จึงมีพระราชโองการตรัสสั่ง ช่างทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลาย ให้ช่วยกันรักษาศิล 5 ประการอย่าให้ขาด
ครั้นสั่งช่างแล้วจึงพระราชทานรางวัลแก่ไพร่ทั้งหลาย ให้ขนดินและแกลบให้ช่างๆจึงประสมดินปั้นเป็นรูปพระพุทธเจ้าสามรูป ตามมีพระราชโองการตรัสสั่งนั้น ให้เหมือนพิมพ์เดียว และใหญ่น้อยเท่ากัน ครั้นปั้นเบ้าคุมพิมพ์แล้ว ท้าวพระยาทั้งหลายก็นำเอาทองสัมฤทธิ์มาถวายแก่พระองค์เจ้า ชวนกันหล่อพระพุทธรูปเป็นอันมากแล ช่างหล่อชานกันกินบวชเจ็ดวัน ก็ทำพิธีกรรมแก่เทวดาทั้งเจ็ดทิศ
ครั้นได้ฤกษ์ดีจึงเอาพิมพ์เข้าเตา วันเธอหล่อนั้น วันพฤหัสบดี เพ็ญเดือนสี่ปีจอ ชุมนุมพระสงฆ์ทั้งหลายมี พระอุบาลี พระศิริมานนท์ เป็นพระประทานและพระสงฆ์เจ้าทั้งหลาย หล่อให้พร้อมกันทั้งสามรูป แลรูปพระศรีศาสดา พระชินสีห์ ทั้งสองพระองค์นั้นทองแล่นเสมอกันบริบูรณ์ ยังแต่พระชินราชเจ้านั้น มิได้เป็นองค์เป็นรูปหามิได้
แต่ช่างหล่อถึงสามทีก็มิได้เป็นองค์ แลพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก ก็เกิดเป็นทุกข์ยิ่งนักหนาแลพระองค์ก็ตั้งสัจจาอธิษฐาน ว่า ด้วยบุญเดชะอันกูเรียนพระไตรปิฎก แลได้ทำพิธิกรรมฐานสอนสงฆ์ทั้งหลายให้ท่านอยู่ทางมรรคผลแก่พระสงฆ์เจ้า
อนึง จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ในอนาคตกาลนับมิได้ แต่พระองค์เจ้ารักษาศิลและถือความสัจมิได้ขาด มีใจกรุณาแก่คนและสัตว์ทั้งหลาย ครั้นพระองค์ตั้งสัจอธิษฐานแล้วจึงมีพระราชโองการว่า แก่เจ้าประทมว่า ให้ตั้งจิตอธิษฐานบ้างเถิด ครั้นนางตั้งสัจอธิษฐานแล้ว ก็ร้อนถึงอาสน์พระอินทร์เจ้า จึงนฤมิตเป็นตาปะขาว ลงมาช่วยทำรูปพระคุมพิมพ์ปั้นเบ้า ถ้านฤมิตเป็นไปทีเดียวก็ได้ แต่ว่าจะให้ปรากฏแก่สายตาคนทั้งหลาย ช่วยทำเป็นช่าง น้ำก็มิกิน ข้าวก็มิกิน ตาก็มิหลับ ใจก็แข็งหาที่กลัวมิได้ และมีรูปอันแก่กว่าคนทั้งหลาย แต่เที่ยวไปมาช่วย สองวันทีหนึ่ง สามวันทีหนึ่ง จึงทำตรีศูลในพระพักตร์ให้เป็นสำคัญ ให้รู้ว่าพระอินทร์เจ้าสุลาลัย ลงมาช่วย
ครั้นถึงเดือนหนึ่ง พิมพ์พระพุทธรูปแห้งแล้วจึงให้ช่างทั้งหลายตั้งเตาหล่อพระชินราช แต่ ณ วันพฤหัสบดี เดือน6 ขื้น8ค่ำ ปีกุน ตรีศก เพลาเช้า พุทธศักราช 1500 ปีกุน สัมฤทธิศก ด้วยอานุภาพพระอินทราธิราชเจ้าทองแล่นรอบคอบบริบูรณ์ทุกประการหาที่ติมิได้
ครั้นบริบูรณ์แล้วพระอินทร์เจ้าเสด็จออกจากเมือง อำมาตย์จึงเข้าไปกราบทูลแก่ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก ให้รู้อาการว่า ตาปะขาว ที่มาช่วยกันนั้นไปแล้ว พระองค์เจ้าจึงให้ไปตามแลดู ให้รู้เหตุ อำมาตย์ตามไปถึงกลางหนทาง ก็อันตรธานหายไปในที่นั้น อำมาตย์จึงเอาไม้ปักไว้เป็นสำคัญ แล้วจึงเข้ามาทูลให้พระองค์เจ้ารู้เป็นแมนมั่นว่า พระอินทร์เจ้ามาช่วย พระองค์เจ้าจึงให้ตีดินนั้นออก จึงเห็นตรีศูล ในพระพักตร์แห่งพระพุทธรูปนั้น ( พงศาวดารเหนือ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ ในงานพระราชทานเพลิงศพนายชุมพร ศรีสัชชนกุล พ.ศ 2516 )
ณ ตรงชีปะขาวหายไปนั้น ได้สร้างวัดขื้น ชื่อว่า ” วัดชีปะขาวหาย “นับว่าเป็นวัดที่มีอายุกาลเก่าแก่ทีเดียวของเมืองพิษณุโลก และที่สำคัญยิ่งอีกประการหนึ่ง เป็นสถานที่ พบพระเครื่องตระกูลพระหลวงพ่อโต และเป็นวัดเดียวที่พบมากที่สุด
– แร่เหล็กน้ำพี้ พิจิตร
เหล็กน้ำพี้ จากตำรากล่าวไว้ดังนี้
1. เหล็กน้ำพี้เป็นของขลัง มีของดีในตัวเองทุกอนูมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
2. เหล็กน้ำพี้เป็นของอาถรรพณ์ เร้นลับ และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทุกๆ อณู
3. เหล็กน้ำพี้เป็นเหล็กอาถรรพณ์ ใช้ล้างอาถรรพณ์ได้นับนานาประการ แม้ผู้มีวิชาคงกระพันชาตรีเพียงไร เหล็กน้ำพี้สามารถฟาดฟันได้ทั้งหมด
4. เหล็กน้ำพี้สามารถป้องกันภูติผีปีศาจได้ วิญญาณ ภูติผี ปีศาจไม่กล้าเข้าใกล้
5. เหล็กน้ำพี้กันมนต์ดำ วิชาเดรัจฉานวิชา ป้องกันได้
ผู้ที่นำพกติดตัวจะป้องกันสิ่งเลวร้ายได้ตลอดกาลแล้ว ยังเป็นวัตถุมงคลเมตามหานิยมอยู่ยงคงกระพันชาตรี และแก้กันโรคภัยไข้เจ็บ ปกป้องคุ้มครองตนเองให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆได้ทั้งปวง
– ชันโรงเพียงดิน
ชันโรงเป็นแมลงตัวเล็กๆคล้ายผึ้ง ชอบกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้เหมือนกัน ทำรังอยู่ใต้ดิน จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และมักชอบทำรังในบริเวณพื้นที่ค่อนข้างเงียบสงบ ห่างไกลจากผู้คนและสัตว์อื่นๆ
เมื่อเวลามันถ่ายออกมาจะมีสีดำเหนียวมีกลิ่น หอมประหลาด ซึ่งมันก็จะนำไปสร้างรังให้กับพวกมันนั่นเอง โบราณถือกันว่าชันโรง เป็นของทนสิทธิ์ ทีอาถรรพ์ลี้ลับ อานุภาพของชันโรงใต้ดินนั้นดีทางป้องกันไฟ กันคุณไสยมนต์ดำ มหาอุด แคล้วคลาด นักไสยเวทย์นิยมนำมาอุดที่หลังเบี้ยแก้ และทำเครื่องรางต่างๆ
– รวงผึ้งสามกิ่งรังเดียว
ตามความเชื่อของคนโบราณ ถ้าผึ้งมาทำรังในบริเวณบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบนต้นไม้ หรือเกาะทำรังตามเพดาร เชื่อกันว่าบ้านๆนั้นจะพบแต่ความโชคดีและมีโชคลาภ เป็นสิริมงคลแก่คนในบ้าน ยิ่งถ้าเป็นรังผึ้งที่ทำรังบนกิ่งไม้สามกิ่ง ถือว่าเป็นของมงคลที่หายากมาก เพราะถือเป็นเครื่องรางทนสิทธิ์ มีฤทธิ์อำนาจในตัวเอง
– มะพร้าวลูกเดียวสองหน่อ
มะพร้าว เป็นพืชยืนต้นชนิดหนึ่ง อยู่ในตระกูลปาล์ม มะพร้าวเป็นพืชซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้ในหลายทาง เช่น น้ำและเนื้อใช้รับประทาน เนื้อในผลแก่นำไปขูดคั้นทำกะทิ กะลานำไปประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ นอกจากนี้มะพร้าวจัดเป็นพรรณไม้มงคลชนิดหนึ่ง ตามตำราพรหมชาติฉบับหลวง ได้กำหนดให้ปลูกมะพร้าวไว้ทางทิศตะวันออกของบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล
– รังต่อหัวเสือ
คนโบราณเชื่อกันว่า สัตว์จำพวก ผึ้ง ต่อ แตน เป็นสัตว์มงคล ให้โชคให้ลาภ ฉะนั้นการนำเอารังต่อ รังผึ้ง มาเป็นส่วนผสมในการสร้างวัตถุมงคล เชื่อกันว่าจะทำให้วัตถุมงคล มีความเข้มขลัง และให้โชคลาภ เป็นสิริมงคล แก่ผู้ครอบครอง