พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

สู่บัลลังก์จักรพรรดิแห่งพระปิดตา

ในยุทธจักรนักสะสมพระเครื่อง หากเราเอ่ยถึง “พระสมเด็จ” อันดับหนึ่งในใจของทุกคนย่อมหนีไม่พ้น พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ฉันใดก็ฉันนั้น หากเอ่ยถึง “พระปิดตา” ที่ได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นสุดยอด เป็นจักรพรรดิแห่งพระปิดตาทั้งปวง ชื่อของ “หลวงปู่แก้ว พรหมสโร วัดเครือวัลย์ จังหวัดชลบุรี” ก็ต้องดังกึกก้องขึ้นมาในหัวใจของนักสะสมทุกระดับชั้น พระปิดตาของท่านไม่เพียงแต่เป็นเลิศด้านพุทธศิลป์ที่งดงามคลาสสิก แต่ยังเปี่ยมล้นไปด้วยพุทธคุณอันเข้มขลัง โดยเฉพาะด้าน “เมตตามหานิยม” ที่ถูกจัดให้อยู่ในระดับ “หัวแถว” ของวงการ ชนิดที่ว่าหาวัตถุมงคลอื่นใดมาเทียบเคียงได้ยากยิ่ง

การได้ครอบครองพระปิดตาหลวงปู่แก้วแท้ๆ สักองค์หนึ่งนั้น ถือเป็นสุดยอดปรารถนาและเป็นเกียรติยศสูงสุดของนักเล่นพระสายปิดตา เรื่องราวของท่านและวัตถุมงคลที่ท่านสร้างจึงเปรียบดั่งตำนานที่เล่าขานกันไม่รู้จบ ยิ่งศึกษาลึกลงไป ยิ่งค้นพบความมหัศจรรย์ ทั้งในด้านประวัติ ปริศนาธรรมที่แฝงอยู่ และมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านบรรจงสร้างขึ้นมากับมือ , เราจะมาเจาะลึกทุกแง่มุมกันอย่างถึงแก่น

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

 ประวัติพระอริยสงฆ์ผู้เร้นลับ “หลวงปู่แก้ว พรหมสโร”

กระแสที่หนึ่ง: ผู้หยั่งรู้จากเมืองเพชรบุรี

กระแสนี้เป็นที่เชื่อถือกันอย่างกว้างขวางที่สุด กล่าวกันว่าหลวงปู่แก้วท่านเป็นชาวเพชรบุรีโดยกำเนิด เกิดในราวปี พ.ศ. 2337 ในช่วงปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวถึง 3-4 รัชกาล เมื่อเติบใหญ่ท่านได้อุปสมบทและศึกษาพระธรรมวินัย วิปัสสนากัมมัฏฐาน และวิทยาคมต่างๆ จากพระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในยุคนั้นที่เมืองเพชรบุรี ซึ่งเป็นตักศิลาแห่งวิชาความรู้ที่สำคัญแห่งหนึ่งของสยามประเทศในสมัยนั้น

ด้วยความที่เป็นผู้มีจิตใจใฝ่ในความสงบวิเวก ท่านจึงออกธุดงค์วัตร แสวงหาโมกขธรรมไปตามป่าเขาลำเนาไพร จนกระทั่งจาริกมาถึงเมืองชลบุรี ได้พบกับ “วัดเครือวัลย์” ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงวัดเล็กๆ ที่กำลังจะรกร้าง สภาพชำรุดทรุดโทรม ท่านจึงได้ปักหลักจำพรรษาและเริ่มพัฒนาวัดเครือวัลย์ขึ้นมา ด้วยปฏิปทาอันน่าเลื่อมใส วัตรปฏิบัติอันเคร่งครัด และความเมตตาของท่าน ทำให้ชาวบ้านในแถบนั้นเกิดความศรัทธา ร่วมแรงร่วมใจกันบูรณะวัดจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ

หลวงปู่แก้วท่านเป็นพระที่พูดน้อย สันโดษ และมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรมเป็นสำคัญ กล่าวกันว่าท่านมีญาณสมาบัติสูงส่ง สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ และมีความเชี่ยวชาญในด้านว่านยาและสมุนไพรต่างๆ เป็นอย่างยิ่ง

กระแสที่สอง: พระเถระผู้ข้ามโขงจากเวียงจันทน์

อีกกระแสหนึ่งซึ่งมีผู้เชื่อถืออยู่บ้างเช่นกัน เล่าว่าหลวงปู่แก้วท่านเป็นชาวเวียงจันทน์ ประเทศลาว ได้เดินทางข้ามแม่น้ำโขงเข้ามายังฝั่งสยามเพื่อศึกษาพระพุทธศาสนาและปฏิบัติธรรม แล้วจึงธุดงค์รอนแรมมาจนถึงวัดเครือวัลย์ ข้อสันนิษฐานนี้อาจเกิดจากการที่พุทธศิลปะของพระปิดตาหลวงปู่แก้วบางพิมพ์ โดยเฉพาะ “พิมพ์ปั้น” หรือ “พิมพ์ลอยองค์” มีลักษณะคล้ายคลึงกับศิลปะของทางล้านช้างอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม กระแสแรกที่ว่าท่านเป็นชาวเพชรบุรีนั้นมีน้ำหนักและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างของเซียนพระรุ่นเก่ามากกว่า

ไม่ว่าประวัติที่แท้จริงของท่านจะเป็นเช่นไร สิ่งหนึ่งที่ทุกคนยอมรับโดยดุษณีก็คือ หลวงปู่แก้วคือพระอริยสงฆ์ผู้ทรงคุณวิเศษอย่างแท้จริง ท่านได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ไว้ให้กับวัดเครือวัลย์และวงการพระเครื่องไทย ท่านมรณภาพลงอย่างสงบในราวปี พ.ศ. 2430 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) สิริอายุรวมประมาณ 93 ปี นับเป็นพระเถระผู้มีอายุยืนยาวรูปหนึ่ง

หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

 ตำนานการสร้าง “พระปิดตา” อันลือลั่น

หัวใจของเรื่องราวทั้งหมดอยู่ที่นี่ครับ คือการจัดสร้างวัตถุมงคลที่กลายเป็นตำนานอมตะของท่าน นั่นคือ “พระปิดตา” พระปิดตาของหลวงปู่แก้วนั้น ท่านไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อการพาณิชย์หรือเพื่อปัจจัยใดๆ ทั้งสิ้น แต่ท่านสร้างขึ้นเพื่อมอบให้กับลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่มาช่วยกันพัฒนาวัด เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นพุทธานุสติ และเป็นของขลังไว้คุ้มครองป้องกันภยันตรายต่างๆ ดังนั้น จำนวนการสร้างจึงมีไม่มากนัก และแต่ละองค์ล้วนสร้างขึ้นด้วยความพิถีพิถันและเจตนาอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

สุดยอดมวลสารศักดิ์สิทธิ์: หัวใจแห่งความเข้มขลัง

การที่พระปิดตาหลวงปู่แก้วได้รับการยอมรับว่ามีพุทธคุณสูงส่ง โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยมนั้น ปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือ “มวลสาร” ที่ท่านนำมาสร้างพระ ซึ่งล้วนแต่เป็นของทนสิทธิ์ ของอาถรรรรพณ์ และของมงคลตามตำราโบราณที่หาได้ยากยิ่ง มวลสารหลักที่วงการพระเครื่องยอมรับกัน มีดังนี้

  1. ผงอิทธิเจ (ผงปถมัง หรือ ผงมหาราช): นี่คือ “หัวใจหลัก” และเป็นที่มาของพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมอันลือลั่น ผงอิทธิเจนี้ได้มาจากการเขียนสูตรยันต์บนกระดานชนวนด้วยดินสอพอง แล้วลบออกทำเช่นนี้ซ้ำๆ กันนับร้อยนับพันครั้ง จนได้ผงวิเศษที่มีอานุภาพสูงสุดในทางเมตตา มหาเสน่ห์ และเป็นที่รักใคร่แก่ผู้คนทั้งหลาย กล่าวกันว่าหลวงปู่แก้วท่านสำเร็จวิชาในการทำผงนี้อย่างแตกฉาน การปลุกเสกผงแต่ละครั้งต้องกระทำในพระอุโบสถ และมีพิธีกรรมที่เข้มงวดถูกต้องตามตำราทุกประการ

  2. ว่าน 108 ชนิด: หลวงปู่แก้วมีความเชี่ยวชาญด้านว่านยาสมุนไพร ท่านได้รวบรวมว่านมงคลและว่านที่มีฤทธิ์ทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรีต่างๆ เช่น ว่านดอกทอง, ว่านสาวหลง, ว่านสบู่เลือด, ว่านขุนแผน และอื่นๆ อีกมากมาย นำมาตากแห้งแล้วบดเป็นผงผสมลงไป

  3. เกสรดอกไม้บูชาพระ: ท่านจะรวบรวมเกสรดอกไม้นานาพรรณ โดยเฉพาะดอกไม้ที่มีชื่อเป็นมงคล ที่ชาวบ้านนำมาถวายพระในวันพระและวันสำคัญต่างๆ มาตากให้แห้งแล้วบดละเอียด

  4. ไคลเสมาและไคลโบสถ์: คือการขูดเอาคราบไคลที่จับอยู่ตามใบเสมาและผนังพระอุโบสถเก่าแก่ ซึ่งถือเป็นของทนสิทธิ์ที่ผ่านการสวดมนต์ทำวัตรมานับครั้งไม่ถ้วน มีอานุภาพในทางแคล้วคลาดและป้องกันสิ่งอัปมงคล

  5. ดินโป่ง: ดินจากโป่งต่างๆ ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งรวมของสัตว์ป่า นำมาเป็นเคล็ดในด้านเมตตา ทำให้เป็นที่รักใคร่ของคนและสัตว์

  6. ผงธูปและขี้เถ้ากระถางธูป: จากการบูชาพระประธานในพระอุโบสถ

  7. น้ำมันตังอิ๊ว: นี่คือ “ตัวประสาน” ที่สำคัญที่สุด ทำให้นื้อพระของหลวงปู่แก้วมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือมีความ “หนึกนุ่ม” และ “จัดจ้าน” น้ำมันตังอิ๊วจะทำหน้าที่ผสานมวลสารต่างๆ ให้เข้ากัน และเมื่อเวลาผ่านไปนับร้อยปี จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เนื้อพระแห้งสนิท มีความแกร่ง และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัว

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

กรรมวิธีการสร้าง: จากมวลสารสู่องค์พระ

เมื่อได้มวลสารครบถ้วนแล้ว หลวงปู่แก้วจะนำมาคลุกเคล้าให้เข้ากันในบาตร โดยมีน้ำมันตังอิ๊วเป็นตัวประสาน ในระหว่างที่คลุกเคล้ามวลสาร ท่านจะบริกรรมคาถากำกับตลอดเวลาจนเห็นว่ามวลสารเข้ากันดีแล้ว จากนั้นจึงนำไปกดลงในแม่พิมพ์

แม่พิมพ์ ของท่านส่วนใหญ่แกะจากหินมีดโกน หรือครกหินโบราณ มีทั้งฝีมือช่างชาวบ้านและอาจจะมีฝีมือช่างหลวงปนอยู่บ้าง ทำให้พิมพ์ทรงมีความงดงามอ่อนช้อยและคลาสสิกเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกดเป็นองค์พระแล้ว ท่านจะนำพระออกมาผึ่งลมให้แห้งสนิท แล้วจึงนำไป “คลุกรัก” หรือ “จุ่มรัก”

การคลุกรัก คือการนำองค์พระไปคลุกกับ “รักน้ำเกลี้ยง” (ยางรักสีดำ) หรือ “รักแดง” (ผสมชาด) เพื่อรักษาเนื้อพระไม่ให้แตกหักเสียหาย และเพื่อความสวยงาม จากนั้นอาจจะมีการ “ปิดทอง” ในขณะที่รักยังหมาดๆ อยู่ ทำให้แผ่นทองคำเปลวติดแน่นทนนาน กลายเป็นพระปิดตา “ปิดทองในพิมพ์” หรือ “ปิดทองเก่า” ที่สวยงาม

หลังจากนั้น ท่านจะนำพระทั้งหมดไปปลุกเสกเดี่ยวในพระอุโบสถอีกวาระหนึ่ง เป็นระยะเวลานานนับไตรมาส (3 เดือน) หรือจนกว่าท่านจะเห็นว่ามีอานุภาพพุทธคุณเต็มเปี่ยมแล้ว จึงจะนำออกมาแจกจ่ายต่อไป

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

 การจำแนกพิมพ์ทรงและเนื้อหา (หัวใจของเซียนพระ)

การจะเป็นเซียนพระปิดตาหลวงปู่แก้วได้นั้น ต้องแม่นใน “พิมพ์” และเข้าใจใน “เนื้อ” อย่างถ่องแท้ เราสามารถจำแนกพระปิดตาของท่านออกเป็นประเภท ได้ดังนี้

๑. เนื้อผงคลุกรัก

นี่คือประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมีราคาค่านิยมสูงที่สุดในบรรดาพระปิดตาของท่าน แบ่งตามพิมพ์นิยมได้ดังนี้

  • พิมพ์ใหญ่ หลังแบบ: ถือเป็น “พิมพ์จักรพรรดิ” ที่สุดของที่สุด หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร มีค่านิยมสูงระดับหลายล้านบาทจนถึงหลักสิบล้านบาท จุดเด่นคือด้านหลังขององค์พระจะมี “ยันต์” กดประทับอยู่ด้วย เป็นยันต์ที่สวยงามคมชัดและเป็นเอกลักษณ์ (ที่เรียกกันว่า “หลังแบบ”) เนื้อหาจะจัดจ้านมาก รักเก่าแห้งสนิท ทองที่ปิดมาแต่เดิมจะซึมเข้าไปในเนื้อรักแลดูฉ่ำซึ้ง การได้ส่ององค์จริงถือเป็นวาสนาอย่างสูง

  • พิมพ์ใหญ่ หลังเรียบ: ได้รับความนิยมรองลงมาจากพิมพ์หลังแบบ แต่ก็ยังคงหายากและมีราคาสูงมาก ด้านหลังจะเรียบ ไม่มีลวดลายยันต์ แต่ความงามของพิมพ์ทรงและเนื้อหาจัดจ้านไม่แพ้กัน

  • พิมพ์กลาง หลังแบบ/หลังเรียบ: มีขนาดย่อมลงมา เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบพระขนาดกะทัดรัด พุทธศิลป์ยังคงความอ่อนช้อยงดงามเช่นเดียวกับพิมพ์ใหญ่ ราคาย่อมเยากว่าแต่ก็ยังคงอยู่ในหลักล้าน

  • พิมพ์เล็ก: เป็นพิมพ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด น่ารักน่าใช้ พุทธคุณไม่แตกต่างจากพิมพ์ใหญ่ เหมาะสำหรับสุภาพสตรีและเด็ก หรือผู้ชายที่ชอบพระองค์เล็กๆ เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก

  • พิมพ์ปั้น (ลอยองค์): เป็นพระที่ไม่ได้เกิดจากการกดพิมพ์ แต่เกิดจากการ “ปั้น” ด้วยมือทีละองค์ ทำให้แต่ละองค์มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกันเลย มีทั้งแบบคลุกรักและไม่คลุกรัก เป็นพิมพ์ที่ศึกษาได้ยาก แต่ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ

๒. เนื้อตะกั่ว

นอกจากเนื้อผงคลุกรักแล้ว หลวงปู่แก้วยังได้สร้างพระปิดตาเนื้อตะกั่วผสมปรอทไว้ด้วยจำนวนหนึ่ง ซึ่งหายากมากเช่นกัน เนื้อตะกั่วของท่านจะมีลักษณะพิเศษคือ เมื่อผ่านกาลเวลามานาน จะเกิด “สนิมแดง” จับตามซอกผิวขององค์พระ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในการพิจารณา เนื้อตะกั่วเก่าจะมีความแห้งและมีน้ำหนักตึงมือ

๓. เนื้อผงใบลาน

เป็นเนื้อที่หายากที่สุดชนิดหนึ่ง สร้างจากผงใบลานคัมภีร์เก่าที่ชำรุดนำมาเผาไฟ แล้วบดเป็นผงผสมกับมวลสารอื่นๆ เนื้อพระจะออกเป็นสีเทาดำหรือดำสนิท มีความแห้งและแกร่งมาก

การพิจารณาพระแท้: ศาสตร์และศิลป์ของนักสะสม

การดูพระปิดตาหลวงปู่แก้วให้ “ขาด” นั้น ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญสูงมาก แต่มีหลักการพื้นฐานที่ต้องยึดไว้เสมอ คือ

  1. พิมพ์ทรงต้องถูกต้อง (ถูกพิมพ์): เส้นสายลายศิลป์ต้องคมชัด มีมิติ มีตำแหน่งแห่งที่ที่ถูกต้องตามมาตรฐานของแต่ละพิมพ์ แม้จะเป็นพระทำมือ แต่ก็มี “เค้าโครงหลัก” ที่เซียนพระยอมรับกัน

  2. เนื้อหาต้องถึงยุค (ถูกเนื้อ): เนื้อพระต้องมีความเก่าตามอายุร้อยกว่าปี เนื้อผงคลุกรักต้องมีความ “หนึกนุ่ม” คือดูนุ่มนวลแต่แข็งแกร่ง มีความแห้งสนิท เมื่อส่องดูจะเห็นมวลสารเล็กๆ ปรากฏอยู่ภายในเนื้อ รักที่เคลือบต้องแห้งสนิทและมีการ “ระเบิด” หรือ “ปริราน” จากภายในสู่ภายนอกตามธรรมชาติ ไม่ใช่การทำให้เก่าแบบผิวเผิน

  3. ธรรมชาติความเก่า (ถูกอายุ): ต้องมีร่องรอยการใช้ การสัมผัสที่สมเหตุสมผล มีความสึกหรอตามกาลเวลาในจุดที่ควรจะสึก ทองที่ปิดทับต้องมีความเก่า ซีด และหลุดร่อนไปตามธรรมชาติ รักและชาดต้องมีสีที่ถูกต้อง (รักเก่าจะดำสนิท, ชาดเก่าจะออกสีแดงอมส้ม ไม่ใช่แดงแปร๊ด)

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

 พุทธคุณและประสบการณ์ “สุดยอดแห่งเมตตา”

มาถึงบทสรุปที่เป็นที่สุดแห่งความปรารถนาของผู้คน นั่นคือ “พุทธคุณ” พระปิดตาหลวงปู่แก้วได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าโดดเด่นสูงสุดในด้าน “เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์” ชนิดที่เรียกว่า “ครอบจักรวาล” มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมามากมายจนกลายเป็นตำนาน เช่น

  • ตำนานเศษพระกับสุนัข: เรื่องเล่าสุดคลาสสิกที่ว่ากันว่า มีคนทำเศษพระปิดตาหลวงปู่แก้วที่แตกหักตกไว้ที่พื้น สุนัขตัวหนึ่งบังเอิญไปเลียกินเศษผงนั้นเข้าไป ปรากฏว่าหลังจากนั้น สุนัขตัวนั้นกลายเป็นที่รักใคร่ของสุนัขตัวเมียทั้งฝูงในย่านนั้น วิ่งตามกันเป็นพรวนไม่ห่างกาย จนเจ้าของแปลกใจและสืบจนรู้ว่าเกิดจากอานุภาพของผงหลวงปู่แก้ว นี่คือที่มาของคำว่า “ขนาดหมาเลียเศษพระยังมีเสน่ห์ถึงเพียงนี้ แล้วถ้าคนได้แขวนทั้งองค์จะขนาดไหน”

  • ประสบการณ์ด้านเจรจาค้าขาย: พ่อค้าแม่ขาย ข้าราชการ หรือนักธุรกิจที่ต้องติดต่อกับผู้คน ต่างก็มีประสบการณ์ตรงกันว่า เมื่ออาราธนาพระปิดตาของท่านติดตัวไปแล้ว การเจรจาต่อรองจะราบรื่นอย่างน่าอัศจรรย์ คนที่เคยเป็นศัตรูก็กลับกลายเป็นมิตร ผู้ใหญ่ให้ความเมตตาเอ็นดู การค้าขายเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

นอกจากเมตตามหานิยมแล้ว พุทธคุณด้าน แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร มีผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุร้ายแรงได้อย่างปาฏิหาริย์ หรือรอดพ้นจากคมศาสตราวุธมานักต่อนักแล้ว

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

 อมตะจักรพรรดิแห่งพระปิดตา

พระปิดตาหลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ไม่ใช่เป็นเพียงวัตถุมงคลที่มีราคาค่างวดสูงลิบลิ่วเท่านั้น แต่ยังเป็นประจักษ์พยานแห่งภูมิปัญญาและบารมีของพระอริยสงฆ์รูปหนึ่งในประวัติศาสตร์สยามประเทศ เป็นผลงานพุทธศิลป์อันทรงคุณค่าที่แฝงไว้ด้วยปริศนาธรรมแห่งการ “ปิดทวารทั้ง 9” เพื่อเข้าสู่ความสงบแห่งจิต และที่สำคัญที่สุด คือเป็นเครื่องยืนยันถึง “พลังแห่งความเมตตา” อันบริสุทธิ์ ที่หลวงปู่แก้วได้มอบไว้เป็นมรดกแก่คนรุ่นหลัง

การได้ศึกษาเรื่องราวของท่าน การได้พิจารณาความงามขององค์พระแต่ละองค์ ถือเป็นความสุขและเป็นมงคลอย่างยิ่งสำหรับนักสะสมอย่างพวกเรา และแม้ว่าโอกาสที่จะได้ครอบครององค์จริงอาจเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง แต่เพียงแค่ได้ศึกษาและซึมซับในตำนานอันยิ่งใหญ่นี้ ก็ถือเป็นกำไรแห่งชีวิตแล้ว

ขอให้บารมีแห่งหลวงปู่แก้ว พรหมสโร คุ้มครองทุกท่านให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญ และเป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลาย สมดังพุทธคุณอันเป็นอมตะของท่านสืบไป…

พระปิดตา พิมพ์ปั้นลอยองค์ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

การสร้างพระปิดตาของ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

การสร้างพระปิดตาของ หลวงพ่อแก้วนั้น โดยปกติแล้ว หลวงพ่อแก้ว ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยละเอียดรอบคอบ ท่านเป็นผู้เห็นการณ์ไกล กล่าวคือ ในขณะที่ท่านสอนบาลีไวยากรณ์อยู่นั้น ท่านก็ได้เก็บเอาผงที่ลบการเรียนภาษาบาลีซึ่งเขียนเป็นอักษรขอม ที่มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ แล้วท่านก็จะนำผงอักขระที่ได้จากการลบ มาผสมกับผงพระพุทธคุณ หรือผงมหาราช เป็นต้น

เมื่อเอาผงดินสอ และผงพุทธคุณรวมเข้ากันแล้ว ท่านก็เอาเกสรดอกไม้ต่างๆ ตลอดจนใบไม้ เปลือกไม้ และเนื้อไม้ มาบดให้ละเอียดเป็นผง แล้วจึงนำมาผสมกับผงอักขระ(ผงลบ) เอาน้ำข้าวเหนียวมาผสมทำให้เหนียว จึงเอากดลงในแม่พิมพ์ที่ทำจากหินมีดโกน ก็สำเร็จเป็นองค์พระ

พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ เนื้อผงพุทธคุณ

พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว

พระปิดตา หลังแบบ หลวงพ่อแก้ว

กล่าวกันว่าพระปิดตาที่ หลวงพ่อแก้ว สร้างในยุคแรกๆนั้น ท่านสร้างด้วยผงพุทธคุณ สีออกขาวก็มี สีออกเหลืองอ่อนบ้างก็มี และส่วนผสมที่สำคัญยิ่งอีกอย่างหนึ่งคือ “ไม้ไก่กุก” ซึ่งถือเป็นของหายากมาก ทางด้านพุทธคุณนั้นนับว่าเป็นมหาเสน่ห์ มหานิยมสูง ยิ่งถ้าได้พระอาจารย์ที่มีอาคมแก่กล้าปลุกเสกแล้ว จะเป็นของเข้มขลังดีที่ประเสริฐยิ่งนัก

 

 

ระหว่างการสร้างพระปิดตาของ หลวงพ่อแก้ว นั้น จะมีพระภิกษุสามเณร และชาวบ้านทั้งชายและหญิง มาร่วมมือกันตลอดเวลาในการสร้าง ตอนหลังเกิดชอบพอ รักไคร่กัน เป็นเพราะเสน่ห์มหานิยมที่เกิดจากผงพุทธคุณ ที่สร้างพระติดมือ ติดขันน้ำ และปลิวตกลงไปในโอ่งน้ำ เมื่อต่างคนต่างดื่มกิน จึงเกิดความรักไคร่กันขึ้น

เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น หลวงพ่อแก้ว จึงได้เปลี่ยนวิธีการผสมเนื้อพระเสียใหม่ โดยการนำเอาผงพุทธคุณ ผสมคลุกเคล้ากับรักให้เหนียวแน่น ไม่หลุดง่าย เพื่อกันไม่ให้ผงปลิว หรือติดมือ ติดขันน้ำ จึงเกิดเป็น “พระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก” ในยุคต่อมา

หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี

พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

พระปิดตาของ หลวงพ่อแก้วนั้น มิใช่ว่าจะมีพุทธคุณดีทางด้านเมตตามหานิยมเท่านั้น แม้แต่ทางคงกระพันชาตรี ก็มีอยู่มิใช่น้อยเช่นกัน วงการพระเครื่องเมืองไทย จึงได้จัดพระปิดตา ของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ให้อยู่ในชุดพระเบญจภาคี เป็นอันดับ 1 และได้กำหนดแบบพิมพ์มาตรฐานสากล ได้รับความนิยมมากเช่น: พระปิดตา พิมพ์ใหญ่ , พระปิดตา พิมพ์กลาง , พระปิดตา พิมพ์เล็ก และ พระปิดตา พิมพ์ปั้นลอยองค์

ส่วนด้านหลังพระทั้ง 3 พิมพ์แรกนี้ เท่าที่พบเห็นมี 3 แบบ 3 พิมพ์ คือ

1. เป็นแบบหลังรูปพระปิดตา เรียกว่า “หลังแบบ”

2. แบบหลังยันต์

3. แบบหลังเรียบ หรือ “แบบหลังเบี้ย”

ส่วนเนื้อพระเป็นเนื้อผงพุทธคุณล้วน มีสีขาว สร้างยุคต้นซึ่งหายากมาก ต่อมาสร้างเป็นเนื้อคลุกรัก มีสีค่อนข้างดำ , นอกจากนี้หลวงพ่อแก้ว ท่านได้สร้างพระปิดตาเนื้อตะกั่วผสมปรอท แจกแก่ชาวบ้านที่ไปช่วยขนไม้(ซุง) ต้นใหญ่ๆนำมาสร้างกุฏิ เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว ป้องกันคุณไสย และภูตผีปีศาจ เพราะเชื่อกันว่าผีกลัวปรอทมาก พระปิดตาเนื้อตะกั่วผสมปรอทของหลวงพ่อแก้วที่ว่านี้ก็คือ “พระปิดตาแลกซุง” สำหรับแจกแก่ชาวบ้านที่ไปช่วยกันลากไม้ซุงมาให้วัดนั้นเอง.

พระปิดตา พิมพ์ปั้น

และมีอีกพิมพ์ที่ถือเป็นพระปิดตาแลกซุง ก็คือ พระปิดตา พิมพ์ปั้นลอยองค์ แต่จะบอกว่าเป็นวัดเครือวัลย์วัดเดียวไม่ได้ เพราะพิมพ์ปั้นนี้มีออกทั้งจากวัดเครือวัลย์ และที่ออกจากวัดปากทะเล อำเภอบ้านแหลม จังหวัดชลบุรี , พิมพ์ปั้นลอยองค์ ทุกองค์จะมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่เหมือนกัน เพราะจะปั้นทีละองค์ แต่จะมีลักษณะคล้ายๆกัน.

พระปิดตาเนื้อผงแท้ๆของ หลวงพ่อแก้ว นั้น เนื้อต้องละเอียด เพราะเมื่อท่านตำส่วนผสมเสร็จแล้วก็จะนำมากรอง จากนั้นใช้น้ำรักเป็นตัวประสาน บ้างก็ทารักแดง เรียกว่า “ชาดจอแส” เป็นรักมาจากเมืองจีน ปัจจุบันไม่มีแล้ว และใช้เม็ดรัก ซึ่งได้จากต้นรักที่เป็นมงคลนาม มาตำลงไป บางองค์จะเห็นเม็ดรักโผล่ขึ้นมา อาจเป็นสีดำหรือสีแดง แต่จำนวนไม่มาก ถ้ามีรักหรือทองไปปิดบัง ทองและรักต้องเก่ากว่า ซึ่งดูยาก หากคนที่มีความรู้เรื่องรักและทองจะได้เปรียบ เพราะพระปิดตา ของ หลวงพ่อแก้ว หายากกว่าพระสมเด็จ วัดระฆัง เพราะมีการสร้างจำนวนน้อยกว่า แต่สร้างในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน นั่นคือเมื่อประมาณ 150 – 180 ปีมาแล้ว.

 

พระปิดตาลงรักปิดทอง สายชลบุรี

พระปิดตาสายชลบุรี ลงรัก ปิดทอง

ก่อนอื่นอยากบอกคำตอบที่คาใจสำหรับหลายๆท่าน ที่มีคำถามว่า”ทำไม”คนอดีตจึงจำเป็นต้องเอารักมาทาเคลือบองค์พระ เนื่องมาจากการห่อหุ้มพระเพื่อใช้ในการคล้องคอ หรือ นำติดตัวไปเมื่อเวลาออกจากเคหะสถาน ยังไม่มีกรอบพระ ตลับพระ ที่เป็นมาตรฐาน ที่มีความแข็งแรงแบบปัจจุบัน นักนิยมพระในอดีตจึงใช้วิธีนำรักมาจุ่มผิวพระ เพื่อป้องกันพระสึกหรอชำรุด แล้วนำมาห่อผ้า คล้องคอ คล้องแขน หรือ ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ บางคนนำมาถักเชือก ถักลวดแล้วจึงคล้องคอ  ดังนั้นจึงบอกได้เลยว่า พระเครื่องที่มีการลงรักแทบทุกองค์ เป็นพระเก่าในอดีต

พระที่นำมาให้ชมองค์แรกนี้ เป็นพระที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ผ่านการลงรักปิดทองมาแต่โบราณ สภาพรักทองหลุดร่อนไปตามการเวลาเพียงเล็กน้อย และ อีกองค์เป็นปิดตาเลี่ยมทอง เป็นปิดตาสายชลบุรีเช่นกัน สวยสมบูรณ์มาก เรียกได้ว่าเป็นพระที่ผ่านการใช้งานน้อยมาก ปรากฏเส้นบังคับพิมพ์ชัดเจน จัดว่าเป็น พระปิดตาสายชลบุรี ที่สวยอีกองค์หนึ่ง และ หาชมได้อยากเลยทีเดียว

พระปิดตาลงรักปิดทอง สายชลบุรี

พระปิดตาลงรักปิดทอง สายชลบุรี
พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี
พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี
พระปิดตาเนื้อผง หลังยันต์ข้าวหลามตัด หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เลี่ยมทอง
พระปิดตาเนื้อผง หลังยันต์ข้าวหลามตัด หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เลี่ยมทอง
พระปิดตาเนื้อผง หลังยันต์ข้าวหลามตัด หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เลี่ยมทอง
พระปิดตาเนื้อผง หลังยันต์ข้าวหลามตัด หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เลี่ยมทอง
พระปิดตาเนื้อผง หลังยันต์ข้าวหลามตัด หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เลี่ยมทอง
พระปิดตาเนื้อผง หลังยันต์ข้าวหลามตัด หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เลี่ยมทอง
พระปิดตาเนื้อผง หลังยันต์ข้าวหลามตัด หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เลี่ยมทอง
พระปิดตาเนื้อผง หลังยันต์ข้าวหลามตัด หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เลี่ยมทอง
พระปิดตาเนื้อผง หลังยันต์ข้าวหลามตัด หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เลี่ยมทอง
พระปิดตาเนื้อผง หลังยันต์ข้าวหลามตัด หลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง ชลบุรี เลี่ยมทอง