พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

สู่บัลลังก์จักรพรรดิแห่งพระปิดตา

ในยุทธจักรนักสะสมพระเครื่อง หากเราเอ่ยถึง “พระสมเด็จ” อันดับหนึ่งในใจของทุกคนย่อมหนีไม่พ้น พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ฉันใดก็ฉันนั้น หากเอ่ยถึง “พระปิดตา” ที่ได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นสุดยอด เป็นจักรพรรดิแห่งพระปิดตาทั้งปวง ชื่อของ “หลวงปู่แก้ว พรหมสโร วัดเครือวัลย์ จังหวัดชลบุรี” ก็ต้องดังกึกก้องขึ้นมาในหัวใจของนักสะสมทุกระดับชั้น พระปิดตาของท่านไม่เพียงแต่เป็นเลิศด้านพุทธศิลป์ที่งดงามคลาสสิก แต่ยังเปี่ยมล้นไปด้วยพุทธคุณอันเข้มขลัง โดยเฉพาะด้าน “เมตตามหานิยม” ที่ถูกจัดให้อยู่ในระดับ “หัวแถว” ของวงการ ชนิดที่ว่าหาวัตถุมงคลอื่นใดมาเทียบเคียงได้ยากยิ่ง

การได้ครอบครองพระปิดตาหลวงปู่แก้วแท้ๆ สักองค์หนึ่งนั้น ถือเป็นสุดยอดปรารถนาและเป็นเกียรติยศสูงสุดของนักเล่นพระสายปิดตา เรื่องราวของท่านและวัตถุมงคลที่ท่านสร้างจึงเปรียบดั่งตำนานที่เล่าขานกันไม่รู้จบ ยิ่งศึกษาลึกลงไป ยิ่งค้นพบความมหัศจรรย์ ทั้งในด้านประวัติ ปริศนาธรรมที่แฝงอยู่ และมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านบรรจงสร้างขึ้นมากับมือ , เราจะมาเจาะลึกทุกแง่มุมกันอย่างถึงแก่น

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

 ประวัติพระอริยสงฆ์ผู้เร้นลับ “หลวงปู่แก้ว พรหมสโร”

กระแสที่หนึ่ง: ผู้หยั่งรู้จากเมืองเพชรบุรี

กระแสนี้เป็นที่เชื่อถือกันอย่างกว้างขวางที่สุด กล่าวกันว่าหลวงปู่แก้วท่านเป็นชาวเพชรบุรีโดยกำเนิด เกิดในราวปี พ.ศ. 2337 ในช่วงปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวถึง 3-4 รัชกาล เมื่อเติบใหญ่ท่านได้อุปสมบทและศึกษาพระธรรมวินัย วิปัสสนากัมมัฏฐาน และวิทยาคมต่างๆ จากพระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในยุคนั้นที่เมืองเพชรบุรี ซึ่งเป็นตักศิลาแห่งวิชาความรู้ที่สำคัญแห่งหนึ่งของสยามประเทศในสมัยนั้น

ด้วยความที่เป็นผู้มีจิตใจใฝ่ในความสงบวิเวก ท่านจึงออกธุดงค์วัตร แสวงหาโมกขธรรมไปตามป่าเขาลำเนาไพร จนกระทั่งจาริกมาถึงเมืองชลบุรี ได้พบกับ “วัดเครือวัลย์” ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงวัดเล็กๆ ที่กำลังจะรกร้าง สภาพชำรุดทรุดโทรม ท่านจึงได้ปักหลักจำพรรษาและเริ่มพัฒนาวัดเครือวัลย์ขึ้นมา ด้วยปฏิปทาอันน่าเลื่อมใส วัตรปฏิบัติอันเคร่งครัด และความเมตตาของท่าน ทำให้ชาวบ้านในแถบนั้นเกิดความศรัทธา ร่วมแรงร่วมใจกันบูรณะวัดจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ

หลวงปู่แก้วท่านเป็นพระที่พูดน้อย สันโดษ และมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรมเป็นสำคัญ กล่าวกันว่าท่านมีญาณสมาบัติสูงส่ง สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ และมีความเชี่ยวชาญในด้านว่านยาและสมุนไพรต่างๆ เป็นอย่างยิ่ง

กระแสที่สอง: พระเถระผู้ข้ามโขงจากเวียงจันทน์

อีกกระแสหนึ่งซึ่งมีผู้เชื่อถืออยู่บ้างเช่นกัน เล่าว่าหลวงปู่แก้วท่านเป็นชาวเวียงจันทน์ ประเทศลาว ได้เดินทางข้ามแม่น้ำโขงเข้ามายังฝั่งสยามเพื่อศึกษาพระพุทธศาสนาและปฏิบัติธรรม แล้วจึงธุดงค์รอนแรมมาจนถึงวัดเครือวัลย์ ข้อสันนิษฐานนี้อาจเกิดจากการที่พุทธศิลปะของพระปิดตาหลวงปู่แก้วบางพิมพ์ โดยเฉพาะ “พิมพ์ปั้น” หรือ “พิมพ์ลอยองค์” มีลักษณะคล้ายคลึงกับศิลปะของทางล้านช้างอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม กระแสแรกที่ว่าท่านเป็นชาวเพชรบุรีนั้นมีน้ำหนักและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างของเซียนพระรุ่นเก่ามากกว่า

ไม่ว่าประวัติที่แท้จริงของท่านจะเป็นเช่นไร สิ่งหนึ่งที่ทุกคนยอมรับโดยดุษณีก็คือ หลวงปู่แก้วคือพระอริยสงฆ์ผู้ทรงคุณวิเศษอย่างแท้จริง ท่านได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ไว้ให้กับวัดเครือวัลย์และวงการพระเครื่องไทย ท่านมรณภาพลงอย่างสงบในราวปี พ.ศ. 2430 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) สิริอายุรวมประมาณ 93 ปี นับเป็นพระเถระผู้มีอายุยืนยาวรูปหนึ่ง

หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

 ตำนานการสร้าง “พระปิดตา” อันลือลั่น

หัวใจของเรื่องราวทั้งหมดอยู่ที่นี่ครับ คือการจัดสร้างวัตถุมงคลที่กลายเป็นตำนานอมตะของท่าน นั่นคือ “พระปิดตา” พระปิดตาของหลวงปู่แก้วนั้น ท่านไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อการพาณิชย์หรือเพื่อปัจจัยใดๆ ทั้งสิ้น แต่ท่านสร้างขึ้นเพื่อมอบให้กับลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่มาช่วยกันพัฒนาวัด เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นพุทธานุสติ และเป็นของขลังไว้คุ้มครองป้องกันภยันตรายต่างๆ ดังนั้น จำนวนการสร้างจึงมีไม่มากนัก และแต่ละองค์ล้วนสร้างขึ้นด้วยความพิถีพิถันและเจตนาอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

สุดยอดมวลสารศักดิ์สิทธิ์: หัวใจแห่งความเข้มขลัง

การที่พระปิดตาหลวงปู่แก้วได้รับการยอมรับว่ามีพุทธคุณสูงส่ง โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยมนั้น ปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือ “มวลสาร” ที่ท่านนำมาสร้างพระ ซึ่งล้วนแต่เป็นของทนสิทธิ์ ของอาถรรรรพณ์ และของมงคลตามตำราโบราณที่หาได้ยากยิ่ง มวลสารหลักที่วงการพระเครื่องยอมรับกัน มีดังนี้

  1. ผงอิทธิเจ (ผงปถมัง หรือ ผงมหาราช): นี่คือ “หัวใจหลัก” และเป็นที่มาของพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมอันลือลั่น ผงอิทธิเจนี้ได้มาจากการเขียนสูตรยันต์บนกระดานชนวนด้วยดินสอพอง แล้วลบออกทำเช่นนี้ซ้ำๆ กันนับร้อยนับพันครั้ง จนได้ผงวิเศษที่มีอานุภาพสูงสุดในทางเมตตา มหาเสน่ห์ และเป็นที่รักใคร่แก่ผู้คนทั้งหลาย กล่าวกันว่าหลวงปู่แก้วท่านสำเร็จวิชาในการทำผงนี้อย่างแตกฉาน การปลุกเสกผงแต่ละครั้งต้องกระทำในพระอุโบสถ และมีพิธีกรรมที่เข้มงวดถูกต้องตามตำราทุกประการ

  2. ว่าน 108 ชนิด: หลวงปู่แก้วมีความเชี่ยวชาญด้านว่านยาสมุนไพร ท่านได้รวบรวมว่านมงคลและว่านที่มีฤทธิ์ทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรีต่างๆ เช่น ว่านดอกทอง, ว่านสาวหลง, ว่านสบู่เลือด, ว่านขุนแผน และอื่นๆ อีกมากมาย นำมาตากแห้งแล้วบดเป็นผงผสมลงไป

  3. เกสรดอกไม้บูชาพระ: ท่านจะรวบรวมเกสรดอกไม้นานาพรรณ โดยเฉพาะดอกไม้ที่มีชื่อเป็นมงคล ที่ชาวบ้านนำมาถวายพระในวันพระและวันสำคัญต่างๆ มาตากให้แห้งแล้วบดละเอียด

  4. ไคลเสมาและไคลโบสถ์: คือการขูดเอาคราบไคลที่จับอยู่ตามใบเสมาและผนังพระอุโบสถเก่าแก่ ซึ่งถือเป็นของทนสิทธิ์ที่ผ่านการสวดมนต์ทำวัตรมานับครั้งไม่ถ้วน มีอานุภาพในทางแคล้วคลาดและป้องกันสิ่งอัปมงคล

  5. ดินโป่ง: ดินจากโป่งต่างๆ ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งรวมของสัตว์ป่า นำมาเป็นเคล็ดในด้านเมตตา ทำให้เป็นที่รักใคร่ของคนและสัตว์

  6. ผงธูปและขี้เถ้ากระถางธูป: จากการบูชาพระประธานในพระอุโบสถ

  7. น้ำมันตังอิ๊ว: นี่คือ “ตัวประสาน” ที่สำคัญที่สุด ทำให้นื้อพระของหลวงปู่แก้วมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือมีความ “หนึกนุ่ม” และ “จัดจ้าน” น้ำมันตังอิ๊วจะทำหน้าที่ผสานมวลสารต่างๆ ให้เข้ากัน และเมื่อเวลาผ่านไปนับร้อยปี จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เนื้อพระแห้งสนิท มีความแกร่ง และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัว

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

กรรมวิธีการสร้าง: จากมวลสารสู่องค์พระ

เมื่อได้มวลสารครบถ้วนแล้ว หลวงปู่แก้วจะนำมาคลุกเคล้าให้เข้ากันในบาตร โดยมีน้ำมันตังอิ๊วเป็นตัวประสาน ในระหว่างที่คลุกเคล้ามวลสาร ท่านจะบริกรรมคาถากำกับตลอดเวลาจนเห็นว่ามวลสารเข้ากันดีแล้ว จากนั้นจึงนำไปกดลงในแม่พิมพ์

แม่พิมพ์ ของท่านส่วนใหญ่แกะจากหินมีดโกน หรือครกหินโบราณ มีทั้งฝีมือช่างชาวบ้านและอาจจะมีฝีมือช่างหลวงปนอยู่บ้าง ทำให้พิมพ์ทรงมีความงดงามอ่อนช้อยและคลาสสิกเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกดเป็นองค์พระแล้ว ท่านจะนำพระออกมาผึ่งลมให้แห้งสนิท แล้วจึงนำไป “คลุกรัก” หรือ “จุ่มรัก”

การคลุกรัก คือการนำองค์พระไปคลุกกับ “รักน้ำเกลี้ยง” (ยางรักสีดำ) หรือ “รักแดง” (ผสมชาด) เพื่อรักษาเนื้อพระไม่ให้แตกหักเสียหาย และเพื่อความสวยงาม จากนั้นอาจจะมีการ “ปิดทอง” ในขณะที่รักยังหมาดๆ อยู่ ทำให้แผ่นทองคำเปลวติดแน่นทนนาน กลายเป็นพระปิดตา “ปิดทองในพิมพ์” หรือ “ปิดทองเก่า” ที่สวยงาม

หลังจากนั้น ท่านจะนำพระทั้งหมดไปปลุกเสกเดี่ยวในพระอุโบสถอีกวาระหนึ่ง เป็นระยะเวลานานนับไตรมาส (3 เดือน) หรือจนกว่าท่านจะเห็นว่ามีอานุภาพพุทธคุณเต็มเปี่ยมแล้ว จึงจะนำออกมาแจกจ่ายต่อไป

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

 การจำแนกพิมพ์ทรงและเนื้อหา (หัวใจของเซียนพระ)

การจะเป็นเซียนพระปิดตาหลวงปู่แก้วได้นั้น ต้องแม่นใน “พิมพ์” และเข้าใจใน “เนื้อ” อย่างถ่องแท้ เราสามารถจำแนกพระปิดตาของท่านออกเป็นประเภท ได้ดังนี้

๑. เนื้อผงคลุกรัก

นี่คือประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมีราคาค่านิยมสูงที่สุดในบรรดาพระปิดตาของท่าน แบ่งตามพิมพ์นิยมได้ดังนี้

  • พิมพ์ใหญ่ หลังแบบ: ถือเป็น “พิมพ์จักรพรรดิ” ที่สุดของที่สุด หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร มีค่านิยมสูงระดับหลายล้านบาทจนถึงหลักสิบล้านบาท จุดเด่นคือด้านหลังขององค์พระจะมี “ยันต์” กดประทับอยู่ด้วย เป็นยันต์ที่สวยงามคมชัดและเป็นเอกลักษณ์ (ที่เรียกกันว่า “หลังแบบ”) เนื้อหาจะจัดจ้านมาก รักเก่าแห้งสนิท ทองที่ปิดมาแต่เดิมจะซึมเข้าไปในเนื้อรักแลดูฉ่ำซึ้ง การได้ส่ององค์จริงถือเป็นวาสนาอย่างสูง

  • พิมพ์ใหญ่ หลังเรียบ: ได้รับความนิยมรองลงมาจากพิมพ์หลังแบบ แต่ก็ยังคงหายากและมีราคาสูงมาก ด้านหลังจะเรียบ ไม่มีลวดลายยันต์ แต่ความงามของพิมพ์ทรงและเนื้อหาจัดจ้านไม่แพ้กัน

  • พิมพ์กลาง หลังแบบ/หลังเรียบ: มีขนาดย่อมลงมา เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบพระขนาดกะทัดรัด พุทธศิลป์ยังคงความอ่อนช้อยงดงามเช่นเดียวกับพิมพ์ใหญ่ ราคาย่อมเยากว่าแต่ก็ยังคงอยู่ในหลักล้าน

  • พิมพ์เล็ก: เป็นพิมพ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด น่ารักน่าใช้ พุทธคุณไม่แตกต่างจากพิมพ์ใหญ่ เหมาะสำหรับสุภาพสตรีและเด็ก หรือผู้ชายที่ชอบพระองค์เล็กๆ เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก

  • พิมพ์ปั้น (ลอยองค์): เป็นพระที่ไม่ได้เกิดจากการกดพิมพ์ แต่เกิดจากการ “ปั้น” ด้วยมือทีละองค์ ทำให้แต่ละองค์มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกันเลย มีทั้งแบบคลุกรักและไม่คลุกรัก เป็นพิมพ์ที่ศึกษาได้ยาก แต่ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ

๒. เนื้อตะกั่ว

นอกจากเนื้อผงคลุกรักแล้ว หลวงปู่แก้วยังได้สร้างพระปิดตาเนื้อตะกั่วผสมปรอทไว้ด้วยจำนวนหนึ่ง ซึ่งหายากมากเช่นกัน เนื้อตะกั่วของท่านจะมีลักษณะพิเศษคือ เมื่อผ่านกาลเวลามานาน จะเกิด “สนิมแดง” จับตามซอกผิวขององค์พระ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในการพิจารณา เนื้อตะกั่วเก่าจะมีความแห้งและมีน้ำหนักตึงมือ

๓. เนื้อผงใบลาน

เป็นเนื้อที่หายากที่สุดชนิดหนึ่ง สร้างจากผงใบลานคัมภีร์เก่าที่ชำรุดนำมาเผาไฟ แล้วบดเป็นผงผสมกับมวลสารอื่นๆ เนื้อพระจะออกเป็นสีเทาดำหรือดำสนิท มีความแห้งและแกร่งมาก

การพิจารณาพระแท้: ศาสตร์และศิลป์ของนักสะสม

การดูพระปิดตาหลวงปู่แก้วให้ “ขาด” นั้น ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญสูงมาก แต่มีหลักการพื้นฐานที่ต้องยึดไว้เสมอ คือ

  1. พิมพ์ทรงต้องถูกต้อง (ถูกพิมพ์): เส้นสายลายศิลป์ต้องคมชัด มีมิติ มีตำแหน่งแห่งที่ที่ถูกต้องตามมาตรฐานของแต่ละพิมพ์ แม้จะเป็นพระทำมือ แต่ก็มี “เค้าโครงหลัก” ที่เซียนพระยอมรับกัน

  2. เนื้อหาต้องถึงยุค (ถูกเนื้อ): เนื้อพระต้องมีความเก่าตามอายุร้อยกว่าปี เนื้อผงคลุกรักต้องมีความ “หนึกนุ่ม” คือดูนุ่มนวลแต่แข็งแกร่ง มีความแห้งสนิท เมื่อส่องดูจะเห็นมวลสารเล็กๆ ปรากฏอยู่ภายในเนื้อ รักที่เคลือบต้องแห้งสนิทและมีการ “ระเบิด” หรือ “ปริราน” จากภายในสู่ภายนอกตามธรรมชาติ ไม่ใช่การทำให้เก่าแบบผิวเผิน

  3. ธรรมชาติความเก่า (ถูกอายุ): ต้องมีร่องรอยการใช้ การสัมผัสที่สมเหตุสมผล มีความสึกหรอตามกาลเวลาในจุดที่ควรจะสึก ทองที่ปิดทับต้องมีความเก่า ซีด และหลุดร่อนไปตามธรรมชาติ รักและชาดต้องมีสีที่ถูกต้อง (รักเก่าจะดำสนิท, ชาดเก่าจะออกสีแดงอมส้ม ไม่ใช่แดงแปร๊ด)

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

 พุทธคุณและประสบการณ์ “สุดยอดแห่งเมตตา”

มาถึงบทสรุปที่เป็นที่สุดแห่งความปรารถนาของผู้คน นั่นคือ “พุทธคุณ” พระปิดตาหลวงปู่แก้วได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าโดดเด่นสูงสุดในด้าน “เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์” ชนิดที่เรียกว่า “ครอบจักรวาล” มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมามากมายจนกลายเป็นตำนาน เช่น

  • ตำนานเศษพระกับสุนัข: เรื่องเล่าสุดคลาสสิกที่ว่ากันว่า มีคนทำเศษพระปิดตาหลวงปู่แก้วที่แตกหักตกไว้ที่พื้น สุนัขตัวหนึ่งบังเอิญไปเลียกินเศษผงนั้นเข้าไป ปรากฏว่าหลังจากนั้น สุนัขตัวนั้นกลายเป็นที่รักใคร่ของสุนัขตัวเมียทั้งฝูงในย่านนั้น วิ่งตามกันเป็นพรวนไม่ห่างกาย จนเจ้าของแปลกใจและสืบจนรู้ว่าเกิดจากอานุภาพของผงหลวงปู่แก้ว นี่คือที่มาของคำว่า “ขนาดหมาเลียเศษพระยังมีเสน่ห์ถึงเพียงนี้ แล้วถ้าคนได้แขวนทั้งองค์จะขนาดไหน”

  • ประสบการณ์ด้านเจรจาค้าขาย: พ่อค้าแม่ขาย ข้าราชการ หรือนักธุรกิจที่ต้องติดต่อกับผู้คน ต่างก็มีประสบการณ์ตรงกันว่า เมื่ออาราธนาพระปิดตาของท่านติดตัวไปแล้ว การเจรจาต่อรองจะราบรื่นอย่างน่าอัศจรรย์ คนที่เคยเป็นศัตรูก็กลับกลายเป็นมิตร ผู้ใหญ่ให้ความเมตตาเอ็นดู การค้าขายเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

นอกจากเมตตามหานิยมแล้ว พุทธคุณด้าน แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร มีผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุร้ายแรงได้อย่างปาฏิหาริย์ หรือรอดพ้นจากคมศาสตราวุธมานักต่อนักแล้ว

พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ยุคแรก

 อมตะจักรพรรดิแห่งพระปิดตา

พระปิดตาหลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ไม่ใช่เป็นเพียงวัตถุมงคลที่มีราคาค่างวดสูงลิบลิ่วเท่านั้น แต่ยังเป็นประจักษ์พยานแห่งภูมิปัญญาและบารมีของพระอริยสงฆ์รูปหนึ่งในประวัติศาสตร์สยามประเทศ เป็นผลงานพุทธศิลป์อันทรงคุณค่าที่แฝงไว้ด้วยปริศนาธรรมแห่งการ “ปิดทวารทั้ง 9” เพื่อเข้าสู่ความสงบแห่งจิต และที่สำคัญที่สุด คือเป็นเครื่องยืนยันถึง “พลังแห่งความเมตตา” อันบริสุทธิ์ ที่หลวงปู่แก้วได้มอบไว้เป็นมรดกแก่คนรุ่นหลัง

การได้ศึกษาเรื่องราวของท่าน การได้พิจารณาความงามขององค์พระแต่ละองค์ ถือเป็นความสุขและเป็นมงคลอย่างยิ่งสำหรับนักสะสมอย่างพวกเรา และแม้ว่าโอกาสที่จะได้ครอบครององค์จริงอาจเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง แต่เพียงแค่ได้ศึกษาและซึมซับในตำนานอันยิ่งใหญ่นี้ ก็ถือเป็นกำไรแห่งชีวิตแล้ว

ขอให้บารมีแห่งหลวงปู่แก้ว พรหมสโร คุ้มครองทุกท่านให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญ และเป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลาย สมดังพุทธคุณอันเป็นอมตะของท่านสืบไป…