หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จ.ระยอง

ตำนานผ้ายันต์พัดโบก

ปัญญาญาณหลวงปู่ทิมกับกัญชาเครื่องเชื่อมวิชา
 อานุภาพที่ประจักษ์ สู่การแสวงหาอันลึกซึ้ง
ในวงการพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง ไม่มีเซียนพระท่านใดไม่รู้จัก “ผ้ายันต์พัดโบก” ของหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง วัตถุมงคลชิ้นนี้จัดเป็น “ของหายากมาก” ที่นักสะสมต่างปรารถนา ด้วยเชื่อมั่นในพุทธคุณอันครอบจักรวาล โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยมและมหาเสน่ห์. เบื้องหลังความศักดิ์สิทธิ์นี้ มีเรื่องราวการแสวงหาวิชาอันน่าทึ่งของหลวงปู่ทิม ที่สะท้อนถึงปัญญาญาณอันลึกซึ้งของท่าน โดยมี “กัญชา” เป็นกุญแจสำคัญในการเปิดประตูสู่ภูมิปัญญาแห่งครูบาอาจารย์
1. จุดกำเนิดแห่งความสนใจ: ประจักษ์อานุภาพ “ผ้าโบกสาว”
ความสนใจในวิชาผ้ายันต์พัดโบกของหลวงปู่ทิมนั้น มิได้เกิดขึ้นลอยๆ หากแต่มาจากประสบการณ์ตรงที่ท่านได้เห็นอานุภาพของวิชานี้ด้วยตาตนเอง สมัยที่ท่านยังเป็นทหารรับใช้ชาติ ท่านได้รู้จักกับเพื่อนทหารผู้หนึ่งซึ่งมีพื้นเพอยู่บ้านค่าย เพื่อนผู้นั้นพก “ผ้าโบกสาว” หรือ “ผ้ายันต์พัดโบก” ของหลวงพ่อกราด วัดซากกอไผ่ ติดตัวอยู่เสมอ.
เรื่องเล่าขานกันว่า เพื่อนทหารท่านนี้ได้สำแดงฤทธิ์ของผ้ายันต์ให้หลวงปู่ทิมได้ประจักษ์ โดยใช้ผ้ายันต์โบกเรียกหญิงสาวที่ตนหมายปอง ซึ่งเคยด่าทอเขาอย่างเจ็บแสบ ผลปรากฏว่าอานุภาพของผ้ายันต์นั้นรุนแรงถึงขนาดทำให้หญิงสาวผู้นั้นทิ้งคันไถที่กำลังไถนาอยู่ และหอบผ้าหอบผ่อนติดตามเพื่อนทหารท่านนั้นกลับบ้านค่ายไปอยู่กินด้วยกันเลยทีเดียว. การได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์อันน่าอัศจรรย์นี้ ทำให้หลวงปู่ทิมผู้ซึ่งสนใจในเวทมนตร์คาถามานานแล้ว เกิดความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะร่ำเรียนวิชานี้ให้จงได้.

ผ้ายันต์ยืนยิ้ม หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ผ้ายันต์ยืนยิ้ม หลวงปู่ทิม


2. การแสวงหาครูบาอาจารย์: ปัญญาญาณเหนือสามัญ
เมื่อหลวงปู่ทิมได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านมิได้รอช้าที่จะออกเดินทางไปหาหลวงพ่อกราด วัดซากกอไผ่ เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์และขอร่ำเรียนวิชาผ้ายันต์พัดโบก. ทว่าการเดินทางครั้งนั้นมิได้ราบรื่นอย่างที่คิด ในครั้งแรกที่หลวงปู่ทิมไปถึงวัด หลวงพ่อกราดกลับชี้หน้าและโวยวายไล่ท่านออกจากวัด พร้อมปฏิเสธว่าตนไม่มีวิชาพัดโบกอะไรทั้งสิ้น.
แต่หลวงปู่ทิมท่านเป็นผู้มีความอดทนเป็นเลิศ และที่สำคัญคือท่านมี “ปัญญาญาณ” หรือ “ญาณหยั่งรู้” ที่เหนือกว่าคนทั่วไป ท่านได้ศึกษาอุปนิสัยใจคอของหลวงพ่อกราดมาจากเพื่อนทหารก่อนหน้านี้แล้วว่า หลวงพ่อกราดเป็นพระที่ปากร้าย ดุด่าไม่เลือกหน้า และที่สำคัญคือ “ชอบสูบกัญชาเป็นชีวิตจิตใจ”.
ด้วยความเข้าใจในอัธยาศัยเฉพาะตัวของครูบาอาจารย์ หลวงปู่ทิมจึงมิได้ย่อท้อ ท่านยังคงนั่งรออยู่ใกล้ๆ หลวงพ่อกราด เมื่อหลวงพ่อกราดหยุดด่าและคว้าเขียงกัญชาขึ้นมาเพื่อจะหั่นกัญชาสูบ แต่กลับมองหากัญชาไม่เจอ ในจังหวะนั้นเอง หลวงปู่ทิมได้หยิบ “ห่อกัญชา” ที่ท่านเตรียมใส่ย่ามติดตัวมาด้วยออกมาถวายแด่หลวงพ่อกราด.
หลวงพ่อกราดเมื่อได้รับกัญชาที่ถูกใจ ก็คว้าไปหั่น ยัดใส่บ้อง และจุดไฟสูบกัญชาอย่างสบายอารมณ์ เมื่ออารมณ์ของท่านค่อยๆ ดีขึ้น เห็นดังนั้น หลวงปู่ทิมจึงคลานเข้าไปหาอีกครั้งและเอ่ยปากฝากตัวเป็นศิษย์. การกระทำที่ดูเหมือนจะผิดแปลกจากขนบธรรมเนียมนี้ กลับเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้หลวงปู่ทิมได้รับการถ่ายทอดวิชาผ้ายันต์พัดโบกอย่างไม่ปิดบังอำพราง ในขณะที่พระภิกษุอีกรูปที่ร่วมเดินทางไปด้วยกลับไม่ได้รับวิชาเดียวกันนี้. นี่คือจุดเด่นที่สะท้อนถึงความเฉลียวฉลาดและปัญญาญาณอันลึกซึ้งของหลวงปู่ทิม ที่สามารถเข้าถึงจิตใจของครูบาอาจารย์ได้อย่างแท้จริง

ผ้ายันต์ยืนยิ้ม หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
3.  ตำนานและพุทธคุณ ผ้ายันต์พัดโบกหลวงปู่ทิม:


หลวงปู่ทิมได้เล่าเรียนและศึกษาวิชาอาคมอยู่กับหลวงพ่อกราดถึง 2 ปี จนเชี่ยวชาญในวิชาต่างๆ โดยเฉพาะวิชาผ้ายันต์พัดโบก. หลังจากนั้น ท่านได้ฝึกฝนจนสามารถสร้างผ้ายันต์พัดโบกขึ้นได้ด้วยตนเอง แต่ท่านก็หยุดเพียงเท่านั้น และได้แสวงหาครูบาอาจารย์ร่ำเรียนวิชาอื่นๆ ต่อไป.
การสร้างผ้ายันต์พัดโบกของหลวงปู่ทิมในยุคแรกๆ นั้น ห่างจากวัยที่ท่านร่ำเรียนมาหลายสิบปี จนกระทั่งท่านอายุล่วงเข้า 70 ปี ท่านจึงได้ทดลองสร้างผ้ายันต์พัดโบกอย่างพิถีพิถันตามตำราที่ได้ร่ำเรียนมากับหลวงพ่อกราด. การสร้างผ้ายันต์รุ่นแรกๆ นี้ ต้องแสวงหาวัสดุอาถรรพณ์หลายชนิดมาผสมกับหมึกที่จะใช้เขียนอักขระเลขยันต์ เช่น ไม้ไก่กุก, ไม้แยงแย้, ขมิ้นขาว, และไพลดำ. เมื่อได้วัสดุเหล่านี้มาแล้ว ก็นำมาบดให้ละเอียด ปลุกเสกตามกรรมวิธี แล้วนำมาผสมกับหมึกสำหรับลงผ้า เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีจึงนำมาลงบนผ้ายันต์ และนำไปปลุกเสกในโบสถ์ด้วยคาถาพัดโบก. ผ้ายันต์พัดโบกที่หลวงปู่ทิมสร้างขึ้นตามตำรานี้มีชื่อเสียงมาก แต่ท่านทำได้เพียงครั้งละไม่กี่ผืน. ผ้ายันต์ยุคต้นมัก เป็นผ้าขาวจารมือด้วยดินสอ ลายมือมาตรฐาน และจัดเป็นที่หายากยิ่ง.

พระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อสีฟ้า หลังตะกรุดมหาปราบ
ต่อมา เมื่อหลวงปู่ทิมย่างเข้าสู่วัยชรา อายุ 90 กว่าปี ท่านได้สั่งให้สร้างผ้ายันต์พัดโบกสีขาวขึ้นเป็นจำนวนมากในงานผูกพัทธสีมาของวัดละหารไร่ในปี พ.ศ. 2516 (บางแหล่งระบุ พ.ศ. 2517). ผ้ายันต์ชุดนี้สร้างโดยวิธีหมุนโรเนียว ใช้หมึกพิมพ์ธรรมดา ไม่มีการผสมวัสดุอาถรรพณ์เหมือนรุ่นแรกๆ. ลูกศิษย์ใกล้ชิดที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเห็นด้วยตาตัวเองว่า หลวงปู่ทิมปลุกเสกผ้ายันต์รุ่นแรกนี้จนผ้ายันต์ปลิวว่อนไปหมด.
พุทธคุณของผ้ายันต์พัดโบกหลวงปู่ทิมนั้นเชื่อกันว่าเหลือล้นครอบจักรวาล ทั้งในด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภัยอันตรายนานาประการ ปกป้องคุ้มครองจากภูตผีปีศาจและคุณไสยต่างๆ หากนำไปติดบูชาไว้ที่บ้านก็จะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและอยู่เย็นเป็นสุข.

พระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อสีฟ้า หลังตะกรุดมหาปราบ
4. บริบททางกฎหมายของกัญชาในอดีต: ก่อนการควบคุมจากตะวันตก
ประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งในเรื่องราวนี้คือ การที่หลวงปู่ทิมนำกัญชาไปถวายหลวงพ่อกราด ซึ่งในยุคสมัยนั้น กัญชายังไม่ถูกมองว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน.
ในอดีต กัญชาถูกใช้ในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งในฐานะส่วนประกอบในตำรับยาแผนไทย เครื่องปรุงรสในอาหาร และแหล่งเส้นใย. มีการบันทึกว่ากรรมกรใช้กัญชาเพื่อคลายกล้ามเนื้อ และยังใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากการคลอดบุตรในสตรี. การใช้ประโยชน์จากกัญชาในวิถีชีวิตประจำวันและทางการแพทย์แผนโบราณนี้ บ่งชี้ถึงช่วงเวลาที่กัญชายังไม่ถูกควบคุมทางกฎหมายอย่างเข้มงวด หรือยังไม่ถูกมองว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายโดยสิ้นเชิงในสังคมไทย.
การควบคุมกัญชาในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) ด้วยการประกาศใช้ พระราชบัญญัติกัญชา พุทธศักราช 2477 ซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับแรกที่กำหนดให้การครอบครอง การเพาะปลูก การจำหน่าย และการใช้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย. หลังจากนั้น กัญชาได้ถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ภายใต้ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522.
หลวงปู่ทิมอุปสมบทในปี พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900). หากเหตุการณ์การแสวงหาวิชาผ้ายันต์พัดโบกจากหลวงพ่อกราดเกิดขึ้นในช่วงต้นของชีวิตสมณเพศของท่าน นั่นคือ ก่อนปี พ.ศ. 2477 ข้อสันนิษฐานที่ว่ากัญชายังไม่ผิดกฎหมายในขณะนั้นย่อมเป็นไปได้. การที่หลวงปู่ทิม ซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่และเป็นที่เคารพอย่างสูง มีปฏิสัมพันธ์กับกัญชาในลักษณะนี้ แสดงให้เห็นว่าในบางบริบททางวัฒนธรรมหรือในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรมบางกลุ่ม การใช้หรือการมีอยู่ของกัญชาอาจไม่ได้ถูกมองว่าเป็นสิ่งต้องห้ามทางศีลธรรมอย่างเด็ดขาด ก่อนที่กฎหมายจะเข้ามาควบคุม ซึ่งแตกต่างจากสุราที่ถูกห้ามอย่างชัดเจนในพระวินัยมาโดยตลอด.

พระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อสีฟ้า หลังตะกรุดมหาปราบ
 ปัญญาญาณที่นำทางสู่ความสำเร็จ
เรื่องราวการได้มาซึ่งวิชาผ้ายันต์พัดโบกของหลวงปู่ทิม อิสริโก จากหลวงพ่อกราด วัดซากกอไผ่ จึงมิใช่เพียงตำนานการเรียนวิชาอาคมธรรมดา แต่เป็นบทเรียนอันลึกซึ้งถึง “ปัญญาญาณ” และความเฉลียวฉลาดของหลวงปู่ทิม ท่านมิได้ยึดติดกับขนบธรรมเนียมที่ตายตัว แต่สามารถหยั่งรู้ถึงอัธยาศัยเฉพาะตัวของครูบาอาจารย์ และใช้ “กัญชา” ซึ่งในยุคนั้นยังไม่ถูกควบคุมทางกฎหมายอย่างเข้มงวด เป็นเครื่องเชื่อมสัมพันธภาพและเปิดประตูสู่การถ่ายทอดวิชาอันศักดิ์สิทธิ์ การกระทำนี้สะท้อนถึงความเข้าใจอันลึกซึ้งในธรรมชาติของมนุษย์ และความสามารถในการปรับตัวเพื่อบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงภูมิปัญญาอย่างแท้จริง.

พระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อสีฟ้า หลังตะกรุดมหาปราบ

 

หลวงพ่อสาคร มนุญโญ

วัตถุมงคลหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ

พระเครื่องวัตถุมงคลหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ พระขุนแผน รุ่นแรก พ.ศ.2530 ขุนแผนผงพรายกุมาร:

พระขุนแผนรุ่นแรกจัดสร้างโดยหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ เมื่อปี พ.ศ. 2530 เพื่อสมทบทุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด โดยสร้างทั้งเนื้อผงและเนื้อว่าน (เช่น เนื้อตะกรุดเงิน) จำนวนรวม 500 องค์ มวลสารสำคัญคือผงพรายกุมารจากหลวงปู่ทิม และผงว่านต่างๆ (เช่น ว่านดอกทอง, ผงจินดารูปทอง) ผสมน้ำมันจินดามณี ฝังตะกรุดทั้งทองคำ เงิน ทองแดง ตามความพิเศษขององค์ พิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ แต่ทุกรุ่นเน้นเสริมมหาเสน่ห์ เมตตา มหานิยม ค้าขายร่ำรวย แคล้วคลาดปลอดภัย ปัจจุบันพระรุ่นนี้มีผู้นิยมสูง ราคาเช่าหาหลักหมื่นบาทขึ้น

รุ่นสอง พ.ศ.2538 : จัดสร้างในวาระฉลองพุทธาภิเษกเจดีย์หลังใหม่ หลวงพ่อสาครปลุกเสกร่วมกับเกจิดังหลายรูป และได้ใช้ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิมผสมมากเป็นพิเศษ พระมีลักษณะคล้ายรุ่นแรก มีทั้งพิมพ์เล็กฝังตะกรุด และพิมพ์ใหญ่ตอกโค้ด ซึ่งต่างกันที่ตำหนิเล็กน้อยทางแม่พิมพ์ วัตถุมงคลรุ่นนี้จึงได้รับความนิยมมาก

รุ่นสาม พ.ศ.2543: (ฉลองอายุ 63 ปี) หลวงพ่อสาครจัดสร้างขุนแผนรุ่น 3 ขึ้นในปี พ.ศ.2543 มีสองพิมพ์คือพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก หลวงพ่อท่านเสกเดี่ยวเต็มเหนี่ยวตามตำรับครูบาอาจารย์สายวัดละหารไร่ มวลสารคล้ายรุ่นก่อน มีมวลสารผงจินดา และชนวนมวลสารของพระเกจิอื่นๆ ผลจากพิธีใหญ่นี้จึงมีอานุภาพเด่นทางเมตตา มหาเสน่ห์ เป็นเลีศ

รุ่นผ้าป่าสามัคคี พ.ศ.2546: จัดสร้างในงานผ้าป่า วัดหนองกรับ ปี 2546 พระขุนแผนผงพรายกุมาร รุ่นนี้มีทั้งเนื้อชมพูทาทองและเนื้อขาวลงรักฝังตะกรุด จารอักขระยันต์ มีผงวิเศษผสม เช่น ผงจินดามณี ผงปถมัง ผงอิทธิเจและผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม ตำนานกล่าวขานกันว่าเคยมีชาวบ้านถูกยิง แต่ไม่เป็นอะไร หลังจากนั้นพระรุ่นนี้จึงมีชื่อเสียงโด่งดังด้าน คงกระพัน แคล้วคลาด ดีเยี่ยมยอด

วัตถุมงคลหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ

นอกจากนี้มีพระขุนแผนครอบจักรวาล (พ.ศ.2553) และพระไตรมาสปี 2555 เป็นต้น ทั้งหมดหลวงพ่อสาครปลุกเสกเดี่ยวหรือปลุกเสกหลักหลายวาระ พระรุ่นนี้ใช้ผงว่านของหลวงปู่ทิมผสมด้วย ,  หลวงพ่อสาคร ปลุกเสกให้ครบพุทธาภิเษกหลายรอบ

พระปิดตามหาลาภ 2524: เหรียญรูปไข่ปั๊มหนึ่ง (ไม่มีห่วง) หน้าพระปิดตา หลวงพ่อสาคร หลังอักขระยันต์พระคาถาหลัก สร้างฉลองสมณศักดิ์ปี พ.ศ.2524 เป็นรุ่นแรกของท่านในสายปิดตา เน้นเมตตา มหาลาภ และค้าขายดี (นิยมเรียก “เหรียญปิดตา 24”) พระปิดตาท้าวเวสสุวรรณ: จัดสร้างหลายรุ่น โดยเฉพาะผ้ายันต์ใหญ่สีเหลือง 1,000 ผืน มีหมายเลขประทับ และพิธีปลุกเสกใหญ่ที่วัดหนองกรับ “ท้าวเวสสุวรรณมหาราช” เป็นอีกพระเครื่องสำคัญของวัด เน้นพุทธคุณค้าขายร่ำรวย

หลวงพ่อสาคร จัดสร้างพระกริ่งไตรปิฎกในไตรมาส ปี พ.ศ.2544 แบ่งเป็นพิมพ์ใหญ่ อุดผงพรายกุมาร ฝังตะกรุดสามกษัตริย์ และพิมพ์เล็ก เรียกว่า กริ่งน้อยไตรปิฎก ก้นจาร นำชนวนพระกริ่งชินบัญชร, ปรโม, เก้าแก้ว หลวงปู่แก้ว ฯลฯ มาหลอมรวม ทั้งจารอักขระหลวงพ่อสาครตลอดไตรมาส จัดเป็นพระกริ่งพุทธคุณสูง ด้านเมตตา ให้โชคลาภ คงกระพัน แคล้วคลาด.

หลวงพ่อสาคร สร้างวัตถุมงคลอีกหลายรูปแบบ เช่น ตะกรุดโทนเสาร์ 5 (พ.ศ.2550) อุดผงพรายกุมาร, ผงกรุ และปิดหัวท้ายด้วยเทียนชัย, เพื่อเสริมเมตตามหาโชค; ตะกรุดโทนมหาปราบ (พ.ศ.2540) ถักเชือกทองแดง, ว่ากันว่าเข้มขลังเรื่องคงกระพัน ; ผ้ายันต์พัดโบก (วิชาดั้งเดิมของวัดหนองกรับ) ใช้ดีในทาง ช่วยแคล้วคลาด, ผ้ายันต์ชูชก (พ.ศ.2549 ออกเขาดินเนินหย่อง) เน้นคงกระพัน คุ้มครอง; และผ้ายันต์ต่างๆ เช่น “ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณมหาราช” (สร้าง1,000 ผืน) เพื่อเสริมโภคทรัพย์และปกปักษ์รักษา ตลอดจนรูปจำลองเสือ หรือ รูปจำลองหนุมาน, หมูมหาเฮง ปลุกเสกด้วยเช่นกัน เพื่อความสำเร็จ, มหาอุด, มหานิยม เหรียญรูปเหมือนและเหรียญพิเศษ เหรียญมหาโภคทรัพย์ หลวงพ่อสาคร รุ่นฉลองอายุครบ 73 ปี (ออกปี 2554) หลวงพ่อสาครสร้างเหรียญรูปเหมือนหลายรุ่น เพื่อเป็นสิริมงคลและหาเงินบูรณะวัด เช่น: – เหรียญบารมี๕๓ (พ.ศ.2553): เหรียญรูปไข่มีหูหล่อหลายเนื้อ ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนนั่งสมาธิ หลวงพ่อสาคร ขอบล่างจารชื่อ “พระครูมนูญธรรมวัตร (สาคร)”; ด้านหลังยันต์เมตตาโชคลาภ+ขอบบนจาร “บารมี๕๓” (๒ ปี๒๕๕๓) หลวงพ่อสาครนั่งปลุกเสกเองกับพระเกจิชื่อดัง 10 รูป วันที่ 11 ก.ย.2553 เนื้อทองคำตอกโค้ด 99 เหรียญ, เนื้อนวะ-ทองแดงชุดกรรมการ เหรียญรุ่นนี้โดดเด่นด้านเมตตามหาลาภ และยังหายาก (สภาพสวย-ราคาสูง)

– เหรียญมหาโภคทรัพย์ ฉลองอายุ 73 ปี (พ.ศ.2554): สร้างปี 2554 ในงานไตรมาส ยกฐานะเจ้าคุณครูสาคร ครบ 73 ปี เหรียญทรงกลมมีหู เป็นรูปเหมือนเต็มองค์ ด้านหลังเป็นยันต์นะกินมิรู้สิ้น (ยันต์มหาโภคทรัพย์) สร้างหลายเนื้อ (ทองคำ-เงิน ทองแดง),  ซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่ทรงทรงคุณค่า เน้นอานิสงส์ความร่ำรวย ครอบครองทรัพย์ อานุภาพทางโภคทรัพย์แก่ผู้บูชา

– เหรียญไตรมาส ๒๕๕๕: สร้างเนื่องในงานไตรมาสปีพ.ศ.2555 มีหลายพิมพ์ (รูปไข่) โดยมีบรรจุวัตถุมงคลมหาชนวนและเส้นเกศา หลวงพ่อสาครปลุกเสกพิธีใหญ่ครบถ้วน เน้นคงกระพันและเมตตามหานิยม

– เหรียญสามกษัตริย์ และ เหรียญเสมา 6 รอบ: รุ่นพิธีกรรมพิเศษ ปีต่างๆ เช่น เสมา 6 รอบ ปี 2553 (มวลสารเนื้อชนวน, จารอักขระ) ชุดเนื้อนวะกดโค้ด, เสมา 7 รอบ เป็นต้น เพื่อความเจริญรุ่งเรือง

– เหรียญรูปเหมือนถวายภัตตาหาร /ปี53-56: หลวงพ่อจัดสร้างเหรียญวงกลมทรงนาคปรก หรือรูปไข่เนื้อชนวนต่างๆ ในงานกฐิน (ฌาปนกิจ, ถวายภัตตาหาร เป็นต้น) เพื่อหาปัจจัย เช่น “เหรียญถวายภัตตาหาร” ปี 53-56 มีทั้งเนื้อเงิน-ทองเหลือง เหรียญเหล่านี้แม้สร้างจำนวนน้อย เป็นที่สะสมของศิษย์จึงมักเก็บไว้ เครื่องรางสัตว์ (สิงห์ เสือ หนุมาน ฯลฯ) สิงห์มหาปราบ (พ.ศ.2546): จัดสร้างในงานผ้าป่าวัดหนองกรับ ปี 2546 เป็นเครื่องรางรูปหัวสิงห์ขนาดเล็ก คือ “สิงห์มหาปราบ มังมี ศรีสุข” วัสดุเป็นโลหะกะไหล่ทองหรือสำริด อุดด้วยผงพรายกุมาร, ผสมผงจินดามณี, ฝังตะกรุดด้านหลัง เชื่อว่าเสริมฤทธิ์อำนาจในการปกครองผู้คน (มหาอำนาจ) และเมตตามหาเสน่ห์ นำความมั่งคั่งร่ำรวย

วัตถุมงคลหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ

เสือมหาอำนาจ: เครื่องรางรูปเสือไม้/โลหะ สำริด. รุ่นใหญ่ “สุดยอดเครื่อง เสือมหาอำนาจ” สร้างตามตำรับหลวงปู่ทิม เป็นหนึ่งในภายหลังจัดสร้างเนื้อสำริดอุดผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม, มีโค้ดกำกับพร้อมกล่องวัด เชื่อเสริมคงกระพัน ป้องกันไสย และเมตตามหานิยม

หนุมานมหาปราบไตรจักร (พ.ศ.2555): สร้างเป็นชุดกรรมการ (333 ชุด) พ.ศ.2555 เพื่อหาเงินสร้างหอระฆัง สำนักปฏิบัติธรรมเขาดินเนินหย่อง หลวงพ่อสาครตั้งชื่อว่า “มหาปราบไตรจักร” ปลุกเสกเอง ๙ วัน ๙ คืน พร้อมพิธีชุบตัวด้วยน้ำว่านพุทธมนต์ มีหลายเนื้อ (ทองเหลือง ทองแดงสำริด นวโลหะ ฯลฯ) ทั้งติดหมุดเงิน หมุดทองคำ ก้นอุดผงพระเกจิ วัดบรรจุชนวนยันต์หนุมาน ๑๖ ปาง, ยันต์ ๑๐๘, ใบพัดเรือประมง ฯลฯ และผงวิเศษมากมาย (ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม, ผงห้ากัน, ผงปถมัง, อิทธิเจ, ผงครูบาเอี่ยม, ผงว่าน 108 ชนิด ฯลฯ) พระหนุมานรุ่นนี้เด่นทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน, มหาอุด, เมตตา มหาโชค มหาเสน่ห์ และนำชัยชนะมาสู่ผู้บูชา

นอกจากนี้มี รูปหล่อหนุมานยืน, หมูมหาเฮง (ปี 2541 ขนาดตั้งบูชาและพกพา) ที่ปลุกเสกน้ำว่านพุทธมนต์ รวมถึงรูปจำลองพญาเต่าเรือน, พญาสัตว์ต่างๆ ที่หลวงพ่อท่านปลุกเสกเป็นครั้งคราว ทุกแบบเน้นพุทธคุณเฉพาะทาง เมตตามหานิยม, คงกระพัน, มหานิยม, มหาอุดตามความเชื่อ

ผ้ายันต์: หลวงพ่อสาครปลุกเสกผ้ายันต์หลายแบบด้วย เช่น ผ้ายันต์พัดโบก (พัดสาว) ซึ่งเป็นวิชาเอกวัดหนองกรับ , ผ้ายันต์ชูชก (ออก พ.ศ.2549) ปลุกเสกเดี่ยว, ผ้ายันต์เขียนยันต์ทวาราวดี, เน้นปกป้องคงกระพัน ยังมีผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณมหาราช (ผืนใหญ่สีเหลือง จัดสร้าง 1,000 ผืน ลงหมายเลข 1–1000 พร้อมตราวัด) เพื่อเสริมโภคทรัพย์และป้องกันภัย และผ้ายันต์อื่นๆ เช่น “ชุมนุมเทวดาโชคลาภ”, “ยันต์บูชายัญสามัคคี” ก็มีจัดทำเฉพาะกิจ ความนิยมและราคา วัตถุมงคลหลวงพ่อสาครเป็นที่นิยมสูง ภายใน 2–3 ปีหลังล่าสุดนี้ รุ่นไหนออกมามักหมดเกลี้ยงวัดในพริบตา นักสะสมจากกรุงเทพฯ ภาคอื่น ทั้งชาวมาเลเซีย-สิงคโปร์ ก็แห่จองกันแน่นวัด พระเครื่องทุกประเภทของท่านจึงถือเป็นพระดีมีประสบการณ์ที่หายากขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดพระออนไลน์พบว่า พระขุนแผนปี 30 รุ่นแรก เคยมีราคาเช่าหาถึงหลักหลายหมื่นบาท โดยทั่วไปพระยุคแรก (พ.ศ.๒๕๓๐–๓๘) มีค่าหน้าแผงสูง (หลักหมื่นบาท) ส่วนรุ่นหลังๆ พ.ศ.๒๕๔๓–๕๕ ก็ขึ้นตามความนิยม แม้พระกรรมการชุดนี้สร้างน้อย ราคาแพงในช่วงเปิดตัว เหรียญรูปเหมือนและรูปสัตว์สำคัญก็มีราคาดีเช่น เหรียญบารมี๕๓ รุ่น เนื้อทองคำ 99 เหรียญ หรือเหรียญมหาโภคทรัพย์๗๓ปี เนื้อทองฝาบาตร ล็อกเก็ตกรรมการ ต่างได้รับการยอมรับว่า “ราคาไปทางขึ้น” ตามกระแสความนิยม วัตถุมงคลรุ่นสำคัญของหลวงพ่อสาครจึงจัดเป็นของสะสมชั้นดี ประสบการณ์เด่น และมีแนวโน้มเพิ่มมูลค่าต่อเนื่องในปัจจุบัน

 วัตถุมงคลหลวงพ่อสาครจัดสร้างต่อเนื่องตลอดชีพ ทุกรุ่นผ่านพิธีพุทธาภิเษกเข้มขลัง รุ่นสำคัญมักร่วมปลุกเสกกับเกจิดัง (เช่น หลวงปู่ทิม, หลวงพ่อทวด, หลวงปู่เหรียญ ฯลฯ) ทุกเนื้อหามวลสารผสมผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม+ผงจากพระเกจิ+ผงอาถรรพ์ ตามสูตรโบราณ ลงยันต์นะ อักขระต่างๆ ตอกโค้ดกำกับ แต่ละรุ่นมีอักขระและรูปแบบพิมพ์เฉพาะตัว แสดงถึงประวัติและคุณวิเศษของพระเช่น เอกลักษณ์ยันต์ พระสังกัจจายน์รับทรัพย์ รุ่นปี 54 ใช้ยันต์ “นะกินมิรู้สิ้น” ด้านหลัง ปรารถนาโชคลาภ ที่สำคัญคือ วัตถุมงคลจัดสร้างสมัยท่านยังมีชีวิต (ก่อน พ.ศ.2557) จึงเป็นวัตถุมงคลแท้จากหลวงพ่อสาครเอง ทั้งหมดนี้ได้รับการบันทึกและเผยแพร่ในตำราพระเครื่องและชุมชนผู้ศรัทธาอย่างกว้างขวาง

พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

การสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ 

การสร้างวัตถุมงคลเนื้อผงของหลวงปู่ทิม นับตั้งแต่รุ่นแรกเป็นต้นมา มีดังต่อไปนี้

พระชุดโสหสมหาพรหม 

สร้างขึ้นประมาณ ปี 2503 จำนวนการสร้างแต่ละพิมพ์ไม่ค่อยแม่ขัด เพราะแม่พิมพ์ของแต่ละพิมพ์ได้นำพระเครื่องของชาวบ้านที่มีอยู่มากดพิมพ์ขึ้นมาเป็นต้นแบบ บางพิมพ์ก็สร้างมากบางพิมพ์ก็สร้างน้อย แต่ที่นิยมเล่นหาเป็นพิมพ์มาตรฐานมีไม่มากนัก พระชุดโสฬสมหาพรหมสร้างโดย คุณปถม อาจสาคร จำนวนการสร้างแต่ละพิมพ์ มากน้อยไม่เท่ากัน

พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

พระนาคปรก สัตตะนาเค 

สร้างขึ้นประมาณ ปี 2505 พระนาดปรกสัตตะนาเค มีด้วยกัน 2 พิมพ์ ได้แก่ พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก ส่วนจำนวนการสร้าง ประมาณพิมพ์ละ 104 องค์พระชุดเนื้อผงพรายกุมาร

พระชุดเนื้อผงสร้างขึ้นประมาณ ปี 2505-2516 ลุงสาย แก้วสว่าง ผู้เป็นไวยาวัจกร วัดละหารไร่ เป็นผู้แกะแม่พิมพ์พระจากหินมีดโกน พระชุดเนื้อผงมีดังต่อไปนี้

พระผงพรายกุมาร พิมพ์นางพญาพราชเดี่ยว จำนวนสร้างประมาณ 100 องค์

พระผงพรายกุมาร พิมพ์นางพญาพรายคู่ จำนวนสร้างประมาณ 200 คู่

พระผงพรายกุมาร พิมพ์พระสิวลี จำนวนสร้างประมาณ 200 องค์

พระผงพรายกุมาร พิมพ์หัวโต จำนวนสร้างประมาณ 2000 องค์

พระผงพรายกุมาร พิมพ์หัวเล็ก จำนวนสร้างประมาณ 3000 องค์

พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

พระปิดตา พิมพ์บัวผุด

สร้างขึ้นประมาณปี 2516 จำนวนสร้างประมาณ 22 องค์ และขุนแผนผงพรายกุมารมีด้วยกัน 2 พิมพ์ ได้แก่ พิมพ์ใหญ่ และพิมพ์เล็ก

พระสมเด็จไร่วารี

สร้างขึ้นในปี2517 มีด้วยกัน 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่พิเศษ จำนวนการสร้างน้อย ไม่เกิน 100 องค์ ส่วนพิมพ์เล็ก หลวงตาบาง เป็นผู้สร้างมาถวายให้หลวงปู่ทิมปลุกเสก จำนวนสร้างประมาณ 3000 องค์

ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

พระชุดเนื้อผงผสมผงพรายกุมาร

พระชุดเนื้อผงผสมผงพรายกุมาร มีสร้างด้วยกันหลายพิมพ์ ดังนี้ :

พระปิดตา พิมพ์จัมโบ้ จำนวนสร้าง 26 องค์

พระปิดตาผสมผงพรายกุมาร พิมพ์ใหญ่ จำนวนสร้าง 96 องค์ มีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ :

ชนิดโรยตะไบพระกริ่งชินบัญชร จำนวนสร้าง 48 องค์

ชนิดไม่โรยตะไบพระกริ่งชินบัญชร จำนวนสร้าง 48 องค์

พระปิดตาหลังยันต์ห้า ฝังพลอย จำนวนสร้าง 9000 องค์พระปิดตาหลังยันต์ห้าเล็ก จำนวนสร้าง500 องค์ มีทั้งแบบ

หลังยันต์ห้า และหลังยันต์เรียบ

พระปิดตาหลังยันต์น้ำเต้า จำนวนสร้าง 2000 องค์ มีทั้งแบบฝังพลอย และไม่ฝังพลอย

พระพิมพ์ใบโพธิรูปเหมือนเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ฯ หลังยันต์น้ำเต้า จำนวนสร้าง 500 องค์

พระพิมพ์สมเด็จหลังยันต์สาม (ยันต์ใบพัด) จำนวนสร้าง 5,000 องค์

พระพิมพ์สมเด็จหลังยันต์ห้า (ยันต์กระบองไขว้) จำนวนสร้าง 5,000 องค์

พระนาคปรก ผงดำ วัดสุทัศน์ฯ จำนวนสร้าง 600 องค์

พระปิดตาจัมโบ้ (พิเศษ) คุณประชา ตรีพาลัย สร้าง จำนวนสร้าง16 องค์

พระปางลีลาทุ่งเศรษฐี หลังฝังพลอย จำนวนสร้าง 40 องค์

พระผงสุพรรณ หลังฝังพลอยโรยตะไบพระกริ่งชินบัญชร จำนวนสร้าง 40 องค์

พระรอด โรยตะไบพระกริ่งชินบัญชร จำนวนสร้าง 16 องค์

พระกำแพง พลูจีบ หลังฝังพลอย จำนวนสร้าง 30 องค์

พระรูปเหมือนลอยองค์ พิมพ์สามเหลี่ยม หลังยันต์ห้า ฝังพลอย จำนวนสร้าง30 องค์ เนื้อหลังล็อกเกต รุ่นไหว้ครู ผสม

เกศาหลวงปู่ทิม จำนวนสร้าง 2 องค์

พระปิดตา พิมพ์ยันต์ยุ่ง เนื้อผงขาว หลังเรียบ จำนวนสร้าง 9 องค์

พระพิมพ์เล็บมือ (พิมพ์ท้ายตลาด) จำนวนสร้าง 69 องค์

พระปิดตา พิมพ์เล็ก (คะแนน) เนื้อผงหลังล็อกเกตไหว้ครู ผสมเส้นเกศาหลวงปู่ทิม จำนวนสร้าง 2-3 องค์

พระขุนแผนผงพรายกุมาร

ประวัติการสร้างพระเนื้อผงโสพสมหาพรหม

พระเนื้อผงโสหสมหาพรหม เป็นผงพุทธคุณที่วิเศษสุดยอดแห่งอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มีคุณค่าต่อการนำมาสร้างพระเครื่อง โดยท่านอาจารย์ ปถม อาจสาคร อดีตสหกรณ์ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เป็นผู้รวบรวมผง เพื่อสร้างพระถวายแด่หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่อันเป็นที่มาของพระชุดผงโสฬสมหาพรหมซึ่งหาผู้ที่สำเร็จวิชาโสฬสมหาพรหมได้ยากมาก นับเป็นวิชาที่มีความสลับซับซ้อน ต้องใช้ความเพียรพยายามในการลงด้วยอักขระตัวธรรม (ขอมลาว) เป็นกลยันต์ มีการลบถมเรียกสูตร อธิษฐานจิตปลุกเสกตามฤกษ์ยามมงคล โดยผู้ที่สำเร็จวิชาโสฬสมหาพรหม จะสามารถดลบันดาลให้เทพเทวะทั้ง 16ชั้นฟ้า 15ชั้นดิน 14บาดาล 20ชั้นพรหม ภควพรหม จนถึงพรหมสุทธาวาส ทุกพระองค์มาร่วมอนุโมทนาอำนวยพรผงวิเศษและวัตถุอาถรรพ์ที่นำมาผสมเพื่อสร้างพระชุดเนื้อผงโสพสมหาพรหม มีดังนี้

1. ผงวิเศษโสฬสมหาพรหม ของหลวงปู่ศรีทัต วัดท่าดอกแก้ว จ.นครพนม

2. ผงวิเศษโสฬสมหาพรหม ของโยคีฮาเร็บ (อาจารย์ชื่น จันทร์เพชร) แห่งอินเดีย

3. ผงนวโลกุตระ ของหลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว จ.นครพนม

4. ผงโสหสมงคลพิสดาร ของหลวงปู่เฮี้ยง วัดป่าอรัญญิกาวาส จ.ชลบุรี

5. ผงนะปัดตลอดลอดใต้กระดาน ของหลวงพ่อบุญมี วัดโพธิสัมพันธ์ จ.ชลบุรี

6. ผงรัตนมาลา ของฤๅษีสันตจิต หรือท่านเจ้าคุณพระอริยคุณาสาร (เส็ง ปุสโส) วัดเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น

7. ผงเจ็ดจันทร์เพ็ญ ของพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร แห่งภูลังกา

8. ผงพรหมโลก ของพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร แห่งภูลังกา

9. ผงสัมพุทเธหงสา ของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จังหวัดสกลนคร

10. ผงสัตตะนาเค หมายถึง พญานาค 7 ตน หรือ 7 เคียร ใช้วิชาเลขกลในคัมภีร์ตรีนิสิงเห ตั้งสูตรทวาทศลงในกระดานลบผงวิเศษ เอา7 คุณ 7 หารได้เศษตราไว้ เรียกยันต์ชักสูตรกลับไปให้เข้าอยู่ในรูปองค์สัตตะนาเคถ้าสร้างเป็นองค์พระให้ปลุกเสกด้วยพระคาถาบทภุชงค์บริพัตร

11. ใบลานจารึกอักษรหนังสือใหญ่ ใบลานภาษาบาลี สันสกฤต ใบลานอักษรมอญ ใบลานจารึกอักษรธรรม 108 คัมภีร์ ดินยอดดอยปราศจากการเหยียบย่ำ ดินขุยปู 10 รูปู ดินสังเวชนียสถานทั้ง 4แห่ง ข้าวสารดำจากกรุโบราณ รังหมาล่าปิดพระกรรณ  ไคลเสมา8 ทิศ กบิลว่านบดละเอียดเป็นผงทั้ง 108

12. ผงปถมัง, อิทธิเจ, ตรีนิสิงเห มหาราช, ผงธาตุทั้ง 4 นำมาผสมเข้าด้วยกัน ผสมด้วยรักสมุก

ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วักละหารไร่

ประวัติการสร้างพระเนื้อผงพรายกุมาร

พระเนื้อผงพรายกุมาร เป็นพระผงที่สุดยอดเรื่องความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังพลังพุทธานุภาพ พุทธคุณครอบคลุมทุกด้านผงพรายกุมารเป็นวิชาอาถรรพ์ที่หลวงปู่ทิมได้พบในตำราเก่าของหลวงปู่สังข์เฒ่า อดีตเจ้าอาวาสและเป็นสมภารองค์แรกที่ได้ก่อตั้งวัดละหารไร่ หลวงปู่สังข์เต่ามีศักด์เป็นทวดของหลวงปู่ทิมอีกด้วย

หลวงปู่สังข์เฒ่า ท่านเป็นพระที่มีอาคมแก่กล้ามาก มีวิชาสาลิกาหลงรัง ถ้าท่านถ่มน้ำลายลงพื้นเมื่อไหร่ พื้นนั้นจะแตกทันที หลวงปู่ทิมท่านได้ศึกษาตำราการสร้างผงพรายกุมารด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อประมาณกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ โดยมี นายสาย แก้วสว่าง ซึ่งเป็นไวยาวัจกร ได้ประชุมหารือกันเรื่องจะสร้างพระเครื่อง เพื่อเป็นการสมนาคุณให้แก่ชาวบ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้ที่มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่  ซึ่งในครั้งนั้นหลวงปู่ทิมได้กล่าว ว่าหากได้ผงพรายกุมารมหาภูติ ผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น เพราะอานุภาพแห่งผงพรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่ คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร

เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการที่จะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารสำคัญในการสร้างพระเครื่องในครั้งนั้นหมอกุหลาบ จ้อยเจริญผู้ที่มีวิชาอาคมและสมาธิกล้าแข็งได้ขันอาสาในการไปนำกะโหลกพรายกุมารซึ่งเป็นวัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่งจากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งทางญาติได้นำมาฝังไว้ที่ป่าช้าวัดละหารไร่) ในการเข้าไปนำกระโหลกพรายกุมารออกมานั้น หมอกุหลาบ ได้เจออิทธิ์ฤทธิ์จากนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่งวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา และบารมีของหลวงปู่ทิม ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ยินยอมและเต็มใจในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ , หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการในครั้งนี้ได้อย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี.

หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวย้ำว่าการสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อได้กระโหลกพรายกุมารมาแล้ว ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า ประมาณสามถึงสี่เดือนจนแห้งสนิทไม่มีกลิ่น จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมมอบให้จบครบทั้งหมด ผสมน้ำแช่เกสรบัว ทั้งปั้นเป็นแห่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดจนแห้ง รอฤกษ์งามยามดี ตามที่หลวงปู่ทิมได้กำหนดไว้ จึงทำแท่งปั้นมาเขียนอักขระยันต์ต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำพิธีในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ 9 รูป โดยหลวงปู่ทิม เป็นประธานสงฆ์ หลังจากเสร็จพิธีได้ผงพรายกุมารมหาภูติอันบริสุทธิ์เรียบร้อยแล้ว จึงนำไปเก็บรวบรวมไว้ในกุฏิหลวงปู่ทิม เมื่อจะสร้างพระเครื่อง ก็จะนำมาผสมผงกดเป็นพิมพ์พระ

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการจะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารที่สำคัญยิ่งในการสร้างปลุกเสกพระเครื่องครั้งนั้น ในบรรดาลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่หิม ทั้งหมด ไม่มีใครกล้าเสนอตัวอาสากระทำการ เพราะต่างคนต่างก็เกรงกลัวความอาถรรพ์ของผีตายทั้งกลม ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่ามีความดุร้ายและหวงลูกมาก ถึงขั้นตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว มีแต่เพียง หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้าขอเสนอตัวรับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำกะโหลกพรายกุมาร วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าข้าวัดละหารใหญ่ (ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น พระเครื่อง และวัตถุมงคลต่างๆ.

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ผงพรายกุมารมหาภูติ

ในกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ มีนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกรได้ประชุมกันเรื่องการสร้างพระเครื่อง วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสมนาคุณแก่ขาวบ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่ต่อไปในวันข้างหน้า โดยเฉพาะงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ วัดละหารไร่ ในการนี้หลวงปู่ทิมได้กล่าวว่า หากได้ผงพรายกุมารมหาภูติผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเพราะมีอานุภาพแห่งพรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร

ครั้งนั้นเมื่อมีเพียง หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้ารับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำ กะโหลกพรายกุมาร วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าข้าวัดละหารใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น

ผงพรายกุมารมหาภูติซึ่งหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ต้องพบกับอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์พรายนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่ง วัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา บารมีของหลวงปู่ทิม และคาถาอาคมที่หลวงปู่ทิมได้ประสิทธิให้นั้น ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ได้ยินยอมและเต็มใจเกิดความปิติในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ…หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการครั้งนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ.

ระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อเขียว

แม่นางพราย-พรายกุมาร

ดวงวิญญาณของอาจารย์นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร มีอยู่จริงเห็นตัวตนเป็นเงาใสๆ ลางๆ เหมือนกับภาพที่สะท้อนบนพื้น ในปัจจุบันวิญญาณเหล่านี้ก็ยังอยู่ปกปักรักษาคุ้มครองที่วัดละหารไร่

หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ได้กล่าวย้ำว่า การสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อได้กระโหลกพรายกุมารมาแล้ว หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า เป็นระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน จนกระโหลกพรายกุมารแห้งสนิทหมดกลิ่น ดีแล้ว จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมมอบให้มาจนครบทั้งหมดผสมน้ำแช่เกสรบัวทั้งห้า ปั้นเป็นแท่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดไว้จนแห้งสนิท เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีวันดี ตามที่ หลวงปู่ทิม ได้กำหนดไว้ จึงจะนำแท่งผงปั้นนี้มาเขียนอักษระพระยันต์ดีต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ 9 รูป โดยหลวงปู่หิม อิสริโก เป็นประธานสงฆ์เขียนอักระพระยันต์ต่างๆ ลงบนกระดานชนวนแล้วลบผงก่อนเป็นปฐมฤกษ์ แล้วจึงมอบให้ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ เป็นผู้ลงอักขระพระยันต์และลบผงต่อไป…

การปลุกเสกมวลสารพรายกุมาร

การปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตินั้น หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็น กึ่งเทพกึ่งภูติ เป็นมหาภูติขวาและซ้าย (พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูตซ้ายขวา)

วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้หลวงปู่ทิมได้อธิฐานให้วิญญาณพรายกุมารทุกตนที่ผ่านไปมาในบริเวณ พิธี หากจะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้มาสถิตย์อยู่รวมกันในผงพรายกุมารมหาภูติที่ท่านปลุกเสกนี้ ให้มีอิทธิฤทธิคอยช่วยเหลือ คุ้มครองอำนวยพรให้ผู้ครัทธาบูชาอยู่ระยะเวลาหนึ่ง หลังจากเสร็จ พิธีเรียบร้อยแล้วได้ผงพรายกุมารมหาภูติบริสุทธิ์สีขาวหม่นอมเทา ประมาณ 1 ถาดใหญ่ เมื่อแบ่งผสมผงว่านมหามงคลจะได้ผงพรายกุมารมหาภูติเนื้อละเอียดสีน้ำตาลเข้มประมาณ 1 กะละมังใหญ่ แล้วเก็บรวบรวมไว้ในกุฎิหลวงปู่ทิมเมื่อจะทำพระเครื่อง จึงจะขออนุญาตหลวงปู่ทิมไปตักแบ่งเอามาผสมผงที่จะกด พิมพ์พระ อีกครั้งหนึ่ง , หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวยืนยันโดยเห็นกับตาตนเองว่าผงที่หลวงปู่ทิม อิสริโก เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ นั้น หลุดร่วงทะลุลอดกระดานชนวนลงมา และทะลุผ้าขาวที่ปูรองเอาไว้ถึงเจ็ดชั้นจนถึงพื้นพระอุโบสถวัดละหารไร่ ที่กล่าวนี้ไม่ได้กล่าวเกินความจริงแต่อย่างใด แต่กล่าวเปิดเผยเพื่อให้ท่านทั้งหลายที่ศรัทธาหลวงปู่ทิม อิสริโก จะได้เกิดความปิติ และซาบซึ้ง ในบุญญาบารมีของหลวงปู่ทิม หากผู้ใดได้ครอบครองบูชา “พระผงขุนแผนพรายกุมาร “นับว่า ท่านมีของวิเศษขั้นสูงอยู่กับตัว จะส่งผลให้เกิดโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง นับว่าเป็นบุญกุศลของผู้นั้นที่เคยได้ร่วมสร้างกันมา หลวงปู่ท่านกล่าวว่าพระของท่านมีเจ้าของอยู่แล้ว ของของใครต้องมาอยู่กับผู้นั้น ผู้ใดมิใช่เจ้าของจักมีอันต้องเปลี่ยนมือไปไม่ข้าก็เร็ว..

พระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อเขียว พิมพ์ใหญ่นิยมพระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อเขียว พิมพ์ใหญ่นิยม

พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม

พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็น พระขุนแผนที่มีความ ต้องการในตลาดสูงมากราคาขยับ จนแพงกว่าพระขุนแผน พระกรุเก่าๆ ผงพรายกุมารมหาภูติ ที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า:

ผงพรายกุมารการทำผงพรายกุมาร นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผู้สร้างจะต้องกำหนดฤกษ์ผานาทีตลอดจนพิธีกรรมต่างๆ ให้ถูกต้องตามตำรา ซึ่งเคล็ด จะเป็นเคล็ดการสร้างโดยนำภูติ (ไม่ใช่ผี) ที่ยังไม่ถึงเวลาจุติแล้วมีเหตุต้องมีอันเป็นไปก่อนเวลาอันควร มาอธิษฐานจิตบวชให้เป็นเทพ ซึ่งพระเกจิอาจารย์ที่ทำได้จะต้องสำเร็จธรรมชั้นสูงเท่านั้น เมื่อภูติได้รับการบวชเป็นเทพ เราจะเรียกว่าพ่อพรายชื่อเต็มก็คือพ่อพรายมหาภูติมีฤทธิ์ มีเดช มีความศักดิสิทธิ์ในตัวเอง

พระเกจิอาจารย์ที่สร้างผงพรายกุมารได้ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อาราธนาพกติดตัว ที่วงการยอมรับถือเป็นต้นตำรับ ก็คือ หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม ผู้สร้างกุมารทองอันโด่งดังและหลวงปู่ทิม อิสริโก แห่งวัดละหารไร่ จ.ระยอง

ดังนั้นเมื่อนำคุณเทพมารวมกับคุณพระทำให้ “พระผงพรายกุมาร” มีประสบการณ์แปลกๆ เรื่องราวปาฏิหาริย์อยู่เสมอๆ นั่นอาจเพราะพ่อพรายจะออกมาช่วยในเรื่องที่เป็นบุญเป็นกุศล คนที่บูชาพระขุนแผนผงพรายกุมาร เลยมักจะได้พบสิ่งมหัศจรรย์ สัมผัสพิเศษต่างๆอยู่เสมอ เมื่อมีความเชื่อมาบารมีก็จะเกิดอย่างแน่นอน…

พระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อว่านดอกทอง นิยม

พระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อว่านดอกทอง พิมพ์ใหญ่นิยม

พระกริ่งชินบัญชร เนื้อเปียกทอง

พระเครื่องหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จ.ระยอง

พระครูภาวนาภิรัต หรือ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง อมตะพระเกจิแห่งภาคตะวันออก ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นผู้ทรงอภิญญา และเป็นผู้ทรงวิทยาคม แม้ว่าท่านจะละสังขารไปนานหลายสิบปีแล้วก็ตาม แต่วัตถุมงคลที่สร้างเอง หรือลูกศิษย์ลูกหาสร้างแล้วนำมาให้ท่านอธิษฐานจิต พุทธคุณก็เข้มขลังไม่ต่างกัน จึงเป็นที่นิยมชมชอบของเซียนพระและนักสะสมในปัจจุบัน เมื่อความต้องการมีมาก แต่วัตถุมงคลมีน้อย ย่อมทำให้ราคาเช่าหาวัตถุมงคลของท่านในปัจจุบันมีราคาสูงมาก เช่น พระกริ่งชินบัญชรเนื้อทองคำ ปัจจุบันเช่าหากันถึงหลักสิบล้านขึ้นไป และพระผงขุนแผนพรายกุมาร ที่มีตำนานการสร้างอย่างมหัศจรรพันลึก ที่เชื่อกันว่า ผู้ใดมีไว้บูชาจะเป็นเมตตามหานิยมยิ่งนัก ทุกวันนี้แทบจะหาของแท้ๆได้ยากมาก เพราะผู้ครอบครองไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ เพราะโอกาสจะได้กลับคืนนั้นยากมาก.

พระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง

เข้มขลังด้วยพลังจิต

ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้การสร้างวัตถุมงคล จะไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเป็นยุคเทคโนโลยีการผลิดต่างๆ เจริญรุดหน้าเป็นอย่างมาก แต่การจะเสกวัตถุมงคลให้เข้มขลัง ก็ไม่ได้อาศัยเทคโนโลยีต่างๆมาช่วยได้เลย เป็นเรื่องของพระเกจิฌานสมาบัติหรือพลังจิตล้วนๆ พระเกจิคณาจารย์ที่อธิษฐานจิต ต้องเป็นพระผู้ทรงวิทยาคมแก่กล้า พิธีกรรมต่างๆจะต้องถูกต้องตามตำราโบราณ วัตถุมงคลที่สร้างจะมีพุทธคุณเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ ด้วยพลังแห่งพุทธานุภาพ ธรรมมานุภาพ สังฆานุภาพ เป็นสิริมงคลแก่ผู้เคารพศรัทธา ที่อาราธนาติดตัวไป จะได้แคล้วคลาดปลอดภัย ดังที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ถึงประสบการณ์วัตถุมงคล ที่พระเกจิอาจารย์ ท่านได้สร้างไว้แสดงอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ เช่น ยิงฟันแทงไม่เข้า รถยนต์พลิกคว่ำหลายตลบแต่ไม่เป็นไร หรือแม้กระทั่ง ฮ.ตก แต่คนบน ฮ.ไม่ได้รับอันตราย.

พระกริ่งชินบัญชร เนื้อตะกั่วอาบนวะ

วัตถุมงคลหลวงปู่ทิม

วัตถุมงคลหลวงปู่ทิมก็เช่นกัน หากไม่มีประสบการณ์ความขลังความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็คงจะไม่มีความต้องการ จนราคาเช่าสูงลิ่วดังเช่นปัจจุบัน , อาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ ศิษย์ฆราวาสผู้สืบทอดวิทยาคม หลวงปู่ทิม และเป็นผู้สร้างพระกริ่งชินบัญชร ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อแรกสร้างพระกริ่งชินบัญชรนั้น มีคนมาสั่งจองเป็นจำนวนมาก แตเมื่อพระออกมาแล้ว คนส่วนใหญ่บอกพระไม่สวยและเอามาคืน ทำให้อาจารย์ชินพรเป็นทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง จนหลวงปู่ทิมได้บอกกับอาจารย์ชินพรว่า “เขาเอามาคืนก็รับไว้เถิด อีกหน่อยพลิกแผ่นดินหาก็ไม่เจอ” เป็นอมตะวาจาสิทธิ์ของ หลวงปู่ทิม โดยแท้ เพราะหลังจากนั้นเรื่องราวประสบการณ์ปาฏิหาริย์ของ พระกริ่งชินบัญชร ก็ได้แสดงออกมาเรื่อยๆ และบ่อยครั้งจนเป็นที่ล่ำลือกันไปทั่วฟ้าเมืองไทย และกลายเป็นพระกริ่งอันดับต้นๆของสยามประเทศ.

พระครูภาวนาภิรัต หรือหลวงปู่ทิม

ขออาราธนาดวงวิญญาณหลวงปู่ทิม อิสริโก จงคุ้มครอง ปกป้อง ท่านทั้งหลายให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดกาลนานเทอญ…

พระกริ่งชินบัญชร เนื้อตะกั่วอาบนวะ

เหรียญเสมา 8 รอบ เนื้อทองแดง โค้ด นะ หลวงปู่ทิม

บารมีหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จ.ระยอง

ปาฏิหาริย์น้ำมนต์เดือด

เมือราวปี พ.ศ. 2511 ที่วัดตะพงนอก อ.เมือง จ.ระยอง ได้มีพิธีปลุกเสกพระ เครื่องรางของขลัง หลวงพ่อจันทร์ เจ้าอาวาสวัดตะพงนอก , ในพิธีได้นิมนต์เกจิอาจารย์มาหลายรูปด้วยกัน และหลวงปู่ทิมก็ได้รับนิมนต์ด้วย หลังจากเริ่มพิธีปลุกเสก หลวงพ่อต่างๆ ก็ได้ทำพิธีปลุกเสก และในพิธีนี้ อาจารย์รัตน์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ได้นำโอ่งใส่น้ำมนต์มาตั้งไว้ และนิมนต์หลวงปู่ทิมทำการปลุกเสกนำ้มนต์เพียงองค์เดียว ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย พอหลวงปู่ลงมือปลุกเสกน้ำ ปรากฏว่าน้ำมนต์ ที่อยู่ในโอ่งใหญ่ครึ่งโอ่ง ได้เดือดและค่อยๆทวีความสูงขึ้น ท่ามกลางความอัศจรรย์ของผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมาก ปรากฏว่าหลังจากพิธีแล้วเสร็จ น้ำมนต์ได้ถูกชาวบ้านแย่งเอาไปจนหมดสิ้น.

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ถ่ายภาพหลวงปู่ไม่ติด ถ้าไม่ขออนุญาต

เมื่อคราวปลุกเสกของที่วัดพลา จ.ระยอง หลวงปู่ทิมได้รับนิมนต์ไปร่วมในพิธีด้วย มีช่างภาพหนังสือพิมพ์ ไปถ่ายรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากหลวงปู่ก่อน ปรากฏว่ากดชัตเตอร์เท่าไหร่ๆ ชัตเตอร์ก็ไม่ทำงาน แต่พอนึกได้จึงเข้าไปขออนุญาต ก็ถ่ายติดภาพชัดเจน.

ตะกรุดเนื้อทองแดง โค้ดเลข3

ตะกรุดเนื้อทองแดง โค้ดเลข3 หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

เสกตะกรุดใต้น้ำ ที่มหัศจรรย์

คุณป้าอยู่ งามศรี บ้านอยู่ใกล้กับวัดละหารไร่ และเป็นหลานของหลวงปู่ทิม ป้าได้เล่าให้ฟังว่า สมัยหลวงปูทิมอายุประมาณ 60-70 ปี เวลาท่านทำตะกรุด ท่านจะลงไปทำใต้น้ำ โดยถือตะกรุดแล้วเดินลุยน้ำลงไปจากศาลาหน้าวัด มีผู้เห็นกันหลายคน เมื่อหลวงปู่ทิมทำตะกรุดเสร็จ เดินลุยน้ำขึ้นมา ทุกคนต่างประหลาดใจ เพราะเนื้อตัวและจีวรของหลวงปู่ หาได้เปียกน้ำไม่.

เหรียญเจริญพรบน

เสกตะกรุดลอยได้ อย่างน่าอัศจรรย์

ท่านอาจารย์รัตน์ เจ้าอาวาสวัดหนองกระบอก อ. บ้านค่าย จ.ระยอง เคยเล่าว่า หลวงปู่ทิมเป็นพระที่มีพลังจิตกล้าแข็งมาก สามารถเสกตะกรุดให้ลอยได้ ท่านเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง ได้นิมนต์พระอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดระยองมา 4 รูปด้วยกัน มี หลวงพ่อหอม หลวงพ่ออ่ำ หลวงพ่อชื่น และหลวงปู่ทิม , ให้หลวงพ่อที่มาทั้ง 4 รูป นำตะกรุดสาริกามาด้วย แล้วนำลงใส่บาตร แล้วให้หลวงพ่อทั้ง 4 องค์นั่งล้อมรอบบาตร และขอให้ทุกองค์เรียกตะกรุดให้ลอยให้ลอยขึ้นมาจากบาตร , หลวงพ่อหอม เป็นผู้เรียกก่อน โดยนั่งบริกรรมอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ปรากฏว่าตะกรุดลอยขึ้นมา   จากนั้นหลวงพ่ออ่ำ และหลวงพ่อชื่น ก็ได้นั่งบริกรรมทำนองเดียวกัน ตะกรุดก็ไมยอมลอยขึ้น   จนถึงหลวงองค์สุดท้ายคือหลวงปู่ทิม ท่านนั่งบริกรรมอยู่สักครู่ ก็ปรากฏว่าตะกรุดลอยขึ้นมาจากก้นบาตร  หลวงพ่อหอมและท่านอาจารย์รัตน์ เจ้าอาวาสวัดหนองกระบอก เห็นเช่นนั้น ก็ตกใจและบอกว่า ขอให้ช่วยทำให้วิ่งรอบๆบาตร ท่ามกลางความตะลึงของพระสงฆ์ และเป็นที่โจษขานกันจนถึงปัจจุบัน…

เหรียญห่วงเชื่อม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี 17

*เหรียญเจริญพรของหลวงปู่ทิมนี้แบ่งเป็น เนื้อทองคำ 16 เหรียญ เป็นเหรียญเจริญพรล่างทั้งหมด ตอกโค๊ดไว้ที่ซอกแขน ด้านหลังตอกเลขไทย ๑-๑๖ หลวงปู่จารมือเองทุกเหรียญ.

*เนื้อเงินมี 2 ชนิด เจริญพรบน 72 เหรียญ และเจริญพรล่าง 271 เหรียญ ตอกโค๊ด ท ไว้ที่ฐานสิงห์ ด้านหลังตอกเลขไทย ๑-๓๔๓.

*เนื้อนวโลหะ เป็นเจริญพรบน ทั้งหมด 1166 เหรียญ ตอกโค๊ด ท ไว้ที่สังฆาฏิบริเวณหน้าอก ด้านหน้าตอกเลขไทย ๑-๑๑๖๖ (มีเหรียญชำรุด 28 เหรียญ)

*เนื้อทองแดง สร้างจำนวน 15,895 เหรียญ เป็นเจริญพรล่าง 9,000 เหรียญ รมดำทุกเหรียญ , เจริญพรบน 6,895 เหรียญ ไม่มีการรมดำ , เนื้อทองแดงตอกโค๊ด ท ไว้ที่สังฆาฏิบริเวณหน้าตัก ไม่มีการตอกเลขไทยกำกับ แต่ได้มีการตอกโค๊ด ท ผิดไป 400 เหรียญ เนื่องจากช่างรีบ เพราะหลวงปู่ทิมท่านได้ไว้ว่า ต้องให้เสร็จก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ช่างเลยเข้าใจผิดคิดว่าเนื้อทองแดงเป็นเนื้อนวโลหะ

*เนื้อชินตะกั่ว 400 เหรียญ บางเหรียญตอกโค๊ด ท ไว้ที่บริเวณสังฆาฏิ , บางเหรียญตอกโค๊ดเลขไทย ๙ ไว้ที่ใต้ฐาน(ที่ตอกโค๊ดเลข ๙ ตั้งใจจะแจกกรรมการ แต่ภายหลังก็ได้นำออกบูชาจนหมด) เหรียญเจริญพร รุ่น แจกกรรมการ เนื้อทองแดงได้ตอกโค๊ด ท ไว้ที่ชายสังฆาฏิ , ตอกเลขไทย ๙ ไว้ที่ฐานมี 800 เหรียญ หลวงปู่ทิมท่านกล่าวไว้ว่า “เหรียญเจริญพรนี้มีดีด้านเมตตามหานิยม” และท่านได้เมตตาปลุกเสกเป็นเวลานานถึง 7วัน7คืน.

 คาถาบูชาพระเครื่องหลวงปู่ทิม อิสริโก

ตั้งนะโม 3 จบ

อิติสุคะโต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ มะอะอุ ทุกขัง อนิจจัง อะนัตตา พุทโธ พุทโธ

( 3 จบ ).

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ เนื้อกระยาสารท หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ 

พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง เนื้อกระยาสารท หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง

พระเครื่องหลวงปู่ทิมนั้นมีอยู่หลากหลายพิมพ์ หลายแบบ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลออกมามากมาย ในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เพื่อแจกให้แก่ลูกศิษย์และผู้ที่มาทำบุญช่วยบูรณะวัดละหารไร่ .

พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

นอกจากพระขุนแผนผงพรายกุมารเนื้อต่างๆ ที่สร้างจากวัดละหารไร่โดยตรงแล้ว หลวงปู่ทิม ท่านยังได้นำมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆจากพระเกจิอื่นๆที่มีวิชา และ อภิญาสูงยิ่ง เช่น หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง – ว่ากันว่าที่วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยองนั้น โด่งดังเป็นที่รู้จักกันดีในนาม สีผึ้งเขียวเกี้ยวสาว ของหลวงพ่อทาบ สีผึ้งของท่านสร้างจากสมุนไพรธรรมชาติที่หาได้ภายในเขตวัด ลักษณะสีผึ้งจะมีสีเขียวเข้ม มีพุทธคุณทางด้านเมตตา มหาเสน่ห์ ดีเยี่ยมยอด.

พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

เนื่องด้วยหลวงปู่ทิม ท่านได้ร่วมกับหลวงพ่อทาบสร้างพระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียวจากวัดกระบกขึ้นผึ้งที่เสกโดย หลวงปู่ทาบ ยิ่งทำให้พระขุนแผนผงพรายกุมารชุดนี้ เป็นสุดยอดทางด้านเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ ช่วยให้เจรจาค้าขายดี แคล้วคลาดปลอดภัย จากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง.

มวลสารใช้สร้างพระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว 

มวลสารที่ใช้สร้างพระชุดนี้หลักๆคือข้าวสารตำหยาบ ในการสร้างกดพิมพ์ ทำให้เนื้อพระดูขรุขระคล้ายขนมกระยาสารท ซึ่งยังมีข้าวบางเม็ดที่ยังไม่แตกหักโผล่ในองค์พระ ที่มองเห็นเป็นเม็ดข้าวอย่างชัดเจน มวลสารที่ขาดไม่ได้คือผงพรายกุมาร และสีผึ้งเขียวของหลวงปู่ทาบนั่นเอง  พระองค์นี้มีความพิเศษคือฝังตะกรุดสาริกาคู่ไว้ด้านหลังด้วย.

พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ องค์จริงจะมีความชุ่มชื้นตลอดเวลา ถึงแม้เวลาจะผ่านมานานมากแล้ว ด้วยมวลสารสีผึ้ง องค์พระก็ไม่เหือดแห้งแต่อย่างใด.

พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ - หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่