หลวงปู่ศุข

หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

เรื่องราวของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มิใช่แค่การท่องจำประวัติจากตำรา แต่ต้องเป็นการร้อยเรียงเรื่องราวจากความรู้สึก จากความศรัทธาที่ฝังลึก จากประสบการณ์ที่ได้ยินได้ฟังจากคนเฒ่าคนแก่ ผู้ที่เคยเห็น เคยสัมผัสความอัศจรรย์ด้วยตัวเอง และจากตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมาจนกลายเป็นเรื่องราวเหนือกาลเวลา
เรื่องราวของหลวงปู่ศุขนั้น มิใช่แค่เรื่องราวของพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่ง แต่คือเรื่องราวของพุทธาคมอันเป็นอมตะ คือเรื่องราวของเมตตาบารมีที่แผ่ไพศาล คือเรื่องราวของครูบาอาจารย์ผู้เป็นที่เคารพรักของทุกชนชั้น ตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดาไปจนถึงเชื้อพระวงศ์ระดับสูง ความยิ่งใหญ่ของท่านนั้นเปรียบดั่งขุนเขาที่มั่นคงไม่มีวันสั่นคลอน ชื่อเสียงของท่านนั้นก้องกังวานไปทั่วทั้งแผ่นดินมานับร้อยปี และยังคงเป็นที่กล่าวขานสืบมาจนถึงทุกวันนี้

หลวงปู่สุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า

หลวงปู่สุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า


ชาติกำเนิดและปฐมวัย: เพชรในตมที่รอวันฉายแสง

“หลวงปู่ศุข” นั้นไม่ได้มาพร้อมกับชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว แต่มาพร้อมกับเรื่องราวปาฏิหาริย์และอภินิหารที่มากมายนับไม่ถ้วน เรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกบอกเล่าสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และทำให้ศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อท่านนั้นแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นถึงความผิดธรรมดาในตัวลูกชาย และหวังว่าวันหนึ่งลูกชายจะได้เป็นใหญ่เป็นโต
เรื่องราวที่น่าสนใจในช่วงวัยเด็กของท่านคือการได้ไปร่ำเรียนหนังสือกับเพื่อนๆ ที่วัดใกล้บ้าน ซึ่งในสมัยนั้นวัดเป็นศูนย์รวมความรู้และเป็นสถานศึกษาของชุมชน เด็กชายศุขได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเรียนรู้ที่โดดเด่นกว่าเพื่อนๆ ความจำของท่านเป็นเลิศและมักจะเข้าใจหลักธรรมคำสอนต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้งกว่าคนในวัยเดียวกัน

ตะกรุดสาริกาจันทร์เพ็ญ ลงรักถักเชือก หลวงปู่ศุข
สู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์: เส้นทางแห่งการแสวงหาและพุทธาคม


เมื่อเติบโตขึ้นมาถึงวัยหนุ่ม ท่านได้ตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตนั่นคือการอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ตามประเพณี ณ วัดโพธิ์บางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี พระครูธรรมิกวัดโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ นี่คือจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของพระภิกษุรูปหนึ่งที่ต่อมาจะกลายเป็นตำนานแห่งวงการพระเครื่องและพระเกจิอาจารย์อันดับต้นๆ ของเมืองไทย
หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและปริยัติธรรมอย่างเคร่งครัด แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในพุทธาคมและวิชาอาคมต่างๆ ทำให้ท่านได้กราบเรียนวิชาจากครูบาอาจารย์หลายรูปในยุคนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระอาจารย์เชย ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้าในยุคนั้น หลวงปู่ศุขได้ศึกษาและฝึกฝนวิชาต่างๆ อย่างจริงจัง ทั้งวิชาคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม แคล้วคลาด และวิชาไสยเวทอื่นๆ อีกมากมาย
ในยุคสมัยนั้น การเดินทางเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมถือเป็นเรื่องปกติของพระเกจิอาจารย์หนุ่มๆ หลวงปู่ศุขเองก็เช่นกัน ท่านได้เดินทางไปศึกษาเพิ่มเติมจากพระอาจารย์อีกหลายรูป ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเรื่องราวเล่าขานกันว่าท่านได้ไปร่ำเรียนวิชาจาก หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า อีกรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในยุคนั้นเช่นกัน ทำให้หลายคนสับสน แต่ความจริงคือหลวงปู่ศุข (วัดปากคลองมะขามเฒ่า) เป็นผู้มีวิชาอาคมที่โดดเด่นจนไม่ต้องไปเรียนจากใครที่ไหน และชื่อเสียงของท่านนั้นเองที่ก้องกังวานไปทั่ว
หลังจากสำเร็จวิชาต่างๆ อย่างแตกฉานแล้ว ท่านก็ได้กลับมาจำพรรษาที่บ้านเกิด ณ วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นวัดเล็กๆ ที่อยู่ในสภาพทรุดโทรม ท่านได้เริ่มต้นพัฒนาวัดและช่วยเผยแผ่พระธรรมคำสอนให้แก่ชาวบ้านในชุมชนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ตะกรุดสาริกาจันทร์เพ็ญ ลงรักถักเชือก หลวงปู่ศุข
ปาฏิหาริย์และอภินิหาร: ตำนานที่เล่าขานไม่รู้จบ

คำว่า “หลวงปู่ศุข” นั้นไม่ได้มาพร้อมกับชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว แต่มาพร้อมกับเรื่องราวปาฏิหาริย์และอภินิหารที่มากมายนับไม่ถ้วน เรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกบอกเล่าสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และทำให้ศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อท่านนั้นแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
* เรื่องราวปลัดกรมที่ดิน: เรื่องนี้โด่งดังมากในวงการพระเครื่อง เล่ากันว่ามีปลัดกรมที่ดินคนหนึ่งชื่อ นายปลัดทิม ได้เดินทางมาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่าเพื่อขอให้หลวงปู่ศุขช่วยทำของขลังให้ แต่หลวงปู่ศุขท่านไม่ได้รับปากในทันที กลับบอกให้ปลัดทิมรอดูความอัศจรรย์เสียก่อน จากนั้นท่านก็ได้เดินไปที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วหยิบเอาใบมะขามมาใบหนึ่ง เสกคาถาเป่าไปที่ใบมะขามนั้น ปรากฏว่าใบมะขามได้กลายเป็นตัว “ต่อ” ที่มีชีวิต บินไปเกาะตามต้นไม้ สร้างความตกตะลึงให้กับนายปลัดทิมเป็นอย่างมาก เมื่อนายปลัดทิมได้เห็นดังนั้นก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง และได้ขอให้หลวงปู่ศุขสร้างพระให้ ซึ่งต่อมากลายเป็น “พระพิมพ์สี่เหลี่ยมประภามณฑล” อันโด่งดัง
* เรื่องราวเสกหัวปลีเป็นกระต่าย: เรื่องนี้ก็เป็นที่เล่าขานกันอย่างกว้างขวาง เล่าว่ามีชาวบ้านคนหนึ่งนำหัวปลีมาถวายหลวงปู่ศุข ท่านก็รับไว้แล้วก็เสกคาถาเป่าไปที่หัวปลีนั้น ไม่นานหัวปลีนั้นก็ได้กลายเป็น “กระต่าย” ที่มีชีวิต กระโดดโลดเต้นไปมาอย่างน่าอัศจรรย์ ชาวบ้านคนนั้นได้เห็นดังนั้นก็ก้มลงกราบแทบเท้าด้วยความเคารพศรัทธาอย่างสุดซึ้ง
* เรื่องราววิชาเดินทางข้ามน้ำ: มีเรื่องเล่าว่า หลวงปู่ศุขท่านสามารถเดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปอีกฝั่งหนึ่งได้โดยที่เท้าไม่เปียกน้ำ ชาวบ้านหลายคนเคยเห็นด้วยตาตัวเอง และบางคนก็เล่าว่าท่านเคยเสกคาถาให้เรือหยุดนิ่งกลางแม่น้ำ หรือเสกให้เรือลอยทวนกระแสน้ำได้โดยไม่ต้องใช้แรงคนพาย
เรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากเรื่องราวมากมายที่เล่าขานกันมา แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารของหลวงปู่ศุขนั้นเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนในยุคนั้นเป็นอย่างดี

สมเด็จรัศมี เนื้อผงใบลาน
พระราชศิษย์ผู้ยิ่งใหญ่: พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างหลวงปู่ศุขกับ เสด็จในกรมฯ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ถือเป็นบทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบทหนึ่งในประวัติของท่าน เป็นการรวมกันของ “พ่อ” ผู้เป็นเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคม กับ “ลูก” ผู้เป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินผู้รักชาติและมีความมุ่งมั่น
เล่ากันว่าเสด็จในกรมฯ ท่านได้ยินกิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ศุขจากชาวบ้าน และด้วยความที่ท่านเป็นผู้ที่สนใจในวิชาอาคมอยู่แล้ว จึงได้เดินทางมาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่าเพื่อทดลองวิชาของหลวงปู่ศุข
ครั้งหนึ่งเสด็จในกรมฯ ได้ขอให้หลวงปู่ศุขช่วยเสกให้ปลาที่อยู่ในแม่น้ำกระโดดขึ้นมาบนบก หลวงปู่ศุขท่านก็เพียงแค่หยิบเอาทรายมาหนึ่งกำมือ แล้วเสกคาถาเป่าไปที่ทรายนั้น จากนั้นก็โปรยทรายลงไปในแม่น้ำ ไม่นานปลามากมายในแม่น้ำก็กระโดดขึ้นมาบนบกอย่างน่าอัศจรรย์ สร้างความประทับใจให้กับเสด็จในกรมฯ เป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่นั้นมาเสด็จในกรมฯ ก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุข และให้ความเคารพนับถือท่านประดุจพ่อ
เสด็จในกรมฯ ได้มาจำศีลภาวนาและศึกษาพุทธาคมจากหลวงปู่ศุขเป็นประจำที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า และยังได้นำวิชาความรู้ต่างๆ ที่ได้เรียนรู้จากท่านไปใช้ในการฝึกฝนทหารเรือเพื่อปกป้องประเทศชาติ ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองพระองค์นี้เองที่ทำให้ชื่อเสียงของหลวงปู่ศุขเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งราชสำนักและวงการทหารเรือ และยังเป็นที่มาของตำนาน “พระเครื่องหลวงปู่ศุข” ที่โด่งดังและเป็นที่เสาะแสวงหาในปัจจุบัน

พระหลวงปู่สุข พิมพ์ประภามณฑล ข้างรัศมี เนื้อสัมฤทธิ์ พิมพ์สองหน้า และ เนื้อทองแดง

พระหลวงปู่สุข พิมพ์ประภามณฑล ข้างรัศมี เนื้อสัมฤทธิ์ พิมพ์สองหน้า และ เนื้อทองแดง


การสร้างวัตถุมงคล: เพชรยอดมงกุฎแห่งวงการพระเครื่อง

วัตถุมงคลที่หลวงปู่ศุขสร้างขึ้นนั้น เป็นที่ยอมรับกันในวงการว่ามีพุทธคุณครอบจักรวาล ทั้งด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย และโชคลาภเงินทอง ซึ่งมีหลากหลายพิมพ์และหลากหลายเนื้อหา แต่ที่โดดเด่นและเป็นที่ใฝ่หาของนักสะสมพระเครื่องอย่างยิ่งคือ
* พระพิมพ์สี่เหลี่ยมประภามณฑล: พิมพ์นี้ถือเป็นพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด สร้างขึ้นจากเนื้อผงคลุกรัก มีทั้งแบบหลังเรียบและหลังยันต์ ยันต์อุ หรือ ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ซึ่งเป็นยันต์ที่หลวงปู่ศุขท่านได้ปลุกเสกอย่างเข้มขลัง พุทธคุณเด่นด้านเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดปลอดภัย
* พระพิมพ์สี่เหลี่ยมรัศมี: คล้ายกับพิมพ์ประภามณฑล แต่มีรัศมีอยู่รอบองค์พระ พุทธคุณไม่แตกต่างกันมากนัก
* เหรียญปั๊มรูปเหมือน: มีหลายรุ่นด้วยกัน แต่รุ่นที่โด่งดังที่สุดคือ เหรียญปั๊มข้างกระบอก และ เหรียญพัดยศ ซึ่งสร้างขึ้นในวาระที่หลวงปู่ศุขได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูวิมลคุณากร เป็นที่นิยมอย่างสูงในวงการพระเครื่อง
* เครื่องรางของขลัง: นอกจากพระเครื่องแล้ว หลวงปู่ศุขยังได้สร้างเครื่องรางของขลังอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ตะกรุด ที่มีหลายรูปแบบและหลายขนาด ปลัดขิก และ แหวนพิรอด ซึ่งล้วนแต่มีพุทธคุณอันเป็นที่ประจักษ์
การสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ศุขนั้น มิใช่เพียงแค่การทำของขลังขึ้นมา แต่เป็นการหลอมรวมเอาพุทธคุณอันบริสุทธิ์ของท่านเข้าไปในทุกชิ้น เป็นการถ่ายทอดเมตตาบารมีและวิชาอาคมอันแก่กล้าลงไปในวัตถุ ทำให้วัตถุมงคลของท่านมีพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ และเป็นที่เสาะหาของนักสะสมพระเครื่องจากทั่วทุกมุมโลก

สมเด็จรัศมี เนื้อชมพู
ละสังขาร: การจากไปของผู้ไม่เคยจากไป

หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ละสังขารลงอย่างสงบเมื่อปี พ.ศ. 2466 สิริอายุ 76 ปี พรรษา 54 การจากไปของท่านนับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวบ้านและศิษยานุศิษย์ทั่วทั้งแผ่นดิน แต่ถึงแม้สังขารของท่านจะดับสูญไปแล้ว แต่ชื่อเสียงและตำนานของท่านก็ยังคงอยู่ตราบนิรันดร
ทุกวันนี้ชื่อของ หลวงปู่ศุข ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึงอยู่เสมอในวงการพระเครื่อง พระเครื่องของท่านยังคงเป็นที่ต้องการและมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพราะความนิยมที่เลื่อนลอย แต่เป็นเพราะพุทธคุณที่ประจักษ์แก่ผู้ที่ศรัทธาและนำไปบูชาอย่างแท้จริง
การได้ครอบครองพระเครื่องของหลวงปู่ศุขนั้นเปรียบเสมือนการได้ครอบครองความศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมาจากเกจิอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นที่รักและเคารพของทุกชนชั้น เป็นเครื่องยืนยันถึงความเมตตาและบารมีอันยิ่งใหญ่ของท่านที่ยังคงแผ่ไพศาลมาจนถึงทุกวันนี้ และจะเป็นตำนานที่เล่าขานสืบไปไม่รู้จบชั่วนิรันดร์