พระรอด เนื้อเหล็กไหล หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์

การตัดแร่เหล็กไหลแบบร้อน และ แบบเย็น

– การตัดเย็น 

ในการตัดเหล็กไหล หากเป็นการกระทำพิธีภายในถ้ำที่รังเหล็กไหลรวมตัวกันอยู่ จะใช้วิธีการตัดด้วยเพ่งกสิณไฟ อันเป็นการตัดเหล็กไหลแบบตัดเย็น  ด้วยการใช้ขี้ผึ้งน้ำหนักราวหนึ่งบาทเพียงเล่มเดียว ในการลนแร่เหล็กไหล  แต่ทั้งนี้ผู้ที่ตัดแร่เหล็กไหล จะต้องเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูง หรือ สำเร็จการเพ่งกสิณไฟ  จึงจะสามารถบังคับไฟจากเปลวเทียนให้มีความร้อน จนกระทั่ง แร่เหล็กไหลยอมไหลออกมาจากรังเหล็กไหล แล้วหยดตัวลงในภาชนะที่ใส่น้ำผึ้งป่าแท้เอาไว้ ( ส่วนมากมักจะใช้บาตรใส่น้ำผึ้งพระจันทร์ ). รังเหล็กไหล

การตัดเย็นนี้ หากเป็นรังเหล็กไหลขนาดใหญ่อาจได้เม็ดแร่เหล็กไหลจำนวนมากนับร้อยเม็ด  แต่ถ้าเป็นรังเหล็กไหลขนาดเล็ก ก็จะได้แร่เหล็กไหลในปริมาณน้อยลงมาตามลำดับ  แต่จะมีลักษณะที่เหมือนกันคือ เป็นเม็ดกลมคล้ายกับเม็ดของไข่มุกขนาดเล็ก

แร่เหล็กไหลที่ได้จากการตัดเย็นนี้ ถือเป็นสุดยอดของแร่เหล็กไหล เพราะนอกจากจะได้ แร่เหล็กไหลชั้นดี ประเภทเหล็กไหลน้ำหนึ่ง ที่ไม่ยอมแข็งตัวเองตามธรรมชาติแล้ว ยังผ่านการตัดด้วยวิชาอาคมขั้นสุดยอด คือ การเพ่งเทียนด้วยกสิณไฟ  ผู้ที่ตัดแร่เหล็กไหลจะต้องผ่านการฝึกการเพ่งกสิณไฟ จนกระทั่งสำเร็จกสิณไฟ ( สามารถบังคับเปลวเทียนให้เกิดความร้อนได้ตามความต้องการ )เม็ดแร่เหล็กไหลที่ได้จากการตัดเย็น จึงเป็นแร่เหล็กไหลที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

เม็ดแร่เหล็กไหลที่ได้จากการตัดเย็น

– การตัดร้อน

รังเหล็กไหลที่บรรดาแร่เหล็กไหล ไปรวมตัวกันอยู่ ในธรรมชาตินั้นนับวันมีแต่จะหายากมากขึ้นทุกที  จนอาจกล่าวได้ว่าในปัจจุบันนี้แทบไม่มีใครเคยพบรังเหล็กไหล ในธรรมชาติอีกเลย จะมีก็แต่รังเดิมที่ครูบาอาจารย์ได้นำเอาไปเก็บรักษาไว้  ที่พอจะมีแร่เหล็กไหลน้ำหนึ่งแฝงตัวอยู่ภายในรังเหล็กประเภทนี้ เป็นรังเหล็กไหลที่ได้แยกตัวออกมาจากรังใหญ่ และได้นำรังเหล็กไหลบางส่วนออกมา  ดังนั้นเมื่อรังเหล็กไหลถูกนำออกมาจากถ้ำที่อยู่ตามธรรมชาติแล้ว  การตัดแร่เหล็กไหลจึงต้องใช้วิธี การตัดร้อน  เพราะว่ารังเหล็กไหลได้แยกตัวออกมาจากรังในธรรมชาติ ไม่สามารถใช้วิธี การตัดเย็นได้

เมื่อนำรังเหล็กไหลออกมาจากถ้ำในธรรมชาติแล้ว การที่จะลนแร่เหล็กไหลให้หยดตัวออกมา จึงต้องทำการ ตัดร้อน ด้วยการใช้ไฟที่มีความร้อนสูงมาก เช่น ไฟที่ใช้ในการตัดเหล็ก เป่าไปยังรังเหล็กไหล กำกับด้วยวิชาการตัดเหล็กไหล  หากผู้ตัดไม่มีวิชาการตัดเหล็กไหลควบคุมการใช้ไฟแล้ว  เมื่อนำไฟมาเป่าที่รังเหล็กไหล  นอกจากแร่เหล็กไหลที่แฝงตัวอยู่ภายในจะไม่ไหลออกมาจากรังแล้ว รังเหล็กไหลยังจะระเบิดตัวและแตกกระจายออกมาแทน  จนเป็นเหตุให้หลายคนที่พยายามลน แร่เหล็กไหล ด้วยวิธี การตัดร้อน ได้รับอันตรายจากการใช้ไฟเป่ารังเหล็กไหลอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อใช้ไฟที่มีความร้อนสูง เป่าไปยังรังเหล็กไหล ที่ได้นำออกมาจากถ้ำ แลัวกำกับด้วยคาถาอาคมการตัดเหล็กไหล  รังเหล็กไหลจะไม่ระเบิดตัวออก  และแร่เหล็กไหลที่แฝงตัวอยู่ภายในก็จะเริ่มเคลื่อนตัวออกมาอย่างช้าๆ แร่เหล็กไหลที่เริ่มเคลื่อนตัวออกมานี้จะมีความร้อนสูงมาก  มากจนกระทั่งสามารถเจาะทะลุเหล็กกล้าได้เลยทีเดียว  ดังนั้นในการตัดร้อนจึงต้องหาถาดสแตนเลสอย่างหนามารองรับ แร่เหล็กไหล ที่กำลังหยดตัวออกมาจากรัง จึงจะสามารถทนต่อความร้อนของ แร่เหล็กไหลได้

การตัดเหล็กไหลแบบร้อน

แต่การตัดแร่เหล็กไหลแบบร้อนนี้ เม็ดแร่เหล็กไหลจะมีลักษณะไม่เป็นเม็ดกลม เหมือนการตัดด้วยวิธีการลนด้วยเทียนหรือการตัดเย็น เพราะเมื่อแร่เหล็กไหลหยดตัวลงมากระทบกับถาดสแตนเลส จะมีลักษณะเรียบ เป็นไปตามพื้นผิวของถาดสแตนเลสที่ได้นำมาใช้รองไว้นั่นเอง แร่เหล็กไหลที่ได้จากการตัดร้อน จึงมีลักษณะนูนด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นจะมีลักษณะเรียบแบน ไม่กลมเหมือนกับเม็ดไข่มุก  แร่เหล็กไหลประเภทนี้ก็นับว่าใช้ได้เช่นกัน จะต่างกันตรงที่วิชาในการเรียกแร่เหล็กไหล  ซึ่งการตัดเย็นถือว่าเป็นสุดยอดวิชาเหล็กไหลที่อาศัยพลังจิต และวิชาอาคมของผู้ตัด  เหล็กไหลชนิดนี้จึงเป็นสุดยอดของ เหล็กไหลน้ำหนึ่ง  ส่วนการตัดแบบร้อนนั้น ผู้ตัดไม่จำเป็นต้องสำเร็จกสิณไฟ  เพียงแค่มีพลังจิตบางส่วนและเรียนรู้วิชาการบังคับ เหล็กไหล ในระดับหนึ่งเท่านั้นก็สามารถ ตัดเหล็กไหลแบบร้อนได้แล้ว