วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง

ประวัติวัดละหารไร่ จังหวัดระยอง

วัดละหารไร่ ผู้เต่าผู้แก่เล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อปลายปี 2309 พระยาตาก นำไพร่พลมากกว่า 500 คน ตีฝ่าวงล้อมกองทัพพม่ามุ่งมายังชายฝั่งทะเลตะวันออก มาพักทัพที่ทุ่งละหารใหญ่ ได้นำช้างศึก 3 เชือกและม้าศึก ลงอาบน้ำในบึงใหญ่ตรงบริเวณที่มีน้ำซึมและเย็นตลอดปีเรียกว่า หล่มน้ำเย็นหรือวังสามพระยา

เมื่อปี พ..2530 จังหวัดระยองได้ประกอบพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่วังสามพญา เพื่อนำไปร่วมพิธีเทวาภิเษกในพระอุโบสถวัดแก้ว จังหวัดระยองได้ทำเอกสารประกอบ พิธีการตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่า :

วัดละหารไรได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.. 2354 โดยหลวงพ่อสังข์เฒ่า รองเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ สมัยนั้นมีพื้นที่ว่างเปล่าฝั่งตรงข้ามวัดละหารใหญ่ทางด้านเหนือเป็นจำนวนมากเป็นทำเล เหมาะกับการปลูกพืชผัก พระสงฆ์วัดละหารใหญ่จึงมาสร้าง กุฎิ ปลูกพืชผักไว้ฉัน ต่อมาก็มีผู้คนเข้ามาหาหักร้างถางพงมากขึ้นได้มีการก่อสร้างกุฏิขึ้น มีพระสงฆ์จำพรรษามากขึ้น จากที่เรียกว่าไร่วัด ก็เปลี่ยนเป็นวัดไร่หรือวัดไร่วารี มีหลวงปู่สังข์เฒ่าผู้มีอาคมแก่กล้าเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ต่อมาคุณพ่อเฒ่าจันทร์เจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่มรณภาพลง หลวงพ่อสังข์เฒ่าจึงกลับไปเป็นเจ้าอาวาส วัดละหารใหญ่ ส่วนวัดละหารไร่มีหลวงพ่อแดง หลวงพ่อเกิด หลวงพ่อสิงห์ หลวงพ่อจ๋วม เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมาตามลำดับ ต่อมาหลวงพ่อจ๋วมได้ลาสิกขา ตำแหน่งเจ้าอาวาสจึงว่างลงพอดีกับหลวงปู่ทิม เดินทางกลับมาอยู่ที่วัดละหารไร่ ชาวบ้านจึงนิมนต์ ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ ประมาณปี 2450 จนถึงกาลมรณภาพเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2518.

วัดละหารไร่ จังหวัดละยอง

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการจะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารที่สำคัญยิ่งในการสร้างปลุกเสกพระเครื่องครั้งนั้น ในบรรดาลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่หิม ทั้งหมด ไม่มีใครกล้าเสนอตัวอาสากระทำการ เพราะต่างคนต่างก็เกรงกลัวความอาถรรพ์ของผีตายทั้งกลม ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่ามีความดุร้ายและหวงลูกมาก ถึงขั้นตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว มีแต่เพียง หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้าขอเสนอตัวรับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำกะโหลกพรายกุมาร วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าข้าวัดละหารใหญ่ (ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น พระเครื่อง และวัตถุมงคลต่างๆ.

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ผงพรายกุมารมหาภูติ

ในกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ มีนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกรได้ประชุมกันเรื่องการสร้างพระเครื่อง วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสมนาคุณแก่ขาวบ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่ต่อไปในวันข้างหน้า โดยเฉพาะงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ วัดละหารไร่ ในการนี้หลวงปู่ทิมได้กล่าวว่า หากได้ผงพรายกุมารมหาภูติผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเพราะมีอานุภาพแห่งพรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร

ครั้งนั้นเมื่อมีเพียง หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้ารับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำ กะโหลกพรายกุมาร วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าข้าวัดละหารใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น

ผงพรายกุมารมหาภูติซึ่งหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ต้องพบกับอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์พรายนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่ง วัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา บารมีของหลวงปู่ทิม และคาถาอาคมที่หลวงปู่ทิมได้ประสิทธิให้นั้น ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ได้ยินยอมและเต็มใจเกิดความปิติในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ…หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการครั้งนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ.

ระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อเขียว

แม่นางพราย-พรายกุมาร

ดวงวิญญาณของอาจารย์นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร มีอยู่จริงเห็นตัวตนเป็นเงาใสๆ ลางๆ เหมือนกับภาพที่สะท้อนบนพื้น ในปัจจุบันวิญญาณเหล่านี้ก็ยังอยู่ปกปักรักษาคุ้มครองที่วัดละหารไร่

หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ได้กล่าวย้ำว่า การสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อได้กระโหลกพรายกุมารมาแล้ว หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า เป็นระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน จนกระโหลกพรายกุมารแห้งสนิทหมดกลิ่น ดีแล้ว จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมมอบให้มาจนครบทั้งหมดผสมน้ำแช่เกสรบัวทั้งห้า ปั้นเป็นแท่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดไว้จนแห้งสนิท เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีวันดี ตามที่ หลวงปู่ทิม ได้กำหนดไว้ จึงจะนำแท่งผงปั้นนี้มาเขียนอักษระพระยันต์ดีต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ 9 รูป โดยหลวงปู่หิม อิสริโก เป็นประธานสงฆ์เขียนอักระพระยันต์ต่างๆ ลงบนกระดานชนวนแล้วลบผงก่อนเป็นปฐมฤกษ์ แล้วจึงมอบให้ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ เป็นผู้ลงอักขระพระยันต์และลบผงต่อไป…

การปลุกเสกมวลสารพรายกุมาร

การปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตินั้น หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็น กึ่งเทพกึ่งภูติ เป็นมหาภูติขวาและซ้าย (พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูตซ้ายขวา)

วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้หลวงปู่ทิมได้อธิฐานให้วิญญาณพรายกุมารทุกตนที่ผ่านไปมาในบริเวณ พิธี หากจะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้มาสถิตย์อยู่รวมกันในผงพรายกุมารมหาภูติที่ท่านปลุกเสกนี้ ให้มีอิทธิฤทธิคอยช่วยเหลือ คุ้มครองอำนวยพรให้ผู้ครัทธาบูชาอยู่ระยะเวลาหนึ่ง หลังจากเสร็จ พิธีเรียบร้อยแล้วได้ผงพรายกุมารมหาภูติบริสุทธิ์สีขาวหม่นอมเทา ประมาณ 1 ถาดใหญ่ เมื่อแบ่งผสมผงว่านมหามงคลจะได้ผงพรายกุมารมหาภูติเนื้อละเอียดสีน้ำตาลเข้มประมาณ 1 กะละมังใหญ่ แล้วเก็บรวบรวมไว้ในกุฎิหลวงปู่ทิมเมื่อจะทำพระเครื่อง จึงจะขออนุญาตหลวงปู่ทิมไปตักแบ่งเอามาผสมผงที่จะกด พิมพ์พระ อีกครั้งหนึ่ง , หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวยืนยันโดยเห็นกับตาตนเองว่าผงที่หลวงปู่ทิม อิสริโก เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ นั้น หลุดร่วงทะลุลอดกระดานชนวนลงมา และทะลุผ้าขาวที่ปูรองเอาไว้ถึงเจ็ดชั้นจนถึงพื้นพระอุโบสถวัดละหารไร่ ที่กล่าวนี้ไม่ได้กล่าวเกินความจริงแต่อย่างใด แต่กล่าวเปิดเผยเพื่อให้ท่านทั้งหลายที่ศรัทธาหลวงปู่ทิม อิสริโก จะได้เกิดความปิติ และซาบซึ้ง ในบุญญาบารมีของหลวงปู่ทิม หากผู้ใดได้ครอบครองบูชา “พระผงขุนแผนพรายกุมาร “นับว่า ท่านมีของวิเศษขั้นสูงอยู่กับตัว จะส่งผลให้เกิดโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง นับว่าเป็นบุญกุศลของผู้นั้นที่เคยได้ร่วมสร้างกันมา หลวงปู่ท่านกล่าวว่าพระของท่านมีเจ้าของอยู่แล้ว ของของใครต้องมาอยู่กับผู้นั้น ผู้ใดมิใช่เจ้าของจักมีอันต้องเปลี่ยนมือไปไม่ข้าก็เร็ว..

พระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อเขียว พิมพ์ใหญ่นิยมพระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อเขียว พิมพ์ใหญ่นิยม

พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม

พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็น พระขุนแผนที่มีความ ต้องการในตลาดสูงมากราคาขยับ จนแพงกว่าพระขุนแผน พระกรุเก่าๆ ผงพรายกุมารมหาภูติ ที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า:

ผงพรายกุมารการทำผงพรายกุมาร นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผู้สร้างจะต้องกำหนดฤกษ์ผานาทีตลอดจนพิธีกรรมต่างๆ ให้ถูกต้องตามตำรา ซึ่งเคล็ด จะเป็นเคล็ดการสร้างโดยนำภูติ (ไม่ใช่ผี) ที่ยังไม่ถึงเวลาจุติแล้วมีเหตุต้องมีอันเป็นไปก่อนเวลาอันควร มาอธิษฐานจิตบวชให้เป็นเทพ ซึ่งพระเกจิอาจารย์ที่ทำได้จะต้องสำเร็จธรรมชั้นสูงเท่านั้น เมื่อภูติได้รับการบวชเป็นเทพ เราจะเรียกว่าพ่อพรายชื่อเต็มก็คือพ่อพรายมหาภูติมีฤทธิ์ มีเดช มีความศักดิสิทธิ์ในตัวเอง

พระเกจิอาจารย์ที่สร้างผงพรายกุมารได้ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อาราธนาพกติดตัว ที่วงการยอมรับถือเป็นต้นตำรับ ก็คือ หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม ผู้สร้างกุมารทองอันโด่งดังและหลวงปู่ทิม อิสริโก แห่งวัดละหารไร่ จ.ระยอง

ดังนั้นเมื่อนำคุณเทพมารวมกับคุณพระทำให้ “พระผงพรายกุมาร” มีประสบการณ์แปลกๆ เรื่องราวปาฏิหาริย์อยู่เสมอๆ นั่นอาจเพราะพ่อพรายจะออกมาช่วยในเรื่องที่เป็นบุญเป็นกุศล คนที่บูชาพระขุนแผนผงพรายกุมาร เลยมักจะได้พบสิ่งมหัศจรรย์ สัมผัสพิเศษต่างๆอยู่เสมอ เมื่อมีความเชื่อมาบารมีก็จะเกิดอย่างแน่นอน…

พระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อว่านดอกทอง นิยม

พระขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อว่านดอกทอง พิมพ์ใหญ่นิยม