พระปิดตา กนกข้าง เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ

พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ รุ่นกนกข้างปี พ.. 2522

พระปิดตา รุ่นกนกข้างปี พ.. 2522 จัดสร้างในช่วงปลายชีวิตของ หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวัณโณ หนึ่งในพระเกจิที่มีชื่อเสียงสูงสุดของกรุงเทพฯ และภาคกลาง โดยมีเจตนาเพื่อแจกแก่ลูกศิษย์ใกล้ชิดและเพื่อเป็นที่ระลึกในการก่อสร้างศาลาการเปรียญ และอาคารต่าง ๆ ในวัดประดู่ฉิมพลี

พระปิดตากนกข้าง เนื้อผงเกสร แช่น้ำมนต์ ฝังตะกรุด ปี 2522

ลักษณะพิเศษของพิมพ์กนกข้าง

• “กนกข้างหมายถึง ลายกนกที่ปรากฏอยู่ด้านข้างองค์พระ เป็นลวดลายอ่อนช้อยเหมือนเถาวัลย์ แสดงถึงความละเอียด ปราณีต และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพิมพ์

พระนั่งสมาธิ ปิดตาทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นพุทธลักษณะของพระปิดตา หมายถึงการปิดกั้นกิเลสทั้งภายนอกและภายใน

พิมพ์พระดูอวบอิ่มและมีมวลสารผิวพระดูงดงามด้วยเกสรดอกไม้ สื่อถึงความสมบูรณ์ทางพุทธคุณและทรงพลังเข้มขลัง

พระปิดตา กนกข้าง เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ

เนื้อมวลสาร: ผงเกสร แช่น้ำมนต์

พระรุ่นนี้สร้างด้วย ผงเกสร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมวลสารที่ขลังและสูงที่สุดของสายหลวงปู่โต๊ะ โดยประกอบด้วย:

ผงเกสรดอกไม้ 108 ชนิด ที่เก็บจากยอดของวัดต่าง ๆ

ผสมกับ ผงวิเศษ 5 ประการ ได้แก่ ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห และผงพุทธคุณ

ผ่านพิธี แช่น้ำมนต์ ซึ่งเป็นน้ำมนต์ที่หลวงปู่ปลุกเสกด้วยตัวเอง ทำให้เนื้อมีความอ่อนนุ่มและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากว่าน

ตะกรุดฝังในองค์พระ

บางองค์จะมี ตะกรุดเงินแท้จารมือ ฝังอยู่ภายใน เพื่อเพิ่มพลังคุ้มครอง ป้องกันภัย และเรียกทรัพย์(มหาลาภ)

ตะกรุดจารด้วยมือของหลวงปู่หรือพระอาวุโสผู้ใกล้ชิด เป็นลายมือที่วิจิตรงดงาม เรียกว่าตะกรุดมีชีวิต

ตะกรุดบางองค์ฝังด้านหลัง บางองค์ฝังใต้ฐาน มีหลากหลายแบบ

พระปิดตา กนกข้าง เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ

พิธีปลุกเสก

ปลุกเสกใหญ่ที่ อุโบสถวัดประดู่ฉิมพลี โดย หลวงปู่โต๊ะเป็นประธาน และอธิษฐานจิตเดี่ยวอีกครั้งก่อนแจก

ใช้เวลา ปลุกเสกยาวนานหลายเดือน ด้วยพลังจิตระดับสูงของหลวงปู่

มีบันทึกว่าหลวงปู่โต๊ะไม่เคยปลุกเสกอย่างรวบรัด พระทุกองค์ต้องปลุกเสกจนมั่นใจว่ามีพลังแล้วจริง ๆ

พระปิดตา กนกข้าง เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ

พุทธคุณ

เมตตามหานิยม: เป็นพระที่เด่นด้านเมตตา เสริมเสน่ห์ เจรจาค้าขายดี

แคล้วคลาด คุ้มครอง: ตะกรุดที่ฝังช่วยในการกันภัย โดยเฉพาะในยุคที่มีความเสี่ยง

โชคลาภ การเงิน: มีประสบการณ์มากในด้านดึงดูดโชคลาภ เรียกเงินทองเข้ามา

เสริมบารมี เสริมดวง: โดยเฉพาะคนที่ทำงานตำแหน่งสูง จะมีผู้สนับสนุน ไม่ตกต่ำ

การพิจารณาแท้เก๊

เนื้อพระต้องมีความนุ่มแบบผงเกสรแท้ ๆ และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ

สีเนื้อออกเหลืองนวล หรืออมน้ำตาลอมชมพู

ลายกนกด้านข้างต้องมีความคมชัด ไม่เบลอ

ตะกรุดต้องฝังแน่นและมีรอยจารที่ชัดเจน

ถ้าแช่น้ำมนต์แท้ ผิวจะมีความชื้นเล็กน้อย (ไม่แห้งกรังแบบของทำเลียนแบบ)

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 กำเนิดความสำคัญ และมรดกทางวัฒนธรรม

พระเครื่องไทยถือเป็นวัตถุมงคลที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมอย่างยิ่งในประเทศไทย โดยมักเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาและเป็นที่เชื่อกันว่าสามารถนำมาซึ่งพรและปกป้องคุ้มครอง ผู้บูชา พระเครื่องเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของวัด และผู้ศรัทธามักได้รับมอบพระเครื่องเป็นของขวัญหลังจากการบริจาคทรัพย์สินหรือถวายสิ่งของแด่วัด ต่อมา พระเครื่องเหล่านี้ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงของขวัญ แต่เป็นพระเครื่องที่เชื่อว่าจะช่วยเสริมสิริมงคลในด้านต่างๆ ของชีวิต นอกจากนี้ ยังมีประเพณีการบรรจุพระเครื่องไว้ใต้สถูปหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ภายในวัดระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งเมื่อสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นทรุดโทรมลง ก็อาจพบพระเครื่องที่มีอายุหลายศตวรรษ ฉนั้นพระเครื่องจึงมิได้เป็นเพียงวัตถุมงคล แต่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และความเชื่อทางศาสนาที่สืบทอดกันมา

ในบรรดาพระเครื่องมากมายหลากหลายประเภทพระสมเด็จถือเป็นหนึ่งในประเภทที่ได้รับการยกย่องและเคารพอย่างสูง โดยได้รับการขนานนามว่าเป็นราชาแห่งพระเครื่องพระเครื่องสกุลนี้มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ซึ่งเป็นพระภิกษุผู้ทรงอิทธิพลและเป็นที่เคารพอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในประเทศไทย พระสมเด็จจึงมิได้เป็นเพียงวัตถุบูชา แต่เป็นตัวแทนของเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่ผสานรวมกับศรัทธา ศิลปะ และมรดกของหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการเคารพมากที่สุดในประวัติศาสตร์พุทธศาสนาไทย

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554

พระสมเด็จเป็นพระเครื่องไทยที่ได้รับการยกย่องและมีอานุภาพสูง โดยเป็นที่นิยมสุดยอดแห่งวงการสะสมพระเครื่อง พระเครื่องเหล่านี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตารามในช่วงศตวรรษที่ 19

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) หรือที่รู้จักกันในนาม สมเด็จโต เกิดเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.. 2331 และมรณภาพเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.. 2415 ท่านเป็นพระภิกษุที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างยิ่งในสมัยรัตนโกสินทร์ และยังคงเป็นพระภิกษุที่ได้รับการเคารพนับถือเป็นอย่างสูงและรู้จักกันอย่างกว้างขวางที่สุดในประเทศไทย ท่านเป็นที่เลื่องลือในด้านอิทธิฤทธิ์และพระเครื่องของท่านก็เป็นที่ต้องการอย่างมากแก่เซียนพระ,ประชาชนทั่วไป และยังโด่งดังไกลไปถึงต่างประเทศอีกด้วย

ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) กับราชวงศ์ไทยมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับสถานะของท่านและความเคารพนับถือพระเครื่องของท่าน หลายแหล่งกล่าวถึงความเชื่อมโยงของท่านกับพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) และบทบาทของท่านในการเป็นพระอาจารย์และที่ปรึกษาของเจ้าฟ้ามงกุฎ (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4) การอุปถัมภ์ของราชวงศ์ได้เสริมสร้างความน่าเชื่อถือและเกียรติยศอย่างมากให้กับทั้งตัวพระภิกษุและวัตถุมงคลที่ท่านสร้างสรรค์

พระเครื่องพระสมเด็จเป็นที่เชื่อกันอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้ศรัทธาว่ามีอานุภาพทางจิตวิญญาณ สามารถประทานพร ปกป้องคุ้มครองจากภยันตรายต่างๆ และเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรือง ความเชื่อในอานุภาพเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีรากฐานมาจากการเล่าขานถึงชีวิตและวัตรปฏิบัติอันงดงามของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) การเน้นย้ำถึงทักษะการทำสมาธิ ความสามารถในการเทศนา และความรู้แตกฉานในพระธรรมวินัย ได้สร้างเรื่องราวของพระภิกษุผู้ทรงคุณธรรมและความรู้ ทำให้ผู้คนเชื่อมั่นในพลังศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ในพระเครื่องของท่าน

มวลสารที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ทรงใช้ในการสร้างพระเครื่องในยุคแรกนั้นมีหลากหลาย เช่น ผงเปลือกหอย ผงปูนขาว ผงวิเศษ และอื่นๆ การระบุถึงมวลสารเหล่านี้เป็นการสร้างความเชื่อมโยงที่เป็นรูปธรรมระหว่างพระเครื่องในยุคอดีตและยุคปัจจุบัน ทำให้ผู้คนเชื่อมั่นในสายธารแห่งประเพณี และความศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมา ด้วยเหตุนี้ พระสมเด็จวัดระฆังที่สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) จึงมีมูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสม

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก

พระสมเด็จ วัดระฆังฯ รุ่นแรก แจกทาน 2554

  คำว่า “พระสมเด็จบ่งชี้ถึงประเภทของพระเครื่องที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) , “วัดระฆังระบุถึงวัดระฆังโฆสิตารามในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)

ส่วนต่อท้ายแจกทานหมายถึงการให้ทานหรือการแจกจ่ายซึ่งสื่อถึงเจตนาอันเป็นกุศลในการสร้างพระเครื่องชุดนี้ ซื่งบ่งบอกว่าพระเครื่องถูกสร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้บริจาคที่ร่วมสนับสนุนกิจกรรมการกุศลหรือโครงการต่างๆ ของวัด หรืออาจเป็นการรำลึกถึงการกระทำอันเป็นกุศลที่เกี่ยวข้องกับวัดหรือพระสงฆ์ผู้สร้าง การที่ใช้ชื่อว่าแจกทานไม่เพียงแต่แสดงถึงวัตถุประสงค์อันเป็นกุศลมงคลยิ่ง แต่ยังอาจเป็นการเพิ่มพูนบุญกุศลให้กับพระเครื่ององค์นี้ เนื่องจากในพระพุทธศาสนา การให้ทานถือเป็นหนึ่งในคุณธรรมที่สำคัญ

รุ่นแรกบ่งชี้ว่าพระเครื่ององค์นี้เป็นพระเครื่องรุ่นแรก ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบหรือออกแบบพิมพ์เฉพาะนี้ในปีพุทธศักราช 2554 ซึ่งตรงกับปีคริสต์ศักราช 2011 สถานะรุ่นแรกมักจะเพิ่มคุณค่าและความน่าสนใจให้กับพระเครื่องในหมู่นักสะสม เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นของชุดพระเครื่องนั้นๆ การระบุว่าเป็นรุ่นแรกสำหรับปี พ.. 2554 ยังเป็นการตอกย้ำถึงความพิเศษและความเป็นเอกลักษณ์ของพระเครื่ององค์นี้ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของพระเครื่องรุ่นดังกล่าว

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก

วัดระฆังโฆสิตาราม

วัดระฆังฯ ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยเดิมมีชื่อว่าวัดบางหว้าใหญ่ วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะและยกฐานะเป็นพระอารามหลวงในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการค้นพบระฆังเสียงไพเราะในเขตวัด พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงโปรดเกล้าฯ ให้นำระฆังนั้นไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระราชทานระฆังใหม่ห้าใบมาแทน พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดระฆังโฆสิตาราม

วัดระฆังโฆสิตารามมีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นวัดที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสในช่วงปี พ.. 2395 ถึง 2415 ช่วงเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสถือเป็นยุคทองของวัด และเป็นช่วงเวลาที่พระเครื่องพระสมเด็จเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง การที่วัดระฆังมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของประเพณีการสร้างพระสมเด็จ และเป็นแหล่งที่ผู้คนเชื่อมั่นว่าเป็นแหล่งกำเนิดของพระสมเด็จแท้ที่มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์

ารปลุกเสกภายใต้การนำของพระธรรมธีรราชมหามุนี (เจ้าคุณเที่ยง)

การสร้างพระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 ได้รับการริเริ่มและดำเนินการโดยพระธรรมธีรราชมหามุนี (พระธรรมธีรราชมหามุนี) หรือที่รู้จักกันในนามเจ้าคุณเที่ยงซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามในขณะนั้น บทบาทของท่านในฐานะผู้ริเริ่มหลัก (“ประธานจัดสร้าง“) เน้นย้ำถึงความสำคัญและการรับรองอย่างเป็นทางการของพระเครื่องรุ่นนี้โดยวัดที่มีชื่อเสียง

เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและเพิ่มพลังความศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระเครื่องรุ่นนี้ เจ้าคุณเที่ยงได้ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญภาวนาอย่างเคร่งครัดเป็นเวลา9 วัน 9 คืน ภายในกุฏิของท่าน ระยะเวลาอันยาวนานของการปฏิบัติธรรมนี้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและความเพียรพยายามทางจิตวิญญาณที่ท่านได้อุทิศให้กับการปลุกเสกพระเครื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรจุพลังศักดิ์สิทธิ์อันเข้มขลัง (บารมี) ไว้ในพระเครื่อง การปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้นของเจ้าอาวาสเป็นเครื่องยืนยันถึงความตั้งใจจริงของวัดในการสร้างพระเครื่องที่มีคุณภาพและเปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก

การอัญเชิญบารมีพระสงฆ์ผู้ทรงคุณ

พิธีปลุกเสก พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 ได้จัดขึ้นภายในวิหาร ที่ประดิษฐานรูปเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ณ วัดระฆังโฆสิตาราม สถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่งเนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับอดีตเจ้าอาวาสผู้เป็นที่เคารพสูงสุดของวัด ภายในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ประดิษฐานรูปเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เอง พร้อมด้วยรูปเหมือนของหม่อมเจ้าพระพุทธุปบาทปิลันทน์ และสมเด็จพระโฆษาจารย์ (...เจริญ)

การอัญเชิญบารมีและอิทธิพลทางจิตวิญญาณของบุคคลผู้ทรงคุณเหล่านี้จากประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาไทยถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สำคัญในการสร้างพระเครื่องไทย เชื่อกันว่าการกระทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มความเข้มขลังพลังศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องผ่านบุญบารมีและปัญญาที่สั่งสมมาของท่านเหล่านั้น (พุทธคุณ) การเลือกวิหารของสมเด็จโตเป็นสถานที่ประกอบพิธีและการอัญเชิญบารมีของพระสงฆ์ผู้ทรงคุณในอดีต แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะเชื่อมโยงพระเครื่องรุ่นใหม่นี้เข้ากับพลังทางจิตวิญญาณและมรดกทางประวัติศาสตร์ของบุคคลผู้เป็นที่เคารพเหล่านั้น

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก

การเข้าร่วมของคณะสงฆ์วัดระฆัง

นอกจากเจ้าคุณเที่ยงแล้ว พิธีปลุกเสกพระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 ยังได้รับการเข้าร่วมจากพระสงฆ์ผู้ทรงคุณอื่นๆ จากวัดระฆังโฆสิตารามอีกหลายรูป รายนามพระสงฆ์ที่เข้าร่วมพิธี ได้แก่ พระครูสิริธรรมวิภูษิต (หลวงพ่อเจิด) วัดระฆังโฆสิตาราม, พระครูวิมลธรรมธาดา (หลวงพ่อสวง) วัดระฆังโฆสิตาราม, ท่านเจ้าคุณ พระบวรรังษี วัดระฆังโฆสิตาราม และพระครูปลัดธีรวัฒน์ วัดระฆังโฆสิตาราม

การเข้าร่วมของพระสงฆ์ผู้ทรงคุณเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความศักดิ์สิทธิ์และความสำคัญทางจิตวิญญาณของพิธีปลุกเสก และเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่อง การปรากฏตัวของพระสงฆ์ผู้เป็นที่เคารพหลายรูปแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของคณะสงฆ์ในการอธิษฐานจิตและประสิทธิ์ประสาทพรให้กับพระเครื่องรุ่นนี้ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการอัญเชิญบารมีอันสูงสุดของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) มาสู่พระเครื่อง

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก

มวลสารศักดิ์สิทธิ์: “พระผงสมเด็จ โต

พระเครื่องรุ่นนี้ได้รับการขนานนามว่าพระผงสมเด็จ โต ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นพระเครื่องเนื้อผงที่สร้างขึ้นตามแบบอย่างของพระสมเด็จวัดระฆังที่มีมูลค่าสูง องค์ประกอบของพระเครื่องรุ่นนี้ประกอบด้วยผงมวลสารเก่าซึ่งหมายถึงผงศักดิ์สิทธิ์โบราณ การใช้วัสดุเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เชื่อกันว่าจะช่วยสืบทอดพลังและความศักดิ์สิทธิ์จากพระเครื่องรุ่นก่อนๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระเครื่องรุ่นนี้ได้รวมเอาผงวิเศษทั้ง 5″ ซึ่งเป็นผงศักดิ์สิทธิ์ห้าชนิดที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้แก่ ผงปถมัง , ผงอิทธิเจ , ผงตรีนิสิงเห , ผงพุทธคุณ  และผงมหาราช , ผงวิเศษเหล่านี้เชื่อกันว่ามีคุณสมบัติทางเวทมนตร์และจิตวิญญาณที่แตกต่างกัน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างอานุภาพโดยรวมของพระเครื่อง แหล่งข้อมูลบางแห่งระบุว่าผงเหล่านี้สร้างขึ้นผ่านกระบวนการเขียนและลบอักขระศักดิ์สิทธิ์บนกระดานชนวน และเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติเฉพาะ เช่น ความเป็นสิริมงคล การดึงดูดใจ และการป้องกัน นอกจากนี้ ส่วนผสมยังรวมถึงน้ำมนต์ จากบ่อของสมเด็จโต ซึ่งเป็นการเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระเครื่องโดยตรง

ผงศักดิ์สิทธิ์

ผงปถมัง:มีความเป็นสิริมงคลโดยทั่วไป การเริ่มต้น และพลังพื้นฐาน

ผงอิทธิเจ:เชื่อกันว่าช่วยเสริมเสน่ห์ ดึงดูดใจ และอิทธิพลส่วนตัว

ผงตรีนิสิงเห:มักเชื่อมโยงกับการป้องกันอิทธิพลด้านลบและการเสริมสร้างความเป็นอยู่โดยรวม

ผงพุทธคุณ:เป็นตัวแทนของพระคุณและพลังของพระพุทธเจ้า ประทานพรและปกป้องคุ้มครอง

ผงมหาราช:เกี่ยวข้องกับอำนาจ ความเคารพ และการเสริมสร้างสถานะและอิทธิพล

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก

รูปลักษณ์และสัญลักษณ์พิมพ์พระ

ด้านหลังของพระเครื่องมีรูปองค์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และคำว่าแจกทานสลักอยู่ รูปลักษณ์และข้อความเป็นเครื่องเตือนใจถึงที่มาของพระเครื่อง พระสงฆ์ผู้เป็นที่เคารพที่ได้รับการยกย่อง และวัตถุประสงค์หรือสถานการณ์ในการสร้างพระเครื่อง เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าบารมีของสมเด็จโตมีความสำคัญสูงสุดในการสร้างพระเครื่องพระสมเด็จ ทำให้พระเครื่องสกุลนี้เป็นอันดับหนึ่งในบรรดาพระเครื่องไทย และเป็นที่เลื่องลือในด้านอิทธิฤทธิ์ และอภินิหาร (ปาฏิหาริย์)

การสร้างพระสมเด็จรุ่นแจกทานนี้มีเป้าหมายเพื่อขอพรและพลังจิต (เสก) จากสมเด็จโต ในระหว่างพิธีปลุกเสก ได้มีการตั้งสัจจะอธิษฐานเพื่อขอให้พระเครื่องรุ่นนี้มีพุทธคุณ เทียบเท่ากับพระเครื่องที่สมเด็จโตสร้างขึ้นด้วยพระองค์เอง พระสมเด็จแจกทานแต่ละองค์มี ตรายางลายเซ็นของสมเด็จโต หรือสัญลักษณ์รูประฆัง (ตระฆัง) ซึ่งเป็นที่ยืนยันความแท้ของพระเครื่อง สัญลักษณ์รูประฆังมีความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากคำว่าระฆังเป็นส่วนหนึ่งของชื่อวัด

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก

รุ่นพิเศษหน้ากากสมเด็จโต

เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการจัดสร้างพระสมเด็จรุ่นพิเศษที่มีการฝังหน้ากากรูปหน้าของสมเด็จโตในจำนวนจำกัดเพียง 3,199 องค์ ความหายากนี้ทำให้พระเครื่องรุ่นดังกล่าวเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสมพระเครื่องในขณะนั้น โดยมีความต้องการสูงกว่าจำนวนที่จัดสร้างแล้ว การสร้างพระเครื่องรุ่นพิเศษที่มีลักษณะโดดเด่นเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการตอบสนองความต้องการของนักสะสมที่มองหาพระเครื่องที่มีความพิเศษและมีจำนวนจำกัด

ความสนใจของนักสะสมที่กลับมาและความสำคัญที่ยั่งยืน

ปล.   มีการอ้างถึงรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ซึ่งเน้นย้ำถึงความสนใจที่กลับมาอีกครั้งในพระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554″ ในหมู่นักสะสมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากความสวยงามของพิมพ์ทรง (พิมพ์สวย) คุณภาพของมวลสารศักดิ์สิทธิ์ (มวลสารดี) และความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ (พิธีเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์) ของพิธีปลุกเสก ปัจจัยเหล่านี้ร่วมกันส่งผลให้พระเครื่องรุ่นนี้ยังคงได้รับการยกย่องและเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่องในวงการสะสมพระเครื่องไทย.

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 เป็นพระเครื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในบริบทของวัฒนธรรมพระเครื่องไทย โดยมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และวัดระฆังโฆสิตาราม การสร้างพระเครื่องรุ่นนี้ได้รับการดำเนินการอย่างพิถีพิถันภายใต้การนำของพระธรรมธีรราชมหามุนี (เจ้าคุณเที่ยง) ซึ่งได้ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญภาวนาเป็นเวลาเก้าวันเก้าคืนเพื่อเพิ่มพูนความศักดิ์สิทธิ์ พิธีปลุกเสกอันศักดิ์สิทธิ์ได้รับการประกอบขึ้นภายในวิหารของสมเด็จโต โดยมีการอัญเชิญบารมีของพระสงฆ์ผู้ทรงคุณในอดีต และได้รับการเข้าร่วมจากคณะสงฆ์วัดระฆังหลายรูป

องค์ประกอบของพระเครื่องรุ่นนี้ประกอบด้วยมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผงวิเศษทั้ง 5″ และน้ำมนต์จากบ่อของสมเด็จโต ซึ่งเป็นวัสดุที่เชื่อกันว่ามีพลังทางจิตวิญญาณสูง ด้านหลังของพระเครื่องมีรูปเหมือนของสมเด็จโตและข้อความแจกทานเป็นสัญลักษณ์ที่ระลึกถึงที่มาและวัตถุประสงค์อันเป็นกุศลในการสร้าง นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพิเศษที่มีการฝังหน้ากากรูปหน้าของสมเด็จโตในจำนวนจำกัด ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสม

ความสนใจที่กลับมาอีกครั้งในพระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 ทั้งในหมู่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณค่าและความสำคัญที่ยั่งยืนของพระเครื่องรุ่นนี้ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของประเทศไทย ความสวยงามของพิมพ์ทรง คุณภาพของมวลสาร และความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีปลุกเสก ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้พระเครื่องรุ่นนี้ยังคงได้รับการเคารพและเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่องในวงการสะสมพระเครื่อง

พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก

พิธีปลุกเสก ณ วัดระฆัง

รายนามพระสงฆ์ที่เข้าร่วมพิธีได้แก่:

พระธรรมธีรราชมหามุนี (เจ้าคุณเที่ยง)

เจ้าอาวาส

ผู้ริเริ่มหลักและผู้ปฏิบัติธรรม

หม่อมเจ้าพระพุทธุปบาทปิลันทน์

อดีตพระสงฆ์ผู้ทรงคุณ

สมเด็จพระโฆษาจารย์ (...เจริญ)

อดีตพระสงฆ์ผู้ทรงคุณ

พระครูสิริธรรมวิภูษิต (หลวงพ่อเจิด)

พระสงฆ์ผู้ทรงคุณ

พระครูวิมลธรรมธาดา (หลวงพ่อสวง)

ท่านเจ้าคุณ พระบวรรังษี

และ พระครูปลัดธีรวัฒน์

พระกริ่งชินบัญชร เนื้อเปียกทอง

พระเครื่องหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จ.ระยอง

พระครูภาวนาภิรัต หรือ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง อมตะพระเกจิแห่งภาคตะวันออก ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นผู้ทรงอภิญญา และเป็นผู้ทรงวิทยาคม แม้ว่าท่านจะละสังขารไปนานหลายสิบปีแล้วก็ตาม แต่วัตถุมงคลที่สร้างเอง หรือลูกศิษย์ลูกหาสร้างแล้วนำมาให้ท่านอธิษฐานจิต พุทธคุณก็เข้มขลังไม่ต่างกัน จึงเป็นที่นิยมชมชอบของเซียนพระและนักสะสมในปัจจุบัน เมื่อความต้องการมีมาก แต่วัตถุมงคลมีน้อย ย่อมทำให้ราคาเช่าหาวัตถุมงคลของท่านในปัจจุบันมีราคาสูงมาก เช่น พระกริ่งชินบัญชรเนื้อทองคำ ปัจจุบันเช่าหากันถึงหลักสิบล้านขึ้นไป และพระผงขุนแผนพรายกุมาร ที่มีตำนานการสร้างอย่างมหัศจรรพันลึก ที่เชื่อกันว่า ผู้ใดมีไว้บูชาจะเป็นเมตตามหานิยมยิ่งนัก ทุกวันนี้แทบจะหาของแท้ๆได้ยากมาก เพราะผู้ครอบครองไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ เพราะโอกาสจะได้กลับคืนนั้นยากมาก.

พระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง

เข้มขลังด้วยพลังจิต

ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้การสร้างวัตถุมงคล จะไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเป็นยุคเทคโนโลยีการผลิดต่างๆ เจริญรุดหน้าเป็นอย่างมาก แต่การจะเสกวัตถุมงคลให้เข้มขลัง ก็ไม่ได้อาศัยเทคโนโลยีต่างๆมาช่วยได้เลย เป็นเรื่องของพระเกจิฌานสมาบัติหรือพลังจิตล้วนๆ พระเกจิคณาจารย์ที่อธิษฐานจิต ต้องเป็นพระผู้ทรงวิทยาคมแก่กล้า พิธีกรรมต่างๆจะต้องถูกต้องตามตำราโบราณ วัตถุมงคลที่สร้างจะมีพุทธคุณเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ ด้วยพลังแห่งพุทธานุภาพ ธรรมมานุภาพ สังฆานุภาพ เป็นสิริมงคลแก่ผู้เคารพศรัทธา ที่อาราธนาติดตัวไป จะได้แคล้วคลาดปลอดภัย ดังที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ถึงประสบการณ์วัตถุมงคล ที่พระเกจิอาจารย์ ท่านได้สร้างไว้แสดงอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ เช่น ยิงฟันแทงไม่เข้า รถยนต์พลิกคว่ำหลายตลบแต่ไม่เป็นไร หรือแม้กระทั่ง ฮ.ตก แต่คนบน ฮ.ไม่ได้รับอันตราย.

พระกริ่งชินบัญชร เนื้อตะกั่วอาบนวะ

วัตถุมงคลหลวงปู่ทิม

วัตถุมงคลหลวงปู่ทิมก็เช่นกัน หากไม่มีประสบการณ์ความขลังความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็คงจะไม่มีความต้องการ จนราคาเช่าสูงลิ่วดังเช่นปัจจุบัน , อาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ ศิษย์ฆราวาสผู้สืบทอดวิทยาคม หลวงปู่ทิม และเป็นผู้สร้างพระกริ่งชินบัญชร ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อแรกสร้างพระกริ่งชินบัญชรนั้น มีคนมาสั่งจองเป็นจำนวนมาก แตเมื่อพระออกมาแล้ว คนส่วนใหญ่บอกพระไม่สวยและเอามาคืน ทำให้อาจารย์ชินพรเป็นทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง จนหลวงปู่ทิมได้บอกกับอาจารย์ชินพรว่า “เขาเอามาคืนก็รับไว้เถิด อีกหน่อยพลิกแผ่นดินหาก็ไม่เจอ” เป็นอมตะวาจาสิทธิ์ของ หลวงปู่ทิม โดยแท้ เพราะหลังจากนั้นเรื่องราวประสบการณ์ปาฏิหาริย์ของ พระกริ่งชินบัญชร ก็ได้แสดงออกมาเรื่อยๆ และบ่อยครั้งจนเป็นที่ล่ำลือกันไปทั่วฟ้าเมืองไทย และกลายเป็นพระกริ่งอันดับต้นๆของสยามประเทศ.

พระครูภาวนาภิรัต หรือหลวงปู่ทิม

ขออาราธนาดวงวิญญาณหลวงปู่ทิม อิสริโก จงคุ้มครอง ปกป้อง ท่านทั้งหลายให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดกาลนานเทอญ…

พระกริ่งชินบัญชร เนื้อตะกั่วอาบนวะ

ราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว ครูบานันตา

พระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว

ครูบานันตา วัดทุงม่านใต้ ลำปาง

เราอาจเคยได้ยินคำทำนายทายทักกันว่า ช่วงนี้ให้ระวัง..เพราะพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก พระราหูเสวยอายุคุณอีกต่างหาก อาจทำให้ถึงขั้นก่ายหน้าผากกันได้หากโดนทักอย่างนี้ จากความเชื่อเรื่องโชคลาง การทำนายทายทัก จึงก่อให้เกิดการแก้เคล็ด เพื่อแก้จากเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี โดยการบูชาเทวดานพเคราะห์ตามวันที่เราเกิด รวมถึงเทวดาที่อาจบันดาลสุข หนึ่งในความเชื่อที่ผู้คนบูชาคือ “พระราหู” หากจะกล่าวถึง พระราหู กับความเชื่อของคนไทย น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก พระราหูโด่งดังขึ้นมาในระดับต้นๆ ของการบูชาเทพไท้เทวา อีกทั้งมีการนำมาประยุคต์เข้ากับพิธีกรรมสืบชะตา สะเดาะพระเคราะห์ และจัดสร้างวัตถุมงคลมากมายของบรรดาเกจิอาจารย์ ตั้งแต่โบราณเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน.

พระกะลาตาเดียว ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ ลำปาง

 

พระราหูกับตำนานความเชื่อ

ในคัมภีร์พระเวทได้กล่าวไว้ว่า “พระราหู คือเทพอสูร ที่เป็นอมตะไม่มีวันตาย ” เพราะตอนที่เหล่าทวยเทพทำพิธีกวนน้ำอมฤตในเกษียรสมุทร(ทะเลน้ำนม) อันเป็นที่ประทับขององค์พระนารายณ์ พระราหู ได้แปลงกายเป็นเทวดาแฝงตัวเข้าไปอยู่ในพิธีกรรมด้วย เพราะมิได้รับเชิญ พอน้ำอมฤตเสร็จ ลอยขึ้นมาจากสะดือทะเล แล้วพระราหูก็รอบเข้าไปดื่มกินก่อน พระนารายณ์รับรู้เข้าก็ขว้างจักรไปต้องลำตัวของพระราหู ทำให้ขาดจากกันเป็นสองท่อน ซึ่งพระราหูนั้นเดิมทีมีหัวเป็นยักษ์ ลำตัวเป็นมนุษย์ ท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปเป็นงู เมื่อโดนตัดด้วยจักรพระนารายณ์ ท่อนล่างจึงหลุดลอยไปในอากาศ กลายเป็นพระเกตุเทวา ส่วนพระราหูก็เหลือแต่ท่อนบนเท่านั้น , พระราหู จึงผูกอาฆาตโกรธแค้น พระสุริยะเทพ และพระจันทราเทพมาก ที่เอาความไปบอกแก่ พระนารายณ์ ให้ล่วงรู้ในเรื่องที่ตนเอง ดื่มกินน้ำอมฤตเข้าไป ดังนั้นในเวลาที่พระราหู เจอ พระอาทิตย์ หรือพระจันทร์คราวใด ก็จะจับกินเสียทุกทีไป จึงได้เกิดคติความเชื่อเรื่องสุริยุปราคา และจันทรุปราคาขึ้น.

พรพราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว ครูบานันตา

ราหูอมจันทร์

ในคัมภีร์โหราศาสตร์ถือว่า เมื่อบุคคนใดที่พระราหูเสวยอายุในช่วงเวลานั้น จะเกิดความรุ่มร้อน มีเคราะห์กรรม จะต้องแก้ไข ทำพิธีรับดาวและแก้เคล็ด จึงจะกลับร้ายกลายเป็นดี ซึ่งในคัมภีร์ทางไสยศาสตร์ ได้มีการสร้างหลักวิชาเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับคนเชื่อเรื่องพระราหู ช่วยในการแก้ไขดวงชะตา ในความเชื่อว่า ต้องการค้านฤทธิ์อำนาจด้านมืดของพระราหู เอาพลังด้านดีมาช่วยส่งเสริมชะตาชีวิต เรียกว่า “เลี่ยงลางร้ายรับลางดี” จึงมีการสร้างเครื่องรางออกมาในรูปแบบพระราหูอมจันทร์ ซึ่งนิยมทำจากกะลามะพร้าวตาเดียวแกะสลัก ที่เรียกกันว่า “กะลาตาเดียวพระราหูอมจันทร์”

ราหูอมจันทร์ ครูบานันตา

กะลาตาเดียวราหูอมจันทร์

เหตุที่ต้องใช้กะลาตาเดียว เพราะถือเป็นของทนสิทธิ์ มีดีในตัว และหายาก , การนำกะลามาแกะเป็นพระราหูนั้น มีการแกะทั้งลูก และแกะเป็นหลายชิ้น จะได้จำนวนมากน้อย ขึ้นอยู่กับจำนวนที่ต้องการ และขนาดกะลาด้วย เมื่อแกะลวดลายเป็นพระราหูอมจันทร์ ขัดแต่งให้สวยงามแล้ว ตามตำราเกจิที่สร้างจะนำมาลงอักขระเลขยันต์ ซึ่งไม่ใช่ของง่าย เพราะต้องทำในช่วงเกิดสุริยะคราสและจันทรคราสก่อน แล้วเพ่งมองดูเงาดับที่เข้าจับพระอาทิตย์และพระจันทร์ จากนั้นใช้เหล็กจารลงอักขระไปบนกะลา หลังจากนั้นเกจิอาจารย์ ท่านจะนำไปปลุกเสกอีกครั้ง จนมั่นใจในความเข้มขลัง แล้วจึงนำออกแจกจ่ายให้บูชา ผู้ใดมีไว้ในครอบครอง ถือเป็นผู้มีบุญ ได้รับกุศลยิ่งนักแล…

การบูชาวัตถุมงคลใดๆต้องมี ศรัทธา บารมีจึงเกิดผล จงหมั่นสร้างแต่ความดี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กตัญญูรู้คุณของพ่อแม่ และครูอาจารย์ที่อบรมสอนสั่ง อันมีคุณพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง การบูชาจึงสัมฤทธิ์ผลตามความเชื่อที่โบราณกาลพาทำสืบเนื่องมา…

พระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้

พระขุนแผนปลุกกุมาร หลวงพ่อกวย

วัตถุมงคลหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม

พระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆษิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ถือเป็นที่นิยมของนักสะสมตามหา เนื่องจากหลวงพ่อกวยมีศิษยานุศิษย์และประชาชนที่เคารพนับถือมากมาย ท่านเป็นผู้ที่ชื่นชอบการทำพระผง ด้วยแม่พิมพ์บีบมือ ซึ่งพุทธคุณโดดเด่นและโด่งดังมากด้านเมตตามหานิยม จนถูกนำไปแต่งเพลง “คาถาขุนแผน” ของกานต์ ทศน

พระเครื่องหลวงพ่อกวย และวัตถุมงคลของหลวงพ่อกวย เป็นที่นิยมมีชื่อเสียง ได้แก่ พระสมเด็จ พิมพ์ต่างๆ , พระขุนแผน , พระสังกัจจายน์ , มีดหมอ , ตะกรุด , ผ้ายันต์ , เหรียญหลังหนุมาร , เหรียญรูปเหมือนหลังยันต์มงกุฎรุ่นแรก และเครื่องรางของขลังต่างอีกมากมาย ซึ่งท่านได้สร้างไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่.

พระขุนแผนปลุกกุมาร หลวงพ่อกวย

คำสอนหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร

“ ขอศิษย์ทั้งหลาย จงอย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าเขา ”

เพื่อเป็นคติเตือนใจให้แก่ประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธา และบรรดาลูกศิษย์ได้มุงมานะทำสัมมาอาชีพ ไม่กลัวต่ออุปสรรคใดๆ ที่นับถือหลวงพ่อ จงอย่าลืมมุ่งหน้าตั้งใจประพฤติอยู่ในศีลธรรม เพื่อทำมาค้าขายอะไร จะได้ขึ้น ได้ร่ำ ได้รวย สมใจปรารถนา…

พระขุนแผนปลุกกุมาร เนื้อผงดินอาถรรพ หลวงพ่อกวย

พระขุนแผนปลุกกุมาร

เหรียญดวงใบ้หวย

เหรียญดวงให้หวย หลวงตาช้วน วัดขวาง

หลวงตาช้วน แน่นอนจริงๆ หลานหลวงพ่อมุ้ย ศิษย์ก้นกุฏิ หลวงพ่อจง เพื่อน หลวงพ่อเกษม วัดม่วง ตัวโกงลิเกเก๋า เสือป้นรุ่นเสือยนต์ เสือขาว นอนบนในเมรุเผาศพ หลวงพ่อจง พาไปฝากเรียนกับ หลวงพ่ออี๋ หลวงพ่อจาด หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา

หลวงพ่อช้วน เป็นเกจิตัวจริง เป็นตัวเสือเก่า นักเลงเรียกพี่ ลิเกตัวโกงที่นางเอกลิเกเข้าคิวหา ศิษย์ก้นกุฏิ หลวงพ่อจง หลานหลวงพ่อมุ้ย วัดดอนไร่ เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ให้ช่วยอาจารย์ฝ้าย ถักตะกรุดให้ หลวงพ่อมุ้ย , หลวงพ่อมุ้ยสอนกำบังตัว เดินออกจากกุฏิหลวงพ่อมุ้ย ผ่านหน้าตำรวจ หายเข้าป่า , หลวงพ่อจงสอน และให้นอนในโลงศพ หลวงพ่อจงตาย เลยสึกมาเรียนเล่นลิเกเป็นตัวโกง คณะ “ทุเรียนเล็ก ดาวน้อยรุ่งเรือง” โดยได้อาจารย์ครูดีครอบวิชาให้ คือ ครูตุ่น ละมัย ห้าพี่น้อง ได้วิชาลิเก ทางเสน่หาเมตตา ต่อจากวิชามหาเสน่ห์ชั้นสูงที่ฉมังนัก

ตอนท่านอายุ 71 ปี ได้มุ่งสร้างวัดขวาง ที่เคยรกร้างมาก ท่านใช้เวลา 15 ปี สร้างวิหารกุฏิ ศาลาครบ สร้างโบสถ์ด้วยทุน 10 ล้าน ในเวลา 2 ปี วิชาที่แรงสุดยอด ใช้แล้วได้ผล เงินคนถูกหวย ถูกแล้วถูกอีกจำนวนมาก จนท่านเริ่มอาพาธ จึงรับแขกบ้างบางเวลาในขณะนั้น.

 

เหรียญดวงให้หวย

เหรียญดวงให้หวย(เหรียญเลขศาสตร์ทำหวย)

หวยนี้หลวงตาไม่ต้องให้ แต่มีคนถูกทุกงวด เพราะคนส่วนใหญ่เอาน้ำมันทำหวยไปใช้  หรือใช้เหรียญให้หวยรุ่นแรก ที่หายากจริงๆ อันละหลายพันบาท หาคนปล่อยไม่เจอ เขาเอาไปทำแล้วถูกกันหนัก ถูกกันบ่อย ถูกกันทุกงวด น้ำมันก็หมด เหรียญใบ้หวยก็หายาก , ในปีที่เป็นปีงูใหญ่ หลวงตาจึงพลิกตำรา สร้างเหรียญให้หวยรุ่นพิเศษ เป็นเหรียญ “เปิดดวง รับทรัพย์”  ลาภนี้ต้องคนมีดวง ถูกหวยต้องคนมีโชค ดวงเรายังไม่ดี เหรียญนี้จะช่วยเร่งให้ดีมีลาภได้ และยังใช้ทำหวยได้ตัวเลข คราวนี้ลาภมากเงินทองไหลเข้าเลย

เรื่องหวย หลวงตาช้วน ดังมาก ท่านมีตำราวิชาเก่า”เชิญเทวดามาให้เลข” ใช้วิธีอันเชิญเทวดา มาสงเคราะห์ เหรียญนี้เป็นเหรียญเชื่อมให้เทวดาสำแดงฤทธิ์เดชได้ , วิธีการทำง่ายๆถ้าได้เงินได้ทอง ได้โชคได้ลาภ ถูกหวยรวยเบอร์แล้วให้ทำบุญ ถวายบูชาเทวดา

อีกอย่างคือ ถ้าใช้เหรียญนี้บูชาที่ตัว บางครั้งเทวดา หรือท่านผู้เป็นผู้ใหญ่ จะมาชี้ช่องบอกทางทำมาหากิน บอกทิศที่จะไปแล้วร่ำรวย หรือบอกช่วงเวลาที่ต้องไปติดต่อการงานเข้าหาผู้ใหญ่ได้ ด้วยวิธีทางใดก็ทางหนึ่ง มีโชคมีลาภ ไหลมาเอง ตามแรงแห่งเทวดาที่มาช่วย

เหรียญดวงให้หวย(เหรียญเลขศาสตร์ทำหวย)

จำนวนจัดสร้างเหรียญให้หวย

เนื้อเงินแท้ สร้าง 71  เหรียญ , เนื้อนวะสร้าง 971 เหรียญ , เนื้อตะกั่ว ไม่ตัดขอบ(กรรมการ) สร้าง 1,971 เหรียญ และเนื้อทองแดง สร้าง 3,971 เหรียญ.

วิธีใช้เหรียญให้หวย

(เหรียญเลขศาสตร์ทำหวย)

1. (ทำก่อนหวยออก 1 วัน และเจ้าของเหรียญเป็นคนทำเท่านั้น) ให้ตรวจดูวันที่หวยออก ตรงกับวันขึ้น หรือข้างแรมกี่ค่ำ ให้หาธูปและดอกไม้เล็กๆ เช่น ดอกเข็ม ดอกมะลิ เท่าจำนวนวันข้างขึ้น หรือข้างแรมนั้นๆ เช่น วันที่ 16 มิถุนายน ตรงกับวันแรม 12 ค่ำ ให้หาธูป 12 ดอก-ดอกไม้ 12 ดอก หรือวันที่ 1 กรกฎาคม แรม 13 ค่ำ ให้หาธูป 13 ดอก-ดอกไม้ 13 ดอก เป็นต้น.

2. ให้เอา เหรียญให้หวยใส่แก้วน้ำ จุดธูปปักในแก้ว เอาดอกไม้โรยด้านบน กราบพระ กราบครูบาอาจารย์ และ ว่าคาถาขอลาภจากเทวดา วางแก้วไว้กลางแจ้ง อย่างนั้นหนึ่งคืน

– วันรุ่งขึ้นจะตรงกับวันที่หวยออกพอดี ตอนเช้าให้กราบพระก่อน 3ครั้ง กราบพ่อแม่ 1ครั้ง กราบเทวดา 1ครั้ง (รวมกราบ 5ครั้ง) เทแก้วออกมาที่มือเรา สังเกตุเหรียญใบ้หวยดังนี้ ตัวเลขใดชัดเจนแจ่มใสที่สุด ท่านให้ใช้ตัวนั้น

– ตัวเลขใดแปลกกว่าตัวอื่น ท่านให้ใช้ตัวนั้น

– ตัวเลขใดเห็นก่อนตัวอื่น ท่านให้ใช้ตัวนั้น

– ตัวเลขใดชอบเป็นพิเศษติดอกติดใจ ท่านให้ใช้ตัวนั้น

3. ตัวเลขใดเอาไปใช้เอง อย่าบอกใคร ให้ถือว่าเทวดามาช่วยสงเคราะห์เราคนเดียว , ได้ตัวเลขแล้วท่านให้เอาเหรียญขึ้นจบที่หน้าผาก แล้วอธิษฐานว่า “ขอเทวดาที่อยู่ใกล้มาสงเคราะห์โชคลาภ ณ กาลบัดนี้ ถ้ามาดแม้น ได้เงินทองมาละก็จะขอถวายขนมน้ำใส่บาตรพระ ถวายบุญนี้บูชาเทวดาท่านที่มาช่วยสงเคราะห์เรา”

เหรียญดวงให้หวย

เหรียญดวงใบ้หวย-เหรียญดวงให้หวย-เหรียญเลขศาสตร์

เหรียญนี้ ท่านช่วยให้ลาภที่ยังมาไม่ถึง ให้ถึงไว ช่วยเร่งให้เงินทองเข้มาหาเรา ด้วยอำนาจของเทวดาที่เราเคยเสวยเกื้อกูลกันมา หรือจะช่วยจะเร่งลาภผลเงินทองที่อยู่ไกลเข้ามาเร็วขึ้น(ถ้าไม่เคยทำมาเลย ขอให้ตายก็ไม่ได้)

อยากได้เงิน อยากได้ลาภมาก ให้ทำบุญบ่อยๆ ให้ทำเป็นกิจวัตร บาท สลึง ให้ทำ ช่วยใครได้ให้ช่วย ถ้าไม่มีเงินให้อนุโมทนากับใครก็ได้ที่ทำความดี ลาภผลจะมาหาเร็วไว และไม่หมดไปง่ายๆ ถูกแล้วก็ถูกอีกได้ รวยแล้วก็รวยอีก

หลวตาช้วน เคยบอกว่า “มึงเอาขี้บุหรี่ ถูๆเอาก็ได้ เดี๋ยวเลขมันก็ขึ้น มึงก็ได้ตังส์ ” (วิธีนี้ทำตอนใจสบายๆ ใจว่างๆ) จะเห็นชัดมาก

เหรียญดวงใบ้หวย

คาถาขอลาภเทวดา

ตั้งนะโม 3 จบก่อน

พุทธังประสิทธิลาโภ  ธัมมังประสิทธิลาโภ  สังฆังประสิทธิลาโภ พุทธานิมิตตัง  ปัตติมานะ  อะระหังพุทโธ  นะโมพุทธายะ  มะอะอุสีวัง  อะจุตตัง  พะอะระหัง  จุตติ  โลกะอิทัง  ยะธิระสังฆัง  จุตติ  จุตติ  สีวะลี จะ มะหาเถโร  เทวะตานะระปูชิโต  โสระโห  ปัจจะยาทิม  หิ  ปุญญะลาภัง  มะหาเตชัง  วัณณะกิตติ  มะหายะสัง  สัพพะหิตังชาตัง ตังสุณันตู  อะเสสะโต  อัตตัป  ปะระหิตัง  ชาตัง  ปะริตตันตัม  ภาณามะเห  เทวดาเจ้าข้าเอ่ย  อยู่หรือยัง  อยู่แล้วเจ้าเอ่ย  มาเถิดมาสำแดงฤทธิ์เดช เชิญมาอยู่ในเหรียญนี้  วันรุ่งพรุ่งนี้ จะออกเลขอะไร  พ่อเจ้าประคุณช่วย สำแดงให้ปรากฎ มาดแม้น  ถูกต้องตรง  ได้เงินได้ลาภแล้ว จะถวายทานให้พ่อ ได้อนุโมทนา  ประสาทะเจริญในพระบวรพุทธศาสนา ยิ่งๆขึ้นไป เทิดพ่อ

เหรียญเลขศาสตร์

นางกวักมหาลาภ

นางกวักมหาลาภ เนื้อสัมฤทธิ์รมดำ หลวงปู่รอด วัดโคกกรม ปี 2561

พระคาถาแม่นางกวักมหาลาภ

โอม ศรีวิชัยกังเวียน ปู่เจ้าเขาเขียว มีลูกคนเดียวให้ชื่อว่านางกวัก ชายเห็นชายรัก หญิงเห็นหญิงทัก ทุกถ้วนหน้า พวกพานิชชาพากูไปค้าถึงเมืองแมน กูจะไปค้าหัวแหวน ก็ได้วันละแสนทะนาน กูจะค้าสารพัดการ ก็ได้โดยคล่อง กูจะค้าทอง ทองก็ได้เต็มหาบ เพียงวันนี้เป็นร้อย สามหาบมาเรือน สามเดือนเป็นเศรษฐี สามปีเป็นพ่อค้าสำเภา พระฤาษีผู้เป็นเจ้าประสิทธิ์ให้แก่ลูกคนเดียว สะวาหะฯ

พุทคุณใช้สวดภาวนาในเวลาไปค้าขาย หรือจะให้ทำเป็นน้ำมนต์ พรมขายของก็ดี จะทำมาค้าขึ้นดีนักแลฯ

พระนางพญา

เบญจภาคี พระเครื่องคู่บารมีของคนไทย

นับตั้งแต่ ตรียัมปวาย ได้ขนานนามสุดยอดพระเครื่องแห่งสยามประเทศที่มีมาแต่โบราณกาล จนถึงปัจจุบัน โดยจัดเข้าชุดกันในชื่อ เบญจภาคี ซึ่งประกอบด้วย พระสมเด็จของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) , พระนางพญา วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก , พระรอด วัดมหาวัน จังหวัดลำพูน , พระกำแพงซุ้มกอ จังหวัดกำแพงเพชร  และพระผงสุพรรณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี พัฒนาการแห่งการศึกษาความรู้เกี่ยวกับพระเครื่อง เริ่มเป็นรูปแบบและมีมาตรฐานมากขึ้น มีการแยกแม่พิมพ์และแบ่งประเภท พระชุดเบญจภาคีอย่างเป็นระบบ สามารถพิสูจน์ และอรรถาธิบายได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ อันเป็นหลักแห่งเหตุและผล ส่งผลให้มีผู้ให้ความสนใจศึกษาค้นคว้า ในแวดวงที่กว้างขวาง เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ

นอกจากนี้ พระเครื่อง ยังผูกพันกับคติความเชื่อที่หยั่งรากลึกในมโนคติของสังคมไทยมาช้านาน ลักษณะการแห่งพิมพ์พระที่จำลองมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากเพียงแตกต่างทางด้านศิลปะสกุลช่างตามยุคสมัยที่ปรากฏ ทำให้ เบญจภาคี ทวีความสำคัญมากขึ้นในฐานะรูปแบบแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ประกอบไปด้วยพุทธานุภาพ อันเป็นพื้นฐานของความเชื่อทางศาสนา ซึ่งแสดงให้เห็นเอกลักษณ์สำคัญของสังคมไทยเรานั่นเอง….

ปล.

พระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย เป็นพิธีกรรมในศาสนาพราหมณ์ฮินดู เป็นการรับเสด็จพระอิศวรที่จะเสด็จมาเยี่ยมโลกมนุษย์ เป็นเวลา 10 วัน ปัจจุบันประกอบการพระราชพิธีในเทวสถานสำหรับพระนคร 2 หลัง ได้แก่ สถานพระอิศวร สถานพระมหาวิฆเนศวร โดยมีกำหนดพิธี เริ่มตั้งแต่คณะพราหมณ์ผู้ประกอบ วิกิพีเดีย

พระนางพญา

พระสมเด็จเกตศไชโย วัดไชโยวรวิหาร

พระสมเด็จเกตศไชโย วัดไชโยวรวิหาร จ.อ่างทอง

“พระสมเด็จเกตศไชโย” เป็นพระเนื้อผงที่ได้รับการยอมรับว่า สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) หนึ่งในสามพระสมเด็จสามวัด คือ วัดระฆังฯ วัดบางขุนพรหม และวัดไชโย ที่ได้รับการยอมรับเป็นพระมาตฐาน ได้รับความนิยมเช่าบูชาสูงที่สุดในเวลานี้

แหล่งกำเนิดของพระสมเด็จเกศไชโยนั้น พบพระด้านในองค์ “พระมหาพุทธพิมพ์” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สมเด็จพรพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี เป็นผู้สร้างในวัดไชโยมหาวรวิหาร เมืองอ่างทอง วัดนี้เป็นวัดที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ สร้างขึ้นบนที่ดินของตาของท่าน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้โยมมารดาและตา โดยนำชื่อของโยมมารดา “เกศ” มารวมกันเป็น “เกศไชโย”

ภายในวัดมีพระพุทธรูปประทับนั่งองค์ใหญ่ กล่าวกันว่า เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้สร้างไว้เป็นองค์ประธานของวัด และท่านได้สร้างพระเนื้อผงพิมพ์สมเด็จบรรจุกรุไว้ด้านในองค์พระประธาน เรียกกันว่า “พระสมเด็จเกศไชโย”

ในปีพ.ศ. 2430 มีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใหม่ การก่อสร้างทำให้พระพุทธรูปสั่นสะเทือนจนเสียหาย ต้องบูรณะขึ้นใหม่ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ให้สร้างขึ้นใหม่จนแล้วเสร็จในปี 2434 พร้อมถวายพระนาม “พระมหาพุทธพิมพ์” และเปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดไชโยวรวิหารเป็นพระอารามหลวง นับแต่นั้นมา…

ป.ล.(การค้นคว้าหาข้อมูลความเป็นอัจฉริยะของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี  ในยุคประวัติศาสตร์วิเคราะห์ ไม่ว่าผู้ค้นคว้าจะเก่งกาจรอบรู้สักเพียงใด สิ่งที่ขาดเสียมิได้ก็คือ หลักฐานพยานบุคคล อันเป็นวัตถุอุปจารของเรื่อง ยิ่งค้นคว้าวัตถุข้อมูลเป็นเครื่องยืนยันได้มากเท่าไหร่ ความถูกต้องถ่องแท้ก็มีมากเท่านั้น ถ้าสิ่งต่างๆดังกล่าวไม่มี หรือมีแต่คลุมเคลือไม่ชัดเจน เรื่องที่เขียนก็อาจกลายเป็นประวัติศาสตร์อุปโลกน์ คอยสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้อื่นอีกชั่วฟ้าดินสลาย…)

พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จวัดระฆัง รุ่นแรกแจกทาน ปี 2554

พระสมเด็จวัดระฆัง หลังรูปเหมือนสมเด็จโต รุ่นแรกแจกทาน ปี 2554 เป็ยพระพิมพ์สวยมวลสารดี พิธีเข้มขลัง พระธรรมธีรราชมหามุนี เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตารามฯ”เจ้าคุณเที่ยง” ประธานจัดสร้าง อธิษฐานจิตภายในกุฏิ 9 วัน 9 คืน ขอบารมีสมเด็จโตในวิหาร พระสมเด็จที่ประดิษฐานรูปเหมือนสมเด็จพุฒจารย์โต หม่อมเจ้าพระพุทธูปบาทปิลันทน์ และ สมเด็จพระโฆษาจารย์(ม.ร.ว.เจริญ) โดยพระสงฆ์ของวัดระฆังฯ อาทิ พระครูสิริธรรมวิภูษิต(พ่อท่านเจิด)วัดระฆังโฆสิตารามฯ พระครูวิมลธรรมธาดา(หลวงพ่อสวง)วัดระฆังโฆษิตาราม ท่านเจ้าคุณ พนะบวรรังษี วัดระฆังโฆษิตาราม พระครูปลัดธีรวัฒน์ วัดระฆังโฆษิตารามฯ อธิษฐานขอบารมี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒจารย์โตเป็นที่สุด.

พระสมเด็จวัดระฆัง

พระผงสมเด็จโต ที่ใช้แบบจากพระสมเด็จวัดระฆังที่มีค่ามหาศาล สร้างด้วยมวลสารเก่าที่ประกอบด้วยผงวิเศษทั้ง 5 คือ ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห ผงพุทธคุณ และผงมหาราช ผสมน้ำมนต์บ่อสมเด็จโต ด้านหลังเป็นรูปเหมือนองค์สมเด็จพุฒจารย์(โต) และคำว่า”แจกทาน” บารมีสมเด็จโตสร้างพระสมเด็จ เป็นพระเครื่องอันดับหนึ่งมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มากมาย , สมเด็จแจกทานนี้ ขอบารมีสมเด็จโตช่วยดลบันดาลมาเสกให้ ทำพิธีเสกภายในวัดระฆังฯ โดยตั้งสัจจะอธิษฐานว่า “ขอให้สมเด็จแจกทานรุ่นนี้มีพุทธคุณเทียบเท่าพระสมเด็จโตสร้างเองกับมือด้วยเทิญ” สมเด็จรุ่นแจกทานนี้มีตรายางลายเซ็นสมเด็จโต หรือตราระฆังเป็นโค้ดทุกองค์.

จตุคามรามเทพ รุ่น โคตรเศรษฐี ปี 2549-มหาพิธีพุทธาภิเษก

จตุคามรามเทพ รุ่น โคตรเศรษฐี ปี 2549

มหาพิธีพุทธาภิเษก- มหาเทวาภิเษก – มหานพเคราะห์ โดย พระใบฎีกาปราณพ(หลวงหนุ่ย) วัดคอหงษ์ เป็นเจ้าพิธี มีพระภาวนาอาจารย์นั่งปรก 19 รูป พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์ 108 รูป ณ ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชครั้งแรก วันที่ 29 กันยายน เวลา 09.00 – 16.00 น.หน้าศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช และ วันที่ 26 ตุลาคม 2549 วัดพระมหาธาตุวรวิหาร จ. นครศรีธรรมราช

จตุคามรามเทพ รุ่น โคตรเศรษฐี ปี 2549-มหาพิธีพุทธาภิเษก

วัตถุประสงค์การสร้าง เพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถ วัดโพธิ์แก้วประสิทธิ์ ต.สินปูน อ.เขาพนม จ.กระบี่

องค์พ่อจตุคามรามเทพ คือ พระโพธิสัตว์ราชัน เป็นผู้ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตา กรุณาผู้ตกทุกข์ได้ยาก ผู้บำเพ็ญเพียรเป็นพระโพธิสัตว์ ทรงเสด็จประทับนั่งท่ามกลางมหาราชลีลาอันงามสง่า ซึ่งเป็นท่านั่งของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ในลักษณะประทับท่านั่งชันเข่า มือขวายกขึ้นประทานพร มือซ้ายทรงวางที่พระเพลาอย่างองอาจยิ่ง สมกับเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่  แห่งอาณาจักรศรีวิชัย ประทับบนเมฆ อันเป็นสัญญาลักษณ์แห่งท้องฟ้า , เมฆบนท้องฟ้านั้นมีความหมาย คือ ทรงอยู่ในวรรณกษัตริย์เหนือสิ่งทั้งปวง ผู้หยั่งรู้ฟ้า-ดิน พระองค์ทรงเครื่องแต่งกายอย่างพระมหากษัตริย์แบบโบราณครบถ้วน ซึ่งเป็นเอกอุแห่งงานศิลปะกรรมโดยแท้

จตุคามรามเทพ รุ่น โคตรเศรษฐี ปี 2549-มหาพิธีพุทธาภิเษก

องค์พ่อจตุคามรามเทพ จะปกป้องคุ้มครองรักษาผู้ที่เคารพนับถือ สยบเคราะห์ร้าย ช่วยหนุนดวงชะตาจากร้ายให้กลายเป็นดี , พระรัศมีองค์พ่อจตุคามรามเทพ ทรงประทับนั่งอย่างสง่า และทรงเปี่ยมด้วยเมตตาแก่ลูกๆทุกคน แสดงให้เห็นถึงว่า องค์พ่อมีอานุภาพดุจดังพระอาทิตย์ ที่ส่องแสงสว่างให้กับสิ่งมีชีวิตในโลกได้ดำเนินไปตามปกติสุข , พระจันทร์นั้นขจัดความมืดยามราตรี พระเกียรติคุณยิ่งใหญ่ได้แผ่ขจรกระจายไปทั่วทุกทิศ และนับวันก็ยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ , พญางู พญานาค เป็นสัญลักษณ์ของความผูกพัน ความรัก ความปลอดภัย ดูน่าเกรงขาม มีตะบะ และอำนาจพญางู , ด้านหลังองค์พ่อจตุคามรามเทพ ถือเป็นบริวาลที่เฝ้าองค์พ่อจตุคาม และช่วยป้องกันคุ้มครองภยันตรายต่างๆ แก่ผู้ที่บูชา

การออกแบบแม่พิมพ์อย่างปราณีต ให้เกิดความสง่าน่าเกรงขาม อยู่ภายใต้รูปวงกลม จะเห็นว่าเป็นงูที่มีชีวิตเคลื่อนไหวได้เหมือนมีชีวิตจริงๆ ทุกรายละเอียดขององค์จตุคาม รุ่น โคตรเศณษฐีทุกพิมพ์ช่างได้ทำอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตำนาน และความโดดเด่นทางด้านศิลปะโดยแท้ องค์พ่อจตุคามรามเทพ พระโพธิสัตว์ศรีวิชัย พระโพธิสัตว์แห่งอาณาจักรทะเลใต้ พ่อผู้เมตตาต่อลูกทุกผู้ทุกนาม โดยเสมอกันทั่วหน้า.

มหาพิธีพุทธาภิเษก

พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล องค์พ่อจตุคามรามเทพ ณ มณฑลพิธีวิหารหลวง วัดพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช วันที่ 26 ตุลาคม 2549 พิธีบวงสรวงเทวาผูปกปักรักษาพระบรมธาตุ โดย พระใบฎีกาปราณพ(หลวงหนุ่ย) วัดคอหงษ์ เวลา 09.09 น. จุดเทียนชัยเวลา 16.09 น. และเริ่มพิธีพุทธาภิเษก โดย พระเกจิคณาจารย์สายเขาอ้อทั้งหมด 9 รูป คือ พระครูพิพิธวรกิจ(คล้อย) วัดภูเขาทอง , พระครูสังฆรักษ์เอียด ครุธมฺโม วัดโคกแย้ม , พระครูขันตยากรณ์(พรหม) วัดบ้านสวน , พระครูวิจิตรธรรมภาณ(สลับ) วัดป่าตอ , พระครูวิโรจน์ศาสนกิจ(ช่วง) วัดควนปันตาราม , พระครูสุธรรมวัฒน์(เหวียน) วัดพิกุลทอง , พระครูโสภณกิตติยาทร(รรรศิริ) วัดบ้านสวน , พระครูอดุลศีลวัตร(ผ่อง) วัดตะแพน , พระครูถิรธรรมานันท์(เงิน) วัดโพรงงู.

พระมหานาคได้แก่ พระครูวิจารวรคุณ(ประดับ) วัดป่าตอ , พระครูวิจิตรกิจจาภรณ์(เสถียร) วัดโคกโคน , พระมหาสุวรรณ วัดคูหาสวรรค์ และพระมหาศักดิ์ศรี สิริธมฺโม วัดคูหาสวรรค์.

ปาฏิหาริย์ ยันต์เกราะเพชร

ปาฏิหาริย์ ยันต์เกราะเพชร

ยันต์เกราะเพชร เดิมทีนั้น ต้นตำรับคือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ. พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นองค์บูรพาจารย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ในงานเป่ายันต์ของท่านแต่ละครั้ง ผู้คนจะหลั่งไหลมากันจนมืดฟ้ามัวดิน แทบจะไม่มีที่ให้ยืนหรือเดิน

ด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ที่มีมากมายมหาศาล อันเป็นยันต์จากตำราพระร่วง โดยการตัดส่วนหนึ่งมาจากธงมหาพิชัยสงครามนี้ เมื่อครั้งหลวงพ่อปานมรณภาพ ยันต์บทนี้จึงตกไปยังศิษย์ นั่นก็คือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ยันต์เกราะเพชร มีผู้คนประจักษ์แจ้งถึงพุทธคุณ และผู้มากประสบการณ์เล่าขานต่อมา จึงกล่าวได้ว่า มีพลังพุทธานุภาพเกินจะกล่าว

เมื่อครั้ง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จำวัดอยู่ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้เกิดอาการเหมือนกับว่า องค์สมเด็จฯ ได้กล่าวกับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำในฝันว่า ให้ท่องบทคาถาเพิ่มขึ้น และให้ช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก ให้พ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อน และให้เผยแพร่บทคาถานี้เป็นอมตะ มีความศักดิ์สิทธิ์ และเกิดพลังนิมิตดี จึงทำให้ผู้ท่องคาถาบทนี้ ประสบแต่โชคดีมามากต่อมาก

ปาฏิหาริย์ ยันต์เกราะเพชร

ปาฏิหาริย์ ยันต์เกราะเพชร

ลูกอมมหาเสน่ห์

ลูกอมมหาเสน่ห์ เนื้อเทา หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ จ.สุพรรณบุรี

ลูกอมมหาเสน่ห์ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ จ.สุพรรณบุรี สร้างประมาณปี พ.ศ.2526 – 2536 ยุคแรก สภาพสวยสมบูรณ์ น่าสะสมบูชามาก , ลูกอมหลวงพ่อสงวน พุทธคุณด้านเมตตามหาเน่ห์ เมตตามหานิยม ไม่เป็นสองรองใคร ของขลังแห่งเกจิสุพรรณ

ลูกอมหลวงพ่อสงวน มีการสร้างหลายเนื้อ หลายยุค พุทธคุณด้านเมตตา เป็นที่ประจักษ์ เคยสร้างประสบการณ์มากมายมาแล้ว แก่ผู้ที่มีไว้บูชา โดยมวลสารหลักของลูกอมทำมาจากผงอิทธิเจ ผสมว่านสะเก็ดดาว ถ้าเป็นยุคต้นจะสังเกตุเห็นมีแร่สะเก็ดดาวด้วย และมวลสารอื่นๆอีก เช่น ว่านดอกทอง เป็นต้น…

ลูกอมมหาเสน่ห์

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ สุพรรณบุรี

หลวงพ่อสงวน ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำผงวิเศษ หรือ ผงอิทธิเจ(ผงลบ)ได้เข้มขลังมาก ถือได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร , แม้แต่หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี เคยได้กล่าวถึง หลวงพ่อสงวนว่า ” หลวงพ่อสงวน ท่านทำผงเก่ง คราใดที่หลวงพ่อแพ ท่านจะสร้างพระ ก็จะขอให้หลวงพ่อสงวนทำผงลบให้ เพื่อนำมาผสมเป็นมวลสารการสร้างพระของท่านแทบทุกครั้งไป ” และ หลวงพ่อแพ ยังได้เอ่ยปากชื่นชม หลวงพ่อสงวน ให้กับลูกศิษย์ฟังเลยว่า ” เรื่องมหาเสน่ห์ต้องยกให้อาจารย์หงวนเค้าโน่น ”  … แม้กระทั่ง ปู่เสือมเหศวร จอมโจรคนจริงในสมัยนั้น ยังยอมลงให้ท่านเลย…นี่จึงถือเป็นเรื่องราวยืนยันถึง ความแก่กล้าในวิชาอคมของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เกจิแห่งสุพรรณฯ นั่นเอง.

ลูกอมมหาเสน่ห์ เนื้อเทา

อภินิหาริย์วัตถุมงคล หลวงพ่อสงวน

หลวงพ่อสงวนตั้งแต่ท่านเป็นพระเกจิมาหลายพรรษา เคยปลุกเสกสร้างวัตถุมงคล ในยุคแรกๆ แทบจะไม่เป็นที่รู้จัก หรือได้รับความสนใจของคนนอกพื้นที่ หรือแม้แต่นักสะสมพระเครื่องเลย มีคนจำนวนน้อยที่จะรู้จักท่าน จนต่อมาได้มีคนที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน มีงานเข้าทุกราย คือ เกิดสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจด้านเมตตามหาเน่ห์กับเจ้าตัวบ่อยครั้งมาก… จึงเป็นที่กล่าวขานกันมาเรื่อยมา จวบจนทุกวันนี้ว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อสงวนนั้นเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มาก จึงเป็นที่เลื่องลือถึงปัจจุบันนี้ ว่า หลวงพ่อสงวน ท่านเชี่ยวชาญในการเสกผงลบได้ขลัง จนมีชื่อเสียงโด่งดัง แม้แต่การเสกน้ำมนต์ ท่านยังใช้ผงลบ ใส่ลงในโอ่ง , เสกเหรียญ ท่านก็แช่เหรียญลงไปในอ่างน้ำมนต์  หลวงพ่อท่านเก่ง เพราะเจนจบวิชาการทำผงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ผงตรีนิสิงเห ผงอทธิเจ ผงมหาราชฯ…ท่านทำได้หมด และทำได้เข้มขลังมากๆด้วย โดยเฉพาะผงที่ให้พุทธคุณทางเมตตามหาเน่ห์ เมตตามหานิยม นั้นถือว่าเป็นที่ขึ้นชื่อของท่านเลยทีเดียว

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เกจิแห่งสุพรรฯ ท่านเป็นลูกศิษย์สืบทอดวิชาจาก หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ จ.สุพรรณบุรี , ท่านสำเร็จและเจนจบิวชาอาคมการทำผงต่างๆ ผงเขียนลบของท่านมีประสบการณ์ เกิดอภินิหาริย์ เป็นที่ทราบกันดีมาแล้ว

คาถาบูชา

  ตั้งนะโม 3 จบ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ ( แล้วอธิฐานขอตามปรารถนา…)

ลูกอมมหาเสน่ห์ เนื้อเทา หลวงพ่อสงวน

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ จ.สุพรรณบุรี

 

พระผงใบลาน พิมพ์พระประธาน หลวงปู่โต๊ะ

พระเนื้อผงใบลาน พิมพ์พระประธาน ปี 2521 หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

พระเนื้อผงใบลาน พิมพ์พระประธาน ปี 2521 หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี จ.กรุงเทพฯ เนื้อใบลานนี้ จัดสร้างน้อย หายากมาก

พระเครื่อง หลวงปู่โต๊ะ พิมพ์ประธานพร เป็นพระเนื้อผงที่จำลององค์ประธานในพระอุโบสถ ลงกรอบในพิมพ์รูปใบโพธิ์ ด้านหลังเป็นยันต์ตรีนิสิงเห สร้างด้วยเนื้อผงใบลาน บรรจุตะกรุดใต้ฐานองค์พระ

พระประธาน เนื้อใบลาน หลวงปู่โต๊ะ

พุทธคุณ : เมตตามหานิยม ช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

หลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่อุทิศตนบำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัดสม่ำเสมอ มีวัตรปฎิบัติที่งดงามมาตลอด ชีวิตที่อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ เรื่องพุทธคุณให้โชคลาภนั้นทวีคูณ กับผู้ประพฤติตนดี ตามคำสอนของหลวงปู่โต๊ะ ท่านจะพบแต่โชคลาภ ประสบผลสำเร็จในทุกเรื่อง ถ้าเราเป็นคนดี กตัญญูกับบิดา-มารดา จะได้รับความรักความเมตตาจากผู้คนรอบข้างมากมาย และแคล้วคลาด ปลอดภัย อย่างน่าอัศจรรย์.

หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และนายหลวง ร.9

หลวงปู่โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2430 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

และหลวงปู่ ท่านมรณภาพลงในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2524 เวลา 9:55 น. ด้วยอาการสงบ รวมสิริอายุ 93 ปี 73 พรรษา

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดให้เชิญพระศพไปตั้งที่ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตร พระราชทานเกียรติยศศพเป็นพิเศษ เสนอพระราชาคณะชั้นธรรม

พระราชทานโกศโถบรรจุศพ พร้อมฉัตรเบญจาเครื่องประกอบเกียรติยศครบทุกประการ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์แก่การศพโดยตลอด เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน 50 วัน 100 วัน และตามโอกาสอันควรหลายวาระ พระราชทานเพลิงพระศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส.

สีวลี เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

พระสีวลี

พระสีวลีเถระ หรือ พระสีวลี เป็นพระภิกษุสาวกเอตทัตคะ ของพระพุทธเจ้านับเนื่องในพระอสีติมหาสาวก 80 องค์สำคัญในพระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล

พระสีวลีเถระ เป็นเจ้าชายในโกลิยวงศ์ ออกบวชในสำนักพระสารีบุตร บรรลุพระอรหันต์ในขณะที่ปลงเกศานั่นเอง และหลังจากผนวช ท่านเป็นผู้มีลาภสักการะ มากด้วยกุศลกรรมที่ทำมาแต่อดีต ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้รับยกย่อง จากพระพุทธองค์ให้เป็นเอตทัคคะผู้เลีศในทาง ผู้มีลาภมาก

สีวลี เนื้อผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม

กำเนิดพระสีวลี

พระสีวลี เป็นพระโอรสของพระนางสุปปวาสา ผู้เป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงโลกิยะ อยู่ในพระครรภ์ถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เมื่อทรงพระครรภ์ทำให้พระมารดาสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะมาก เมื่อประสูติก็ประสูติง่ายดาย พุทธนุภาพที่ทรงพระราชทานพรว่า “ขอพระนางสุปปวาสา จงมีความสุข ปราศจากโรคพยาธิ ประสูติพระราชบุตรผูไม่มีโรคเถิด”

เมื่อประสูติและพระยูรญาติขนานถวายพระนาว่า สีวลีกุมาร ในวันที่นิมนต์พระพุทธเจ้ามาเสวยภัตตาหารตลอด 7 วัน สีวลีกุมาร ก็ได้ถือธมกรกรองน้ำถวายพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ตลอด 7 วัน

เมื่อเจริญวัย ท่านได้ออกผนวชในสำนักพระสารีบุตร ได้บรรลุอรหันต์ผลในเวลาปลงเกศาเสร็จ จากนั้นมาท่านสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะไม่ขาด ด้วยปัจจัย 4 ทั้งปวง ด้วยเหตุนี้จึงได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ให้เป็น เอตทัคคะผู้เลีศในทาง ผู้มีลาภมาก

สีวลี เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

ในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาไม่ระบุว่า ท่านดับขันธปรินิพพานที่ใด แต่ท่านคงดำรงขันธ์อยู่พอสมควรแก่กาล จึงปรินิพพาน

สีวลี เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

พระสีวลีในความเชื่อของคนไทย

เนื่องจากพระสีวลีเถระ เป็นพระอรหันต์ที่ได้รับการยกย่อง ให้เป็นเอตทัคคะผู้เลีศในทาง ผู้มีลาภมาก คนไทชเชื่อว่าผู้ใดได้บูชาพระสีวลีเถระแล้ว จะได้รับโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา ซึ่งคนไทยยังเชื่ออีกว่า เคยมีคนผู้หนึ่งได้รับมาแล้วในสมัยพุทธกาลก็คือ มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเกิดในตระกูลพ่อค้า มีนามว่า สุภาวดี นางได้เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธศาสนา และเคารพนับถือพระสีวลีเถระเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อแม่นางได้ฟังธรรมจนลึกซึ้ง พระสีวลีก็ได้ให้ศีลให้พรว่า “จงเจริญด้วยทรัพย์สิน เงินทองจากการค้าขาย เงินทองไหลมาเทมา สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยเถิด”

หลังจากที่ นางสุภาวดี ได้รับพรจากพระสีวลีเถระแล้ว ไม่ว่านางและผู้เป็นบิดามารดา จะไปค้าขายที่ใด ก็จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีแต่กำไรหลั่งไหลเข้ามาทุกครั้งไป ซึ่งนางสุภาวดีนั้น ได้เป็นที่รู้จักของคนไทยเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือ “นางกวัก” นั้นเอง.

สีวลี ครูบากฤษณะ

สีวลี หลวงพ่อกวย

แม่นางกวัก หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน

ล๊อกเก็ตขุนแผนย่างกุมารทอง

ตำนานพระขุนแผน  

พระขุนแผน หรือเครื่องรางของขลังประเภทขุนแผนนั้น เป็นที่รู้จักของหลายๆคน และ คนที่ไม่รู้จัก แต่อาจเคยได้ยินมาว่า พระขุนแผนนั้น เป็นเครื่องรางของขลังที่ให้อิทธิคุณอำนาจทางด้าน เมตตา มหานิยม มหาโภคทรัพย์ คนชื่นชม ชมชอบเป็นที่รักไคร่ของคนรอบข้าง เป็นที่ต้องตาต้องใจกับเพศตรงข้าม เจ้านายผู้ใหญ่ให้ความรักเอ็นดู , พระขุนแผนเป็นพระเครื่องที่ตำนานมาช้านาน แม้ในตำราพระเวทย์ของพระเกจิอาจารย์ก็ได้มีบันทึกไว้ถึงคาถา และวิชาต่างๆเกี่ยวกับการปลุกเสกพระขุนแผน.

ขุนแผนผงพรายกุมาร

ขุนช้าง-ขุนแผน

ขุนแผนเป็นใคร มีอยู่จริงหรือไม่ หากจะกล่าวถึงเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ที่เป็นตำนานเล่าขานของจังหวัดสุพรรณบุรี มีบันทึกไว้ถึงเรื่องราวของนักรบ นักรัก ว่าขุนแผนเป็นทะหารในยุคกรุงศรีอยุธยา ที่มีพระเวทย์อาคมแก่กล้า มีภรรยาหลายคน แต่เรื่องราวในเสภาขุนช้างขุนแผนนั้น ครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ในด้านญาณบารมี ได้เล่าความจริงเกี่ยวกับขุนแผนไว้ดังนี้ :

เรื่องราวของขุนช้างขุนแผนนั้น เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของบรรพบุรุษไทย สมัยอยุธยาช่วงราวๆปี พ.ศ. 1967 ถึง 1991 ในรัชสมัยของพระเจ้าพันวัสสา หรือที่เรียกกันว่า พระเจ้าสามพระยา ความจริงแล้วคำว่า ขุนช้างและขุนแผนนั้น ไม่มีในทำเนียบของราชการ เป็นคำเรียกที่ชาวบ้านเขาตั้งให้เท่านั้น ที่เรียกว่า ขุนช้าง ก็เพราะคนตระกูลนี้เป็นมหาเศรษฐี เป็นคนหาช้างให้แก่พระราชา ตั้งแต่สมัยคุณปู่เป็นคนฝึกช้าง คุมช้าง หรือเรียกได้ว่าเป็นหัวหน้ากองช้าง จึงเรียกว่า “ขุนช้าง” จริงๆแล้วขุนช้างมีชื่อว่า “ศรี” แปลว่า “มิ่งขวัญ” เป็นคนมาดดี สง่าผ่าเผย แววตาผ่องใส หน้ารูปไข่นิดๆ แต่เป็นหน้าของผู้ชาย (ไม่ใช่รูปไข่แบบผู้หญิง) ผิวค่อนข้างขาว ลักษณะท่าทางองอาจ หัวก็ไม่ได้ล้านเลี่ยน ดังที่มีคนเขียนไว้ เพียงแต่ หัวเถิกง่ามถ่อ ธรรมดาๆเท่านั้น , ขุนช้างอายุแก่กว่าขุนแผน 1 ปี และสำหรับขุนแผนก็เหมือนกัน จริงๆแล้วขุนแผนมีชื่อว่า “พลายแก้ว” พลายแก้วคือช้าง พลายแก้ว เป็นช้างที่มีกำลังใหญ่ ช้างตัวประเสริฐของพระเจ้าจักรพรรดิ ที่เขาให้ชื่อว่าพลายแก้ว ก็เพราะเกิดมาฤกษ์ดี โหรพยากรณ์ว่า เด็กคนนี้จะมีอำนาจมาก สามารถจะปราบปรามข้าศึกได้ทุกทิศ โดยใช้กำลังคนเข้าประชิดกับข้าศึกด้วยกำลังไม่มาก , ขุนแผนเป็นคนหน้าตาดี ท่าทางดี ทะมัดทะแมง ผิวขาว ขาวกว่าขุนช้างอีก อย่างที่ชาวบ้านเขาเรียกว่า เป็นคนขาว และที่ได้ฉายา ขุนแผน เพราะเป็นคนออกแบบออกแผนจู้จี้จุุกจิก เห็นอะไรไม่ดี ก็จัดสรรกราบบังคมทูลพระเจ้าพันวัสสา พระองค์ก็เห็นด้วยทุกประการ อาศัยที่เป็นคนวางแผน ชอบเปลี่ยนแปลงชอบจัดระบบ ให้สมดุลอยู่เสมอ ชาวบ้านจึงเรียกว่า ขุนแผน , ทั้งขุนช้างและขุนแผน สองคนเป็นเพื่อนที่รักกันมาก.

ขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียวเกี้ยวสาว หลวงพ่อทาบล๊อกเก็ตขุนแผนย่างกุมารทอง พิมพ์ใหญ่

ขุนแผนอดีตแม่ทับผู้มากด้วยอำนาจบารมี

ขุนแผนเป็นลูกของขุนไกรซึ่งเป็นแม่ทับ และขุนแผนเองก็เป็นแม่ทับเช่นกัน เป็นคนอยู่ในระเบียบวินัย ที่รวบรวมกำลังของคนไทย เพื่อต่อสู้กับข้าศึกศัตรู ที่นิยายเล่าว่าขุนช้างโกงเอาเมียขุนแผน และขุนแผนก็ไปขโมยเมียตัวเองมาจากขุนช้างนั้น เรื่องนี้มิได้เป็นความจริงดังนั้นเลย เพราะทั้งสองท่านเป็นคนดี และเวลานั้นเป็นสมัยประชาธปไตย เป็นคนดีคนอยู่ในระเบียบ ประเพณี พระธรรมวินัย และพระราชาก็มีอำนาจสั่งตัดหัวได้เลย ถ้าหากใครทำชั่วอะไร.

ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง

พ่อขุนแผน หรือ พระยากาญจน์บุรี ท่านเป็นยอดขุนศึกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านพระเวทย์ มีคาถาอาคมแก่กล้า มีฝีมือทางด้านการสู้รบ และยังเป็นผู้ที่มีเสน่ห์ เป็นที่เคารพรักของผู้คน จนเป็นตำนานในการสร้างพระขุนแผนขึ้นบูชาคุณของท่าน พระขุนแผนจึงเป็นตำนานของพระเครื่อง และเครื่องรางของขลังของไทยมานานพอสมควร

พระขุนแผนมักสร้างขึ้นเพื่อหวังผลให้เป็นไปในทาง เมตตา มหานิยม มหาโภคทรัพย์  และเป็นเครื่องรางของขลัง ที่ได้รับความนิยมมาก อย่างมิเสื่อมคลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน.

ขุนแผนผงพรายกุมาร องค์จ้อย(พิมพ์จิ๋ว)

ประวัติการสร้างพระขุนแผน

การสร้างพระขุนแผนของไทย ที่เป็นพระเครื่อง หรือเครื่องรางของขลังที่เด่นชัดได้แก่ พระขุนแผนเก่า ขุดพบที่วัดบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีพิมพ์ทรงลักษณะเด่นคือ เป็นพระพิมพ์ห้าเหลี่ยม องค์พระมีลักษณะของพระปรางมารวิชัย ประทับนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว มีด้วยกันหลายแบบหลายพิมพ์ บางพิมพ์เป็นพระคู่ติดกัน มีชื่อเรียกกันว่า พรายคู่ ส่วนที่เป็นองค์เดียว เรียกว่าพรายเดี่ยว ซึ่งภายหลังการตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นพระเครื่องที่สร้างสมัยอยุธยา.

ขุนแผนผงพรายกุมาร ตะกรุด9ดอก เม็ดชนวน ลงบรอนด์ทอง หลวงปู่ทิม

ในเวลาต่อๆมา ได้นำพระพิมพ์ลักษณะนี้มาสร้างเป็นพระเครื่อง นิยมเรียกว่า “พระขุนแผน” โดยพระเกจิอาจารย์ วัดต่างๆ และสำนักต่างๆ  ก็มีการสร้างพระขุนแผนนี้ขึ้น เช่น พระขุนแผนที่ได้รับความนิยมมากได้แก่ :

พระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา

ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ. ระยอง

พระขุนแผนแขนอ่อน รุ่นแรก หลวงปู่ชื้น วัดญาณแสน

พระขุนแผนดิน 7 ป่าช้า รุ่นแรก หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ. นครปฐม

พระขุนแผน หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์…เป็นต้น

และอีกมากมายหลายเกจิอาจารย์ หลายรุ่น หลายวัด หลายสำนัก ที่นิยมสร้างพระขุนแผน สืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

นอกจาก พระขุนแผน ที่สร้างเป็นรูปพระแล้ว ยังมีการสร้างขุนแผน ขุนช้าง ในแบบรูปเหมือน คือเป็นรูปจำลองพ่อขุนแผนขุนช้างอีกด้วย.

 

ขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อกระยาสารท หลวงปู่ทิม

การบูชาพระขุนแผน

พระขุนแผนสามารถบูชา พกพาได้ทุกเพศทุกวัย , พระขุนแผน ที่สร้างมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้รับความนิยม จากผู้ที่ชื่นชอบเครื่องรางของขลัง ประเภทมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม มหาโภคทรัพย์อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย.

พระขุนแผน เนื้อชินเงิน เก่าสวย

ขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อว่านพรายดำ หลวงปู่ทิม

พุทธคุณพระขุนแผน

อิทธิคุณอำนาจของ พระขุนแผน  พระเครื่องพิมพ์นี้เป็นที่กล่าวขานกันว่า เป็นพระเครื่องให้พุทธคุณอำนาจทางด้าน เมตตามหานิยม คือแขวนหรือบูชาแล้ว เป็นที่รักชอบของคนที่ได้พบเห็น เป็นเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม แม้แต่ทางด้านมหาโภคทรัพย์โชคลาภก็มีให้เห็นกันมากมาย  , พระขุนแผนแต่ละรุ่นแต่ละแบบจะให้อิทธิคุณอำนาจทางด้านใด ย่อมอยู่กับมวลสาร และการปลุกเสกของเกจิอาจารย์ผู้สร้างเป็นสำคัญ  หากท่านลงคาถาปลุกเสกให้เป็นไปทางใดแล้ว  ก็จะมีอิทธิคุณอำนาจอย่างนั้น.

พระขุนแผนที่ได้รับการปลุกเสกจากเกจิอาจารย์ หรือผ่านพิธีกรรมมาแล้ว ย่อมมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ แต่การที่ที่มีประสบการณ์ของบางท่าน ที่อาจเห็นเป็นอย่างนั้น คงเป็นเพราะการปฏิบัติตน หรืออุปนิสัยส่วนตัวของคนๆนั้นเอง อาธิ เมื่อบูชาพระขุนแผนแล้วก็มีเพื่อนฝูงมาก อาจมีการจัดเลี้ยงสังสรรค์มาก ก็จะมีกิจการงาน การเงินตามมา ทำให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าสืบไป…
ล๊อกเก็ตขุนช้าง มหาเศรษฐี ปี 56
ล๊อกเก็ตขุนช้างอุ้มนาง แช่น้ำมันพรายพระผงรูปเหมือนขุนช้าง รุ่นแรก

พรายคู่ ขุนช้างขุนแผน หลวงปู่ญาครูน้อย วัดโพธิ์ชัย อุดรธานี