เขี้ยวหมูตัน หลวงพ่อไสว

การสร้างเขี้ยวหมูตัน-พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์

หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดปรีดาราม (วัดบัว) อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณด้านเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี และเป็นที่รู้จักในนาม “เทพเจ้าแห่งโชคลาภ” ของชาวนครปฐมและชาวไทยทั่วประเทศ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “เขี้ยวหมูตัน” ซึ่งนับเป็นวัตถุมงคลที่ทรงอานุภาพและเป็นที่ต้องการอย่างสูงของเหล่าศิษยานุศิษย์หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดปรีดาราม (วัดบัว) อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณด้านเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี และเป็นที่รู้จักในนาม “เทพเจ้าแห่งโชคลาภ” ของชาวนครปฐมและชาวไทยทั่วประเทศ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “เขี้ยวหมูตัน” ซึ่งนับเป็นวัตถุมงคลที่ทรงอานุภาพและเป็นที่ต้องการอย่างสูงของเหล่าศิษยานุศิษย์ และเหล่าสาธุชนทั่วไป

เขี้ยวหมูตัน หลวงพ่อไสว

การสร้างเขี้ยวหมูตันของหลวงพ่อไสวเป็นพิธีกรรมที่ซับซ้อนและเปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ทุกขั้นตอนล้วนถูกกำหนดไว้ด้วยความระมัดระวังและศรัทธาอย่างสูงสุด เริ่มต้นจากการเลือกสรรวัตถุดิบไปจนถึงการปลุกเสกที่ใช้เวลานานนับปี โดยมีรายละเอียดดังนี้

 เขี้ยวหมูอันเป็นเอกลักษณ์

การสร้างเขี้ยวหมูตันคือ เขี้ยวหมูตัน ซึ่งไม่ใช่เขี้ยวหมูธรรมดา แต่เป็นเขี้ยวที่หาได้ยากยิ่ง โดยมีลักษณะพิเศษคือ เขี้ยวที่ไม่มีรูพรุนหรือเป็นโพรงด้านใน มีความแข็งแกร่งและแกร่งกล้ากว่าเขี้ยวหมูทั่วไป ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเขี้ยวหมูตันนี้เป็นของทนสิทธิ์ที่มีฤทธิ์ในตัวเอง หาไม่ได้ง่าย ๆ ยิ่งเป็นเขี้ยวที่ได้จากหมูป่าที่มีอายุมากและมีพละกำลังสูง ก็จะยิ่งมีอานุภาพมากยิ่งขึ้น

หลวงพ่อไสวและศิษยานุศิษย์จะต้องออกเดินทางไปในป่าลึกเพื่อตามหาเขี้ยวหมูตันที่เหมาะสม โดยเฉพาะเขี้ยวหมูที่ได้จากหมูป่าที่เสียชีวิตตามธรรมชาติ ถือเป็นเขี้ยวที่มีความบริสุทธิ์และทรงพลังอย่างแท้จริง เมื่อพบเขี้ยวที่เหมาะสมแล้ว หลวงพ่อไสวจะทำพิธีขอขมาต่อเจ้าป่าเจ้าเขาและดวงวิญญาณของหมูป่าก่อนที่จะนำเขี้ยวกลับมาเพื่อใช้ในพิธีกรรมต่อไป

เขี้ยวหมูตัน หลวงพ่อไสว

 

 การแกะสลักและจารอักขระ

เมื่อได้เขี้ยวหมูตันมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมเขี้ยวให้พร้อมสำหรับการปลุกเสก หลวงพ่อไสวจะนำเขี้ยวมาทำการขัดเกลาให้สะอาด และค่อย ๆ บรรจงแกะสลักเป็นรูปทรงต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นรูปทรงเขี้ยวหมูที่คงรูปลักษณ์เดิมไว้ บางครั้งก็มีการแกะสลักเป็นรูปทรงคล้ายพระเครื่อง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเขี้ยวที่มีขนาดกำลังพอดี

หลังจากแกะสลักเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อไสวจะเริ่ม จารอักขระเลขยันต์ ด้วยเหล็กจารขนาดเล็กอย่างประณีตบรรจงลงบนพื้นผิวของเขี้ยวหมูตัน อักขระที่ใช้จารนั้นเป็นอักขระโบราณที่สืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ของท่าน ซึ่งแต่ละตัวอักขระล้วนมีความหมายและพุทธคุณที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นอักขระด้านเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี หรือแคล้วคลาดปลอดภัย การจารอักขระนี้เป็นงานที่ต้องใช้สมาธิและความชำนาญอย่างสูง เพื่อให้ทุกตัวอักขระมีความคมชัดและถูกต้องตามตำรา

เขี้ยวหมูตัน หลวงพ่อไสว

 

 การปลุกเสก พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์และเข้มขลัง

ขั้นตอนนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างเขี้ยวหมูตันของหลวงพ่อไสว การปลุกเสกไม่ได้ทำเพียงแค่ครั้งเดียว แต่จะทำหลายครั้งและใช้เวลานานนับปี โดยแต่ละขั้นตอนจะมีความแตกต่างกันไป ดังนี้

* การปลุกเสกในอุโบสถ: หลวงพ่อไสวจะนำเขี้ยวหมูตันที่จารอักขระเรียบร้อยแล้วมาทำพิธีปลุกเสกในพระอุโบสถ โดยท่านจะนั่งปลุกเสกเดี่ยวท่ามกลางแสงเทียนที่ริบหรี่ในยามค่ำคืน การปลุกเสกในขั้นตอนนี้จะเน้นไปที่การเรียกอักขระให้มีชีวิตและพุทธคุณ โดยท่านจะบริกรรมคาถาตามตำราที่สืบทอดมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งรู้สึกว่าเขี้ยวหมูนั้น “มีชีวิต” และ “ทรงพลัง” ขึ้นมาอย่างแท้จริง

* การปลุกเสกในน้ำมันจันทร์: หลังจากผ่านการปลุกเสกในอุโบสถแล้ว หลวงพ่อไสวจะนำเขี้ยวหมูตันมาแช่ในน้ำมันจันทร์ที่ได้ผ่านการปลุกเสกมาแล้วเช่นกัน การแช่เขี้ยวหมูในน้ำมันจันทร์นี้ไม่ได้มีเพียงเพื่อเพิ่มความหอมและบำรุงรักษาเขี้ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการชุบชีวิตและเพิ่มพลังให้เขี้ยวมีความเข้มขลังมากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น หลวงพ่อไสวจะปลุกเสกเขี้ยวหมูในน้ำมันจันทร์เป็นระยะเวลานานหลายเดือน โดยจะทำพิธีปลุกเสกเพิ่มเติมในแต่ละวันเพื่อเพิ่มพูนพุทธคุณอย่างต่อเนื่อง

* การปลุกเสกในวันเสาร์ห้าและวันจันทรคราส: วันเสาร์ห้าและวันจันทรคราสถือเป็นฤกษ์มงคลที่ทรงพลังที่สุดในการปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงพ่อไสวจะใช้โอกาสนี้ในการนำเขี้ยวหมูตันออกมาจากน้ำมันจันทร์และทำพิธีปลุกเสกใหญ่ โดยการปลุกเสกในวันพิเศษนี้จะช่วยให้เขี้ยวหมูตันมีอานุภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม หรือโชคลาภเงินทอง ก็จะยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีก

เขี้ยวหมูตัน หลวงพ่อไสว

พุทธคุณและอานุภาพ วัตถุมงคลที่ทรงคุณค่า

เขี้ยวหมูตันของ หลวงพ่อไสว เป็นวัตถุมงคลที่เปี่ยมไปด้วยพุทธคุณและอานุภาพที่ครอบคลุมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น:

* คงกระพันชาตรีและแคล้วคลาดปลอดภัย: ผู้ที่บูชาเขี้ยวหมูตันของหลวงพ่อไสวเชื่อกันว่าจะรอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง ทั้งจากคมกระสุน คมมีด หรืออุบัติเหตุต่าง ๆ

* เมตตามหานิยมและมหานิยม: เขี้ยวหมูตันนี้ช่วยเสริมเสน่ห์และเมตตา ทำให้ผู้คนรักใคร่เอ็นดู ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาค้าขาย หรือเข้าหาผู้ใหญ่ ก็จะได้รับความช่วยเหลือและความเมตตา

* โชคลาภและเงินทอง: เขี้ยวหมูตันช่วยเสริมดวงด้านโชคลาภ ทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง และได้รับโชคลาภอย่างไม่คาดคิด

เขี้ยวหมูตัน หลวงพ่อไสว

 

วัตถุมงคงที่เปี่ยมด้วยศรัทธา

เขี้ยวหมูตันของหลวงพ่อไสวเปรียบดั่ง “แก้วมณีในป่าใหญ่” ที่ผ่านการคัดสรรจากธรรมชาติและผ่านการเจียระไนด้วยวิทยาคมอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมและความบริสุทธิ์แห่งจิตใจ เขี้ยวทุกชิ้นมิได้เป็นเพียงแค่เครื่องรางของขลัง แต่เป็น “สัญลักษณ์แห่งความเชื่อ” และ “เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ” ของผู้ที่บูชา

หากกล่าวถึงความงดงามของการสร้างเขี้ยวหมูตันนี้ คงต้องเปรียบดั่ง “บทกวีแห่งศรัทธา” ที่ถูกบรรจงขึ้นจากปลายปากกาของครูบาอาจารย์ผู้มีคุณธรรมอันสูงส่ง การจารอักขระแต่ละตัวเปรียบดั่ง “พู่กันที่ร่ายมนต์” ลงบนผืนผ้าใบแห่งความศักดิ์สิทธิ์ การปลุกเสกเปรียบดั่ง “การหลอมรวมพลังแห่งจักรวาล” ให้มาสถิตอยู่ในเขี้ยวหมูตันทุกชิ้น

เขี้ยวหมูตันของหลวงพ่อไสว จึงไม่ใช่แค่เพียงเครื่องรางของขลัง แต่คือ “มรดกทางจิตวิญญาณ” ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเครื่องยืนยันถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาและวิทยาคมของเกจิอาจารย์ที่ทรงคุณค่าอย่างแท้จริง และยังคงสถิตอยู่ในหัวใจของศิษยานุศิษย์ตลอดไป…

เขี้ยวหมูตัน หลวงพ่อไสว

เขี้ยวแกะเสือ จารอักขระยันต์ เลี่ยมเดิม

เครื่องรางของขลังประเภท”เขี้ยวเสือแกะ”

เขี้ยวแกะเสือ จารอักขระยันต์ เลี่ยมเดิม
เครื่องรางของขลังประเภท”เขี้ยวเสือแกะ”นั้น เป็นเครื่องรางที่มีมาแต่โบราณ นับได้หลายร้อยปี โดยมีแหล่งกำเนิดมาจากธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ของเขี้ยวหมูป่า ที่ถือได้ว่าเป็นของมีเดช มีความเป็น “ทนสิทธิ์ในตัว” ซึ่งจำเพาะเจาะจงต้องเป็นเขี้ยวหมูตัน เป็นหมูป่าโทนที่แยกออกมาหากินตัวเดียว ส่วนมากหมูป่าโทนนี้ จะมีของดีที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ตามธรรมชาติที่นิยมเรียกกันว่า “เขี้ยวหมูตัน”
เขี้ยวแกะเสือ จารอักขระยันต์ เลี่ยมเดิม

เขี้ยวหมูตัน

เขี้ยวหมูตันนี้ มีความคงกระพันอยู่ในตัวเอง เพราะเป็นของทนสิทธิ์ที่คนโบราณ แม้แต่พวกนายพราน ชาวป่า ชาวเขา จะนิยมนำมาเป็นเครื่องรางรักษาตัว หากยิ่งมีการได้ปลุกเสกคาถาอาคม พระเวทย์ จากเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาคมแก่กล้าด้วยแล้ว จะยิ่งเพิ่มความเข้มขลังให้กับวัตถุมงคลนั้นเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก
เขี้ยวแกะเสือ จารอักขระยันต์
เขี้ยวแกะเสือ จารอักขระยันต์ เขี้ยวแกะเสือ จารอักขระยันต์

เขี้ยวเสือกลวง

ซึ่งต่อมาได้มีการนำ “เขี้ยวเสือกลวง” มาสร้างเป็นเครื่องรางของขลัง ด้วยความเชื่อที่ว่า เสือ นั้นได้ถูกยกย่องเป็นเจ้าแห่งป่า มีฤทธิ์มาก สัตว์น้อยใหญ่แม้เพียงได้ยินเสียงเสือคำราม ก็จะเกิดความครั่นคราม เกรงกลัว จนป่าสงบเงียบในเฉียบพลัน ดุจพลังแห่งมหาอำนาจ ที่ครอบคลุมสะกดพงไพร ให่อยู่ภายใต้เสียงคำรามแห่งพญาเสือโคร่ง

ด้วยคุณวิเศษที่กล่าวมาแล้วนี้ คณาจารย์โบราณจึงได้นำเอา “เขี้ยวพญาเสือโคร่ง” ที่มีคุณลักษณะพิเศษตามตำรา มาสร้างเป็นวัตถุมงคล และ เครื่องรางของขลัง ชนิดต่างๆ

โดยปกติแล้วเขี้ยวเสือนั้น มีทั้งเขี้ยวตัน และ เขี้ยวกลวง  แต่ที่นิยมนำมาสร้างเครื่องรางของขลังนั้น จะเป็นเขี้ยวเสือกลวง เป็นส่วนมาก ซึ่งต้องมีความกลวงภายในตลอดทั้งอัน เพราะถือว่าเป็นเขี้ยวพญาเสือโคร่ง ผู้เป็นใหญ่กว่าบรรดาเสือทั้งปวง

เขียวแกะเสือ จารมือ เลี่ยมเงิน
เขียวแกะเสือ จารมือ เลี่ยมเงิน

การลงอักขระเขี้ยวเสือแกะ

ครูบาอาจารย์หลายๆท่านจึงนิยมนำเขี้ยวเสือกลวง มาแกะเป็นรูปเสือ แล้วลงอักขระ หัวใจพระพุทธแห่งพระพุทธคุณกำกับ เพื่อเพิ่มพลังอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ตามคุณวิเศษ ของ แต่ละคณาจารย์อีกชั้นหนึ่ง

เขียวแกะเสือ จารมือ เลี่ยมเงิน

เขี้ยวเสือโปร่งฟ้า

เขี้ยวเสือโปร่งฟ้า นับเป็นเครื่องรางที่หายากมาก กล่าวกันว่า ในเสือ 100 ตัว จะมีเสือเพียง 2-3 ตัวเท่านั้นที่มี “เขี้ยวโปร่งฟ้า” คือในตัวเขี้ยวจะกลวงไปจนถึงปลายเขี้ยวเรียกว่า “โปร่งฟ้า” โบราณกล่าวไว้ว่า เสือตัวใดมีเขี้ยวโปร่งฟ้า เสือตัวนั้นจะมีเทพารักษ์คุ้มครอง เมื่อเสือตัวนั้นตายไป จะกลายมาเป็นดวงวิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขา คอยดูแลรักษาป่า ซึ่งจะต่างจากเสือไฟ ที่โบราณกล่าวไว้ว่า เป็นเทวดามาเกิดในร่างเสือคอยดูแลป่าเขา ลำเนาไพร เพื่อเป็นการสั่งสมตบะ เดชะบารมี ให้มากยิ่งขึ้น

เขี้ยวแกะเสือ จารอักขระยันต์ เลี่ยมเดิม เครื่องรางทนสิทธิ์ในตัวเอง

คุณวิเศษของเขี้ยวเสือแกะ

หากจะกล่าวเปรียบเทียบคุณวิเศษของเขียวเสือทั้งสองแล้ว เขี้ยวเสือไฟ จะเป็นของร้อน เป็นเมตตามหาเสน่ห์อันล้ำเลีศ ทำให้ผู้ครอบครองมากด้วยเสน่ห์ มีผู้คนนิยมชมชอบ มีอำนาจจิตที่กล้าแกร่ง สามารถสะกดใจคนและสัตว์ได้ ทำให้สัตว์ร้ายหรือสัตว์มีพิษต่างๆ มิอาจทำอันตรายใดๆแก่ผู้ครอบครองได้เลย และ ยังเป็นมหาปราบกำราบภูตผีปีศาจ ผีตายโหง และสิ่งชั่วร้ายได้สิ้น  เพิ่มพูนตบะเดชะอำนาจบารมีให้แก่ผู้ครอบครอง ให้ได้เป็นใหญ่เป็นโต มียศถาบรรดาศักดิ์ เพราะเขี้ยวเสือไฟเป็นของร้อน ผู้ครอบครองจึงต้องมีสัจจะวาจา มีเมตตา มีคุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง

เขี้ยวแกะเสือ จารอักขระยันต์ เลี่ยมเดิม เครื่องรางทนสิทธิ์ในตัวเอง เขี้ยวแกะเสือ จารอักขระยันต์ เลี่ยมเดิม เครื่องรางทนสิทธิ์ในตัวเอง

ส่วนเขี้ยวเสือโปร่งฟ้า นั้นจะเป็นของเย็น เป็นเมตตามหานิยม ส่งเสริมในทางโชคลาภ หนุนดวง ทำให้ผู้ครอบครองร่ำรวย เป็นมหาเศรษฐีย์มาแล้วก็มากมาย และยังเป็นสุดยอดเครื่องรางมหาอุตม์ คงกระพันชาตรีอันล้ำเลีศ ยากที่จะหาสิ่งใดเทียบเทียมได้ ปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย จากศาสตราวุธทั้งปวงได้ ไม่เว้นแม้แต่คุณไสย มนต์ดำ หรือสัตว์ร้ายต่างๆ ก็มิอาจทำอันตรายใดๆได้เลย

เขี้ยวแกะเสือ จารอักขระยันต์ เลี่ยมเดิม เครื่องรางทนสิทธิ์ในตัวเอง

ประสบการณ์ของเขี้ยวเสือแกะนั้น มีให้เล่าขานมากมาย ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เสือคณาจารย์ผู้มีชื่อเสียง ซึ่งต่อมาภายหลังมีการประยุคนำวัสดุอื่นทำเป็นรูปเสือแล้วลงพระเวทย์วิทยาคมแทน ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ไม่อำนวย และสมควรที่จะทำร้ายชีวิตเสือ เพียงเพื่อนำเขี้ยวและหนังหน้าผาก มาทำเครื่องรางของขลัง ก็ได้ประสิทธิ์ผล มิยิ่งหย่อนไปจากเดิมนัก ด้วยการลงอักขระหัวใจพระพุทธมนต์ ยังคงรักษาสืบทอดกันต่อมา ยิ่งผู้สร้างเป็นคณาจารย์ที่บริสุทธิ์เรื่องพระเวทย์วิทยาคมแล้ว จะส่งผลให้เสือพระเวทย์นี้ คงความศักดิ์สิทธิ์ เสริมโชคลาภ เป็นเมตตา มหานิยม มหาอำนาจ แคล้วคลาด คงกระพัน เป็นมงคลมีคุณวิเศษเหนือธรรมชาติ ที่ยังคงปรากฎมาจนกระทั่งจวบจนทุกวันนี้.

เขี้ยวแกะเสือ จารมือ เลี่ยมเดิม สวยมาก
เขี้ยวแกะเสือ จารมือ เลี่ยมเดิม สวยมาก