สีวลี เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

พระสีวลี

พระสีวลีเถระ หรือ พระสีวลี เป็นพระภิกษุสาวกเอตทัตคะ ของพระพุทธเจ้านับเนื่องในพระอสีติมหาสาวก 80 องค์สำคัญในพระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล

พระสีวลีเถระ เป็นเจ้าชายในโกลิยวงศ์ ออกบวชในสำนักพระสารีบุตร บรรลุพระอรหันต์ในขณะที่ปลงเกศานั่นเอง และหลังจากผนวช ท่านเป็นผู้มีลาภสักการะ มากด้วยกุศลกรรมที่ทำมาแต่อดีต ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้รับยกย่อง จากพระพุทธองค์ให้เป็นเอตทัคคะผู้เลีศในทาง ผู้มีลาภมาก

สีวลี เนื้อผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม

กำเนิดพระสีวลี

พระสีวลี เป็นพระโอรสของพระนางสุปปวาสา ผู้เป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงโลกิยะ อยู่ในพระครรภ์ถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เมื่อทรงพระครรภ์ทำให้พระมารดาสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะมาก เมื่อประสูติก็ประสูติง่ายดาย พุทธนุภาพที่ทรงพระราชทานพรว่า “ขอพระนางสุปปวาสา จงมีความสุข ปราศจากโรคพยาธิ ประสูติพระราชบุตรผูไม่มีโรคเถิด”

เมื่อประสูติและพระยูรญาติขนานถวายพระนาว่า สีวลีกุมาร ในวันที่นิมนต์พระพุทธเจ้ามาเสวยภัตตาหารตลอด 7 วัน สีวลีกุมาร ก็ได้ถือธมกรกรองน้ำถวายพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ตลอด 7 วัน

เมื่อเจริญวัย ท่านได้ออกผนวชในสำนักพระสารีบุตร ได้บรรลุอรหันต์ผลในเวลาปลงเกศาเสร็จ จากนั้นมาท่านสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะไม่ขาด ด้วยปัจจัย 4 ทั้งปวง ด้วยเหตุนี้จึงได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ให้เป็น เอตทัคคะผู้เลีศในทาง ผู้มีลาภมาก

สีวลี เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

ในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาไม่ระบุว่า ท่านดับขันธปรินิพพานที่ใด แต่ท่านคงดำรงขันธ์อยู่พอสมควรแก่กาล จึงปรินิพพาน

สีวลี เนื้อเกสร หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี

พระสีวลีในความเชื่อของคนไทย

เนื่องจากพระสีวลีเถระ เป็นพระอรหันต์ที่ได้รับการยกย่อง ให้เป็นเอตทัคคะผู้เลีศในทาง ผู้มีลาภมาก คนไทชเชื่อว่าผู้ใดได้บูชาพระสีวลีเถระแล้ว จะได้รับโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา ซึ่งคนไทยยังเชื่ออีกว่า เคยมีคนผู้หนึ่งได้รับมาแล้วในสมัยพุทธกาลก็คือ มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเกิดในตระกูลพ่อค้า มีนามว่า สุภาวดี นางได้เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธศาสนา และเคารพนับถือพระสีวลีเถระเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อแม่นางได้ฟังธรรมจนลึกซึ้ง พระสีวลีก็ได้ให้ศีลให้พรว่า “จงเจริญด้วยทรัพย์สิน เงินทองจากการค้าขาย เงินทองไหลมาเทมา สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยเถิด”

หลังจากที่ นางสุภาวดี ได้รับพรจากพระสีวลีเถระแล้ว ไม่ว่านางและผู้เป็นบิดามารดา จะไปค้าขายที่ใด ก็จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีแต่กำไรหลั่งไหลเข้ามาทุกครั้งไป ซึ่งนางสุภาวดีนั้น ได้เป็นที่รู้จักของคนไทยเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือ “นางกวัก” นั้นเอง.

สีวลี ครูบากฤษณะ

สีวลี หลวงพ่อกวย

แม่นางกวัก หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน

ล๊อกเก็ตขุนแผนย่างกุมารทอง

ตำนานพระขุนแผน  

พระขุนแผน หรือเครื่องรางของขลังประเภทขุนแผนนั้น เป็นที่รู้จักของหลายๆคน และ คนที่ไม่รู้จัก แต่อาจเคยได้ยินมาว่า พระขุนแผนนั้น เป็นเครื่องรางของขลังที่ให้อิทธิคุณอำนาจทางด้าน เมตตา มหานิยม มหาโภคทรัพย์ คนชื่นชม ชมชอบเป็นที่รักไคร่ของคนรอบข้าง เป็นที่ต้องตาต้องใจกับเพศตรงข้าม เจ้านายผู้ใหญ่ให้ความรักเอ็นดู , พระขุนแผนเป็นพระเครื่องที่ตำนานมาช้านาน แม้ในตำราพระเวทย์ของพระเกจิอาจารย์ก็ได้มีบันทึกไว้ถึงคาถา และวิชาต่างๆเกี่ยวกับการปลุกเสกพระขุนแผน.

ขุนแผนผงพรายกุมาร

ขุนช้าง-ขุนแผน

ขุนแผนเป็นใคร มีอยู่จริงหรือไม่ หากจะกล่าวถึงเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ที่เป็นตำนานเล่าขานของจังหวัดสุพรรณบุรี มีบันทึกไว้ถึงเรื่องราวของนักรบ นักรัก ว่าขุนแผนเป็นทะหารในยุคกรุงศรีอยุธยา ที่มีพระเวทย์อาคมแก่กล้า มีภรรยาหลายคน แต่เรื่องราวในเสภาขุนช้างขุนแผนนั้น ครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ในด้านญาณบารมี ได้เล่าความจริงเกี่ยวกับขุนแผนไว้ดังนี้ :

เรื่องราวของขุนช้างขุนแผนนั้น เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของบรรพบุรุษไทย สมัยอยุธยาช่วงราวๆปี พ.ศ. 1967 ถึง 1991 ในรัชสมัยของพระเจ้าพันวัสสา หรือที่เรียกกันว่า พระเจ้าสามพระยา ความจริงแล้วคำว่า ขุนช้างและขุนแผนนั้น ไม่มีในทำเนียบของราชการ เป็นคำเรียกที่ชาวบ้านเขาตั้งให้เท่านั้น ที่เรียกว่า ขุนช้าง ก็เพราะคนตระกูลนี้เป็นมหาเศรษฐี เป็นคนหาช้างให้แก่พระราชา ตั้งแต่สมัยคุณปู่เป็นคนฝึกช้าง คุมช้าง หรือเรียกได้ว่าเป็นหัวหน้ากองช้าง จึงเรียกว่า “ขุนช้าง” จริงๆแล้วขุนช้างมีชื่อว่า “ศรี” แปลว่า “มิ่งขวัญ” เป็นคนมาดดี สง่าผ่าเผย แววตาผ่องใส หน้ารูปไข่นิดๆ แต่เป็นหน้าของผู้ชาย (ไม่ใช่รูปไข่แบบผู้หญิง) ผิวค่อนข้างขาว ลักษณะท่าทางองอาจ หัวก็ไม่ได้ล้านเลี่ยน ดังที่มีคนเขียนไว้ เพียงแต่ หัวเถิกง่ามถ่อ ธรรมดาๆเท่านั้น , ขุนช้างอายุแก่กว่าขุนแผน 1 ปี และสำหรับขุนแผนก็เหมือนกัน จริงๆแล้วขุนแผนมีชื่อว่า “พลายแก้ว” พลายแก้วคือช้าง พลายแก้ว เป็นช้างที่มีกำลังใหญ่ ช้างตัวประเสริฐของพระเจ้าจักรพรรดิ ที่เขาให้ชื่อว่าพลายแก้ว ก็เพราะเกิดมาฤกษ์ดี โหรพยากรณ์ว่า เด็กคนนี้จะมีอำนาจมาก สามารถจะปราบปรามข้าศึกได้ทุกทิศ โดยใช้กำลังคนเข้าประชิดกับข้าศึกด้วยกำลังไม่มาก , ขุนแผนเป็นคนหน้าตาดี ท่าทางดี ทะมัดทะแมง ผิวขาว ขาวกว่าขุนช้างอีก อย่างที่ชาวบ้านเขาเรียกว่า เป็นคนขาว และที่ได้ฉายา ขุนแผน เพราะเป็นคนออกแบบออกแผนจู้จี้จุุกจิก เห็นอะไรไม่ดี ก็จัดสรรกราบบังคมทูลพระเจ้าพันวัสสา พระองค์ก็เห็นด้วยทุกประการ อาศัยที่เป็นคนวางแผน ชอบเปลี่ยนแปลงชอบจัดระบบ ให้สมดุลอยู่เสมอ ชาวบ้านจึงเรียกว่า ขุนแผน , ทั้งขุนช้างและขุนแผน สองคนเป็นเพื่อนที่รักกันมาก.

ขุนแผนผงพรายกุมาร ผสมสีผึ้งเขียวเกี้ยวสาว หลวงพ่อทาบล๊อกเก็ตขุนแผนย่างกุมารทอง พิมพ์ใหญ่

ขุนแผนอดีตแม่ทับผู้มากด้วยอำนาจบารมี

ขุนแผนเป็นลูกของขุนไกรซึ่งเป็นแม่ทับ และขุนแผนเองก็เป็นแม่ทับเช่นกัน เป็นคนอยู่ในระเบียบวินัย ที่รวบรวมกำลังของคนไทย เพื่อต่อสู้กับข้าศึกศัตรู ที่นิยายเล่าว่าขุนช้างโกงเอาเมียขุนแผน และขุนแผนก็ไปขโมยเมียตัวเองมาจากขุนช้างนั้น เรื่องนี้มิได้เป็นความจริงดังนั้นเลย เพราะทั้งสองท่านเป็นคนดี และเวลานั้นเป็นสมัยประชาธปไตย เป็นคนดีคนอยู่ในระเบียบ ประเพณี พระธรรมวินัย และพระราชาก็มีอำนาจสั่งตัดหัวได้เลย ถ้าหากใครทำชั่วอะไร.

ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง

พ่อขุนแผน หรือ พระยากาญจน์บุรี ท่านเป็นยอดขุนศึกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านพระเวทย์ มีคาถาอาคมแก่กล้า มีฝีมือทางด้านการสู้รบ และยังเป็นผู้ที่มีเสน่ห์ เป็นที่เคารพรักของผู้คน จนเป็นตำนานในการสร้างพระขุนแผนขึ้นบูชาคุณของท่าน พระขุนแผนจึงเป็นตำนานของพระเครื่อง และเครื่องรางของขลังของไทยมานานพอสมควร

พระขุนแผนมักสร้างขึ้นเพื่อหวังผลให้เป็นไปในทาง เมตตา มหานิยม มหาโภคทรัพย์  และเป็นเครื่องรางของขลัง ที่ได้รับความนิยมมาก อย่างมิเสื่อมคลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน.

ขุนแผนผงพรายกุมาร องค์จ้อย(พิมพ์จิ๋ว)

ประวัติการสร้างพระขุนแผน

การสร้างพระขุนแผนของไทย ที่เป็นพระเครื่อง หรือเครื่องรางของขลังที่เด่นชัดได้แก่ พระขุนแผนเก่า ขุดพบที่วัดบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีพิมพ์ทรงลักษณะเด่นคือ เป็นพระพิมพ์ห้าเหลี่ยม องค์พระมีลักษณะของพระปรางมารวิชัย ประทับนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว มีด้วยกันหลายแบบหลายพิมพ์ บางพิมพ์เป็นพระคู่ติดกัน มีชื่อเรียกกันว่า พรายคู่ ส่วนที่เป็นองค์เดียว เรียกว่าพรายเดี่ยว ซึ่งภายหลังการตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นพระเครื่องที่สร้างสมัยอยุธยา.

ขุนแผนผงพรายกุมาร ตะกรุด9ดอก เม็ดชนวน ลงบรอนด์ทอง หลวงปู่ทิม

ในเวลาต่อๆมา ได้นำพระพิมพ์ลักษณะนี้มาสร้างเป็นพระเครื่อง นิยมเรียกว่า “พระขุนแผน” โดยพระเกจิอาจารย์ วัดต่างๆ และสำนักต่างๆ  ก็มีการสร้างพระขุนแผนนี้ขึ้น เช่น พระขุนแผนที่ได้รับความนิยมมากได้แก่ :

พระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา

ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ. ระยอง

พระขุนแผนแขนอ่อน รุ่นแรก หลวงปู่ชื้น วัดญาณแสน

พระขุนแผนดิน 7 ป่าช้า รุ่นแรก หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ. นครปฐม

พระขุนแผน หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์…เป็นต้น

และอีกมากมายหลายเกจิอาจารย์ หลายรุ่น หลายวัด หลายสำนัก ที่นิยมสร้างพระขุนแผน สืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

นอกจาก พระขุนแผน ที่สร้างเป็นรูปพระแล้ว ยังมีการสร้างขุนแผน ขุนช้าง ในแบบรูปเหมือน คือเป็นรูปจำลองพ่อขุนแผนขุนช้างอีกด้วย.

 

ขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อกระยาสารท หลวงปู่ทิม

การบูชาพระขุนแผน

พระขุนแผนสามารถบูชา พกพาได้ทุกเพศทุกวัย , พระขุนแผน ที่สร้างมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้รับความนิยม จากผู้ที่ชื่นชอบเครื่องรางของขลัง ประเภทมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม มหาโภคทรัพย์อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย.

พระขุนแผน เนื้อชินเงิน เก่าสวย

ขุนแผนผงพรายกุมาร เนื้อว่านพรายดำ หลวงปู่ทิม

พุทธคุณพระขุนแผน

อิทธิคุณอำนาจของ พระขุนแผน  พระเครื่องพิมพ์นี้เป็นที่กล่าวขานกันว่า เป็นพระเครื่องให้พุทธคุณอำนาจทางด้าน เมตตามหานิยม คือแขวนหรือบูชาแล้ว เป็นที่รักชอบของคนที่ได้พบเห็น เป็นเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม แม้แต่ทางด้านมหาโภคทรัพย์โชคลาภก็มีให้เห็นกันมากมาย  , พระขุนแผนแต่ละรุ่นแต่ละแบบจะให้อิทธิคุณอำนาจทางด้านใด ย่อมอยู่กับมวลสาร และการปลุกเสกของเกจิอาจารย์ผู้สร้างเป็นสำคัญ  หากท่านลงคาถาปลุกเสกให้เป็นไปทางใดแล้ว  ก็จะมีอิทธิคุณอำนาจอย่างนั้น.

พระขุนแผนที่ได้รับการปลุกเสกจากเกจิอาจารย์ หรือผ่านพิธีกรรมมาแล้ว ย่อมมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ แต่การที่ที่มีประสบการณ์ของบางท่าน ที่อาจเห็นเป็นอย่างนั้น คงเป็นเพราะการปฏิบัติตน หรืออุปนิสัยส่วนตัวของคนๆนั้นเอง อาธิ เมื่อบูชาพระขุนแผนแล้วก็มีเพื่อนฝูงมาก อาจมีการจัดเลี้ยงสังสรรค์มาก ก็จะมีกิจการงาน การเงินตามมา ทำให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าสืบไป…
ล๊อกเก็ตขุนช้าง มหาเศรษฐี ปี 56
ล๊อกเก็ตขุนช้างอุ้มนาง แช่น้ำมันพรายพระผงรูปเหมือนขุนช้าง รุ่นแรก

พรายคู่ ขุนช้างขุนแผน หลวงปู่ญาครูน้อย วัดโพธิ์ชัย อุดรธานี

พระหูยาน ลพบุรี เนื้อชินเงิน กรุใหม่

พระหูยาน ลพบุรี พิมพ์ใหญ่ กรุใหม่ เนื้อชินเงิน

พระหูยาน ลพบุรี มีการขุดค้นพบที่กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี เป็นหลัก จึงนิยมเรียกกันติดปากว่า ” พระหูยาน ลพบุรี ” นอกจากนี้ยังมีปรากฏที่กรุอื่นๆอีก เช่น กรุวัดอินทาราม กรุวัดปืน กรุวัดราษฎร์บูรณะ อยุธยา , พระหูยาน วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี , พระหูยาน กรุวัดค้างคาว จ.เพชรบุรี และพระหูยานเมือสรรค์ เป็นต้น.

พระหูยาน ลพบุรี มีทั้งหมด 3 พิมพ์คือ พระหูยานพิมพ์ใหญ่ ขนาดสูงประมาณ 5.5 cm. พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก ซึ่งจะมีขนาดลดหลั่นกันลงมา นอกจากนี้วงการพระเครื่อง ยังมีการกำหนดลักษณะ หรือ ศิลปะของพระหูยาน ลพบุรี แยกเป็นสองแบบคือ พระหูยานหน้ายักษ์ และพระหูยานหน้ามงคล สำหรับด้านหลังพิมพ์ของ พระหูยานลพบุรี จะมีเอกลักษณ์เหมือนกันหมดทุกพิมพ์ คือ เป็นลายผ้ากระสอบความถี่ หยาบเหมือนกันทุกองค์.

พระหูยาน ลพบุรี เนื้อชินเงิน กรุใหม่พระหูยาน ลพบุรี เนื้อชินเงิน กรุใหม่

พระหูยาน .ลพบุรี แตกกรุครั้งแรกเมื่อประมาณปี ..2450 เราเรียกว่าพระกรุเก่าผิวจะปลอดจากคราบผิวปรอทขาวโพลน จนกระทั่งปี ..2508 ก็แตกกรุออกมาอีกเป็นจำนวนมากที่บริเวณพระเจดีย์องค์เล็กหน้าพระปรางค์ จึงให้ชื่อว่าพระกรุใหม่ส่วนมากจะมีพรายปรอทขาวชีด ทั้งอยู่ในสภาพสมบูรณ์งดงามมาก พระกรุใหม่บางส่วนถูกฝังรวมไว้กับ พระพุทธรูปบูชาซึ่งเมื่อเวลาเกิดคราบสนิม จะเป็นสีเขียวคราบเขียวของพระพุทธรูปบูชานี้ได้ลุกลามไปติดเป็นคราบสนิมของพระหูยานกรุใหม่ด้วย จึงกลายเป็นตำหนิสำคัญที่นักเลงพระเครื่องเนื้อชินเขาใช้ประกอบในการพินิจ พิจารณาพระหูยานกรุใหม่พระหูยาน ลพบุรีทั้งกรุเก่า กรุใหม่ พุทธคุณเด่นทั้งด้านคงกระพันชาตรี และเมตตามหานิยม

อมตะพระเครื่องเมืองสยามเด่น ดัง ขลัง นิยม

พระหูยาน ลพบุรี เนื้อชินเงิน กรุใหม่

พระหูยาน ลพบุรี เนื้อชินเงิน กรุใหม่

ปั้นเหน่ง ราหูอมจันทร์

วัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง อาจารย์เฮง ไพรยวัล

อาจารย์เฮง ท่านเป็นเลีศในหลายๆด้าน ทั้งไสย ทั้งศิลป์ และท่านยังเป็นที่ซี้ปึกกับ ครูเหม เวชกร , ครั้งหนึ่งครูเหมออกปากว่า…”หน้าพรหม ไม่มีใครเขียนให้เห็นได้ทั้งสี่หน้า ที่อาจารย์เฮง คนเดียว ที่เขียนได้ ” ท่านสร้างวัตถุมงคล และเครื่องรางของขลัง.

อาารย์เฮง ไพรยวัล

วัตถุมงคล อาจารย์เฮงไพรยวัล

เครื่องรางของขลัง อาจารย์เฮง สร้างไว้มีหลายอย่างคือ พระพรหมจะทำด้วยงากำจัด งากำจาย โลหะเงิน ทอง นาค ตะกรุดมหาจักรพรรดิ แหวนโลหะ ปลัดขิก ผ้ายันต์ ภาพวาสรูปเทพ ลงอักขระคชสีห์ สิงห์ เสือ เนื่องจากอาจารย์เฮง เป็นผู้อัจฉริยะในด้านการช่างอย่างน่าอัศจรรย์ ดังจะเห็นได้ว่า เครื่องรางของขลังแต่ละชิ้นนั้น ศิลป์วิจิตรงดงาม หากสังเกตรอยจารลายมือสวยมาก การเขียนภาพต่างๆ มีมิติลึกซึ้ง การแกะสลักได้สัดส่วน ยากที่จะมีอาจารย์ใดเสมอเหมือน ด้านพุทธคุณเป็นที่เลื่องลือว่าสุดยอดของคงกระพัน แคล้วคลาดปลอดภัย กันภูตผีปีศาจ เพิ่มพูนในเรื่องของเมตตามหานิยม เช่น เหรียญพรหมสี่หน้า อาจารย์เฮง มีหลายรูปแบบทั้ง หน้าโล่ห์ ทรงกลม ข้าวหลามตัด และเครื่องรางของขลังอีกหลายรูปแบบ…เป็นที่นิยมมานาน ของแท้นั้นหาดูไม่ง่ายนัก…

อาจารย์เฮง ไพรวัล

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี 17

*เหรียญเจริญพรของหลวงปู่ทิมนี้แบ่งเป็น เนื้อทองคำ 16 เหรียญ เป็นเหรียญเจริญพรล่างทั้งหมด ตอกโค๊ดไว้ที่ซอกแขน ด้านหลังตอกเลขไทย ๑-๑๖ หลวงปู่จารมือเองทุกเหรียญ.

*เนื้อเงินมี 2 ชนิด เจริญพรบน 72 เหรียญ และเจริญพรล่าง 271 เหรียญ ตอกโค๊ด ท ไว้ที่ฐานสิงห์ ด้านหลังตอกเลขไทย ๑-๓๔๓.

*เนื้อนวโลหะ เป็นเจริญพรบน ทั้งหมด 1166 เหรียญ ตอกโค๊ด ท ไว้ที่สังฆาฏิบริเวณหน้าอก ด้านหน้าตอกเลขไทย ๑-๑๑๖๖ (มีเหรียญชำรุด 28 เหรียญ)

*เนื้อทองแดง สร้างจำนวน 15,895 เหรียญ เป็นเจริญพรล่าง 9,000 เหรียญ รมดำทุกเหรียญ , เจริญพรบน 6,895 เหรียญ ไม่มีการรมดำ , เนื้อทองแดงตอกโค๊ด ท ไว้ที่สังฆาฏิบริเวณหน้าตัก ไม่มีการตอกเลขไทยกำกับ แต่ได้มีการตอกโค๊ด ท ผิดไป 400 เหรียญ เนื่องจากช่างรีบ เพราะหลวงปู่ทิมท่านได้ไว้ว่า ต้องให้เสร็จก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ช่างเลยเข้าใจผิดคิดว่าเนื้อทองแดงเป็นเนื้อนวโลหะ

*เนื้อชินตะกั่ว 400 เหรียญ บางเหรียญตอกโค๊ด ท ไว้ที่บริเวณสังฆาฏิ , บางเหรียญตอกโค๊ดเลขไทย ๙ ไว้ที่ใต้ฐาน(ที่ตอกโค๊ดเลข ๙ ตั้งใจจะแจกกรรมการ แต่ภายหลังก็ได้นำออกบูชาจนหมด) เหรียญเจริญพร รุ่น แจกกรรมการ เนื้อทองแดงได้ตอกโค๊ด ท ไว้ที่ชายสังฆาฏิ , ตอกเลขไทย ๙ ไว้ที่ฐานมี 800 เหรียญ หลวงปู่ทิมท่านกล่าวไว้ว่า “เหรียญเจริญพรนี้มีดีด้านเมตตามหานิยม” และท่านได้เมตตาปลุกเสกเป็นเวลานานถึง 7วัน7คืน.

 คาถาบูชาพระเครื่องหลวงปู่ทิม อิสริโก

ตั้งนะโม 3 จบ

อิติสุคะโต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ มะอะอุ ทุกขัง อนิจจัง อะนัตตา พุทโธ พุทโธ

( 3 จบ ).

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

เหรียญเจริญพรบน เนื้อทองแดง โค้ด ท หลวงปู่ทิม

พระสมเด็จ พิมพ์ปรกโพธิ์ เนื้อแก่ปูน

พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุเก่า

พระสมเด็จบางขุนพรหมเป็นพระในสกุล “พระสมเด็จวัดระฆัง” ที่สร้างโดย เสมียนตาเจิม และปลุกเสกโดยสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี เป็นที่พึงปรารถนาแก่ประชาชนที่เคารพกราบไหว้พระเดชพระคุณอันประเสริฐของท่าน นับวันวัตถุมงคลนี้กำลังจะหายากยิ่ง และราคาก็สูงขึ้นเช่นเดียวกัน  เราเองเป็นผู้หนึ่งที่เคารพบูชาท่าน และได้มีโอกาศครอบครองพระในสกุลพระสมเด็จวัดระฆัง และพระสมเด็จบางขุนพรหมหลายรุ่น จึงได้พยายามศึกษาค้นคว้าประวัติของสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี และการสร้างพระสมเด็จ เทียบเคียงกันทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ ความเป็นมากับหลักการทางวิทยาศาสตร์ และร่วมศึกษาหาความรู้ด้วยกันกับท่านทั้งหลาย เพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทาน.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

การสร้างพระสมเด็จของ สมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี 

ปี พ.ศ. 2410 สมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี ท่านได้เริ่มสร้างพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนปางโปรดสัตว์ (ยืนอุ้มบาตร) โดยใช้ซุงทั้งต้นเป็นฐานราก และดูแลการก่อสร้างด้วยตัวท่านเองที่วัดอินทรวิหาร ซึ่งเป็นวัดที่ท่านได้จำพรรษาอยู่เมื่อครั้งยังเป็นสามเณร  ในระหว่างการก่อสร้างเสมียนตราด้วง ต้นสกุล ธนโกเศรฐ และเครือญาติได้ปวารณาตนเองเป็นโยมอุปัฏฐากของสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี.

ถึงปี พ.ศ. 2411″ เสมียนตราด้วง” ต้นสกุล “ธนโกเศศ” ได้ทำการบูรณะพระอารามวัดใหม่อมตรส และปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ไว้เพื่อเป็นมหากุศล และเป็นพระเจดีย์ประจำตระกูล  ตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น โดยได้สร้างพระพระเจดีย์ขึ้นสององค์ องค์ใหญ่เพื่อบรรจุพระพิมพ์ต่างๆ ตามโบราณคติในอันที่จะสืบทอดพระพุทธศาสนา และสร้างเจดีย์องค์เล็กเพื่อบรรจุอัฐิธาตุบรรพระบุรุษ โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411  จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2413 จึงแล้วเสร็จ จากนั้นจึงได้กราบนมัสการขอความเห็นจากสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี ในการสร้างพระสมเด็จ เพื่อสืบทอดทางพุทธศาสนา และเป็นการสร้างมหาบุญแห่งวงศ์ตระกูล  สมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี ท่านได้ให้อนุญาติ และมอบผงวิเศษที่ใช้ในการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังของท่านให้ส่วนหนึ่ง (จากบทความของนายกนก สัชฌุกร ที่ได้สัมภาษณ์ท่านเจ้าคุณธรรมถาวร ตอนมีชีวิตยุคสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี  ได้ความว่า ได้ผงวิเศษประมาณครึ่งบาตรพระ และทุกครั้งที่ตำในครก ท่านเจ้าประคุณสมเด็จจะโรยผงวิเศษของท่านมากบ้างน้อยบ้าง ตามอัธยาศัย จนกระทั่งแล้วเสร็จ) เมื่อได้ผงวิเศษแล้ว เสมียนตราเจิม และทีมงานก็ได้จัดหามวลสารต่างๆ ตรงตามตำราการสร้างพระสมเด็จของ สมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี ทุกประการ.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

การแกะแม่พิมพ์พระสมเด็จของสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี 

ในเรื่องของการสร้างพิมพ์ขึ้นมาใหม่นั้น มีการจัดสร้าง และแกะแม่พิมพ์แม่แบบขึ้นมาใหม่ทั้งหมดจำนวน 9 พิมพ์ เป็นพิมพ์ชิ้นเดียวตัดขอบและปาดหลัง โดยฝีมือของช่างสิบหมู่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แต่น่าจะเป็นคนละทีมกับช่างที่แกะแม่พิมพ์พระสมเด็จวัดระฆัง แต่เนื่องด้วยเป็นฝีมือช่างในยุคเดียวกัน มีศิลปะในสกุลช่างเดียวกัน และต้นแบบที่สำคัญคือพิมพ์พระสมเด็จวัดระฆัง ดังนั้นพระสมเด็จบางขุนพรหม จึงมีความสวยงามใกล้เคียงกันกับพระสมเด็จวัดระฆังเป็นอย่างยิ่ง.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พิมพ์พระสมเด็จบางขุนพรหมทั้ง9พิมพ์

1 . พิมพ์ใหญ่

2 . พิมพ์ทรงเจดีย์

3 . พิมพ์เกศบัวตูม

4 . พิมพ์เส้นด้าย

5 . พิมพ์ฐานแซม

6 . พิมพ์สังฆาฏิ

7 . พิมพ์ปรกโพธิ์

8 . พิมพ์ฐานคู่

9 . พิมพ์อกครุฑ

จำนวนที่จัดสร้าง สันนิษฐานกันว่า 84,000 องค์ เท่ากับพระธรรมขันธ์ พระสมเด็จที่สร้างเสร็จจะมีเนื้อขาวค่อนข้างแก่ปูน.

การปลุกเสกโดยสมเด็จพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี ได้เจริญพระพุทธมนต์ และปลุกเสกเดี่ยว จนกระทั่งบริบูรณ์ด้วยพระสูตรคาถา.

เมื่อผ่านพิธีปลุกเสกเป็นที่สุดแล้ว ได้มีการเรียกชื่อพระสมเด็จนี้ว่า “พระสมเด็จบางขุนพรหม” ตามตำบลของของที่ตั้งพระเจดีย์ และได้ถูกนำเข้าบรรจุกรุในพระเจดีย์ใหญ่ และพระเจดีย์เล็กทั้งสิ้น ไม่มีการแจกจ่ายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง รวมทั้งมีข้อสันนิษฐานว่า ได้นำพระสมเด็จวัดระฆังลงบรรจุกรุด้วย ดังที่หลายๆท่านนิยมเรียกกันว่า “กรุสองคลอง”

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

การลักลอบเปิดกรุพระสมเด็จ และการตกพระ

หลังจากที่ได้บรรจุพระสมเด็จไว้ในพระเจดีย์ทั้งสองแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2413 จนกระทั่งเกิดวิกฤตกับประเทศในกรณีพิพาทกับประเทศฝรั่งเศษ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และนกรณีพิพาทอินโดจีน ได้มีการลักลอบเปิดกรุถึงสามครั้ง คือครั้งที่1 พ.ศ. 2425 , ครั้งที่2 พ.ศ. 2436 และครั้งที่3 พ.ศ. 2459

ในการลักลอบเปิดกรุทั้งสามครั้งนั้น ผู้ลักลอบได้ใช้วิธีต่างๆเช่น การตกเบ็ด โดยใช้ดินเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมๆ ติดกับปลายเชือก หย่อนเข้าไปทางรูระบายอากาศ ติดพระแล้วดึงขึ้นมา การใช้น้ำกรอกเข้าไปทางรูระบายอากาศ เพื่อให้น้ำไปละลายการเกาะยึดขององค์พระเป็นต้น ซึ่งการลักลอบเปิดกรุทั้งสามครั้งนั้น  พระสมเด็จที่อยู่บนส่วนบนจึงสวย มีความสมบูรณ์  นักนิยมพระสมเด็จเรียกกันว่า “พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุเก่า” ซึ่งลักษณะของวรรณะจะปรากฏคราบเพียงเล็กน้อย หรือบางๆเท่านั้น พิมพ์คมชัดสวยงาม เนื้อหนึกนุ่มละเอียด มีน้ำหนัก และแก่ปูนพระสมเด็จบางขุนพรหม.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

ารเปิดกรุพระสมเด็จอย่างเป็นทางการ

ท้ายที่สุดคือการลักลอบขุดกรุที่ฐานในปี พ.ศ. 2500 วิธีนี้ได้พระไปเป็นจำนวนมาก(เป็นที่มาของพระสมเด็จบางขุนพรหมกรุธนา เรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรง ของพระภิกษุวงศ์ สุธรรมโม หรือพระอาจารย์จิ้ม กันภัย ได้ใจความว่า ในตอนกลางคืนฝนตกไม่หนักมากนัก นักเลงพระทางภาคเหนือ ได้ร่วมกันลักลอบเจาะที่บริเวณใกล้ฐานของพระเจดีย์พอตัวมุดเข้าไปได้  และได้นำพระออกไปได้เป็นจำนวนมาก จนหิ้วพระไม่ไหว ประกอบกับกลัวเจ้าหน้าที่จะพบเห็น จึงทิ้งไว้ข้างวัดก็หลายถุง มีบุคคลผู้หนึ่งชื่อธนา บ้านอยู่ละแวกวัด ได้เก็บพระชุดนี้ไว้เป็นจำนวนมาก  จะเก็บได้จากผู้ที่ลักลอบทิ้งไว้ หรือซื้อมาก็มิอาจทราบได้  แต่ภายหลังได้ขายให้กับ คุณแถกิงเดช คล่องบัญชี ซึ่งเป็นศิษย์ของท่านเอง และต่อมาได้เขียนหนังสือร่วมกับนายสุคนธ์ เพียรพัฒน์ เรื่อง”สี่สมเด็จ ” ซึ่งพระสมเด็จบางขุนพรหมที่ซื้อมามีทั้งที่สวยงาม มีคราบกรุน้อย และคราบกรุหนาจับกันเป็นก้อนก็มี) จนกระทั่งทางวัดใหม่อมตรส ได้ติดต่อกรมศิลปากรเข้ามาดูแล และเปิดกรุอย่างเป็นทางการโดยเชิญ พลเอกประภาส จารุเสถียร เป็นประธานในพิธีเปิดกรุเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500 พระที่นำออกมาครั้งนั้น นักนิยมพระสมเด็จเรียกกันว่า “พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุใหม่”

เมื่อนำออกมาคัดแยก คงเหลือพระที่มีสภาพดี สวยงาม เพียง 3000 องค์เศษเท่านั้น ที่เหลือจับกันเป็นก้อน หักชำรุดแทบทั้งสิ้น ลักษณะของวรรณะส่วนใหญ่จะมีคราบกรุค่อนข้างหนา และจับเป็นก้อน ที่สภาพดีจะพบว่าผิวของพระเป็นเกร็ดๆทั่วทั้งองค์ หรือที่เรียกว่าเหนอะ มีคราบไขขาว ฟองเต้าหู้ คราบขี้มอด จะตั้งชื่อหรือเรียกว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ล้วนเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับปูน และเนื้อมวลสารที่เป็นองค์ประกรอบของพระสมเด็จทั้งสิ้น ทั้งสภาพเปียกชึ้น ร้อน เย็น และถูกแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานกับดินโคลนเป็นต้น  แต่แปลกตรงที่ว่า “พระสมเด็จบางขุนพรหม” เมื่อถูกใช้ซักระยะเนื้อจะเริ่มหนึกนุ่ม ใกล้เคียงกับ”พระสมเด็จวัดระฆัง” เป็นอย่างยิ่ง.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พิมพ์นิยม กับ พระสมเด็จบางขุนพรหม

ในเรื่องของทรงพิมพ์ที่เรียกกันว่า พิมพ์นิยม 9 พิมพ์นั้น พิมพ์ที่พบน้อยที่สุดคือ พิมพ์ปรกโพธิ์ กล่าวกันว่ามีไม่ถึง 20 องค์ และที่สำคัญยังพบพิมพ์ไสยาสน์อีกหลายแบบ มีประมาณไม่เกิน 22 องค์ ซึ่งในปัจจุบันหาดูได้ยาก  ในส่วนของกรุพระเจดีย์เล็ก นักเลงพระในยุคนั้น ไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่ปรากฏว่าหลังจากเปิดกรุก็ได้พบพระสมเด็จอยู่มากมาย นับได้เป็นพันองค์ ทรงพิมพ์ที่พบได้แก่ พิมพ์ฐานคู่ พิมพ์ฐานหมอน พิมพ์สามเหลี่ยม(หน้าหมอน) พิมพ์จันทร์ลอย ลักษณะของวรรณะคราบกรุจะไม่มาก จะมีความสวยงามกว่ากรุพระเจดีย์ใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันหาดูได้ยาก เช่นกัน.

พระสมเด็จ พิมพ์ปรกโพธิ์ เนื้อแก่ปูน

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

พระสมเด็จบางขุนพรหม กับ ตราประทับ

หลังจากการเปิดกรุอย่างเป็นทางการ ทางวัดได้ประทับตราที่ด้านหลังขององค์พระ เพื่อป้องกันการปลอม เรีกกันว่า “ตราน้ำหนัก” และจำหน่ายในราคามากพอสมควร แต่ก็หมดลงในเวลาไม่นานนัก ในช่วงเวลาดังกล่าว พระที่ถูกขโมยออกจากกรุไป กลับมาจำนวนมาก โดยที่ประมาณในกรุมีทั้งหมด 84,000องค์ เปิดกรุได้ 3000 เศษ (แต่ให้บูชาได้  2750 องค์ พระหาย) ชำรุดประมาณไม่เกิน 1000 องค์ เท่ากับว่า พระหายออกจากกรุประมาณ 70,000 องค์ และกลับมาในเวลาดังกล่าวส่วนหนึ่ง โดยให้คนเข้าไปในวัดแล้วเช่าพระออกมาดูตราน้ำหนักของวัด แล้วปลอมขึ้น จะได้ขายได้ แล้วก็ขายกันข้างวัดเลย  แต่ก็ดูไม่ยาก คือ พระที่ขโมยออกไปมีสภาพสวย คราบกรุน้อย ปั๊มตราจะเห็นชัด ครบทั้งหมด.

ส่วนพระที่เปิดกรุ ปี 2500 หลังจะไม่สวย คราบกรุเยอะ  ตรายางจะไม่ชัด การสังเกตตรายาง ตรายางสมัยก่อนจะเนื้อแข็ง ปั๊มได้บนพื้นที่ราบเรียบ ดังนั้นบนคราบกรุ หรอรูบ่อน้ำตรา และขี้กรุที่สูงๆต่ำๆ จะไม่ติดชัด(ใช้ไม้บรรทัดวางแนวหาองศาดูได้ ว่าตรายางอยู่บนแนว 180 องศาหรือเปล่า) ถ้าเป็นตรายางสมัยใหม่จะเป็นยางซิลิโคลน จะมีความนุ่ม และจะปั๊มชัดมาก แม้กระทั่งในรูเล็กๆ สีของตรายางเองก็ต้องเปลี่ยนไป เป็นสีน้ำเงินม่วง หรือม่วงอมแดง ต้องไม่ใช่สีน้ำเงิน และไม่ใช่สีฟ้า เพราะผ่านมา 60 กว่าปีแล้ว(ปัจจุบัน พ.ศ.2565) , ส่วนองค์พระนั้น ตอนที่บรรจุกรุอยู่ในหลุมถูกวางเรียงหงายหน้าขึ้น และซ้อนกันหลายชั้น พระจึงมีแรงกดจำนวนมาก และมีความชื้นตั้งแต่แรก ทำให้พระบางองค์ติดกัน และบิดงอไปทางด้านหลังส่วนใหญ่ และทำให้เกิดเนื้อเกินหลังองค์พระ ที่มีอายุเท่ากับองค์พระนั้นเอง(ตอนเปิดกรุพบบางขุนพรหมชำรุดด้านหน้าเป็นจำนวนมาก) และพระอยู่ในกรุ 87 ปี ด้านหลังจะไม่เห็นรอยปาดแล้ว มีแต่คราบเหนอะ คราบกรุเท่านั้น.

จากตรงนี้ผู้เขียนในทรรศนะคติผู้ใดที่ครอบครอง”พระกรุบางขุนพรหม” และพระอยู่ในสภาพสวยมากๆ ต้องพิจารณาให้ดี.

พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระในสกุล พระสมเด็จวัดระฆัง

ดาวนายพัน-ดาวแม่เนื้อหอมฝังพลอย อุดกริ่ง หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว สระบุรี

ดาวแม่เนื้อหอม หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว จ.สระบุรี

ดาวแม่เนื้อหอม หรือ ดาวนายพัน หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว ฝังพลอยเสก ภายในบรรจุกริ่ง หรือเม็ดแร่กันฟ้าผ่า ซึ่งหลวงพ่อ ท่านสร้างขึ้นเพื่อเป็นปริศนาธรรมตามนิมิต โดยด้านหนึ่งเป็นดาวห้าแฉก อันหมายถึงพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ของภัทรกัปป์นี้ และอีกด้านเป็นดาวแปดแฉก อันหมายถึงพระอรหันต์แปดทิศ ที่คุ้มครองทิศทั้งแปด.

ดาวแม่เนื้อหอมเคยสร้างประสบการณ์มากมายแก่ผู้บูชา โดยเฉพาะทางด้านเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ ให้โชคลาภ ค้าขายดีเป็นเลีศ.

หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว จ.สระบุรี

หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว จ.สระบุรี ท่านเป็นพระเกจิที่มีพลังเวทที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ว่ากันว่าท่านสำเร็จอภิญาญาณชั้นสูง สมารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ให้ลูกศิษย์ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ แก่สายตาอยู่บ่อยครั้ง เช่น ไม่ว่าผู้ใดจะขอรับวัตถุมงคลจากหลวงพ่อ ต้องนอนภาวนาเอาวัตถุมงคลกำไว้ในมือ หลวงพ่อจะมอบคาถาให้ท่อง แล้วท่านก็จะนำทรายประมาณหนึ่งกำมือ มาโรยใส่ตาผู้นั้น ระยะห่างจากตาเพียง 7- 8 นิ้วเท่านั้น ทันทีที่ทรายถูกโรยใส่ตา ที่น่าแปลกมหัศจรรย์ คือ ทรายนั้นไม่ว่าจะมีปริมาณมากสักเท่าใด แม้เพียงอณูเม็ดเดียวที่โรยวิ่งตรงมายังดวงตา ของผู้ที่นอนภาวนาอยู่ ก็หาได้เข้าถึงตาไม่ กลับกระเด็นออกไปจนหมดสิ้น เหมือนมีอะไรมาปิดบังตาไว้.

หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว เกจิแห่งเมืองสระบุรี

หลวงพ่อผินะ ท่านสามารถแสดงฤทธิ์อภิญญาได้แตกฉาน ทางด้านมหาเวทวิทยาคมได้อย่างเอกอุ ซึ่งทุกวันจะหายากมากในยุคปัจจุบันนี้.

หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว ท่านเกิดในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2456 ที่บ้านหัวลำโพง อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี

และ ท่านมรณภาพลงเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ณ วัดสนมลาว ม.2 ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี , สิริอายุ 89 ปี .

 คาถาบูชาหลวงพ่อผินะ

จุดธูป 5 ดอก พวงมาลัยดอกมะลิ บุหรี่กรุงทอง

ตั้งนะโม 3 จบ

อะหังสุขะโต ผินะ ปิยะธโร นามะเต อาจาริโยเม

ภันเต โหหิ (3 จบ) อธิษฐานตามใจปรารถนา…

(ท่องต่อด้วย)

พุทธัง กันตัง สะระนัง ฮ่า

พุทธัง กันตัง สะระนัง แฮ่

พุทธา นะโมยะ

คาถาพระสมหวัง ว่า “นะเตสุเต” เท่าอายุ

เที่ยวสุดท้าย ว่า “มหาสุเตนะชา”

ขอได้เลยสำเร็จทุกเรื่องได้ด้วยแรงศรัทธา เมื่อสำเร็จตามที่ขอ ให้ทำบุญอุทิศให้องค์หลวงพ่อ และเทวดาที่รักษาวัตถุมงคลของหลวงพ่อด้วย

ดาวนายพัน ฝังพลอย อุดกริ่ง หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว สระบุรี

พญาเต่าเรือน หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย ขนาดตั้งบูชา สวยเก่าถึงยุค

พญาเต่าเรือน เนื้อหินสบู่เลือด หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย ปี2530

พญาเต่าเรือนของ หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย จ.นครนายก เนื้อหินสบู่เลือด ยุคกลาง ช่วงปี 2530 ท่านดำริให้สร้างจากวัสดุหินอ่อน หรือหินสบู่เลือด ที่มีมากแถวเขาชะโงก จ.นครนายก โดยหลวงปู่ กำหนดพิมพ์ที่ช่างต้องแกะมาส่ง มีสองแบบเป็นขนาดตั้งบูชา และขนาดห้อยคอ ซึ่งท่านจะเรียกพิมพ์ของท่านว่า “พิมพ์ขาผุบ” และ “พิมพ์ขาตั้ง” พร้อมถาดรองวาง โดยมีพระเลขาคอยตรวจสอบ งานที่เหล่าบรรดาช่างแกะนำมาส่งไว้ที่วัด  ซึ่งในขณะนั้นมีพระริน หลวงพ่อใช้ พระมิตร คุณเด่น เป็นคนจารอักขระเลขยันต์ลงบนตัวเต่าหิน จารตามที่หลวงปู่บอก ซึ่งในยุคก่อนปี 2535 นั้นเครื่องมือยังไม่ทันสมัยจึงใช้เหล็กจาร จารเต่าหินกัน อักขระเลขยันต์ จะเป็นเส้นบางไม่ค่อยลึก หลังปี 2535 จึงได้มีการนำเครื่องจารเข้ามาใช้ในการจาร.

พญาเต่าเรือน เนื้อหินสบู่เลือด หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย

พญาเต่าเรือน เนื้อหินสบู่เลือด หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย

พุทธคุณพญาเต่าเรือน 

พญาเต่าเรือนของหลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย จะเด่นทางด้านให้โชคลาภ ค้าขายดี ช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง.

คาถาบูชาพญาเต่าเรือน

นาสังสิโม  สังสิโมนา  สิโมนาสัง  โนาสังสิ

ภวนา 3 จบ หรือ 7 จบ , ให้บูชาตอนเช้า และ ก่อนนอน ทุกวัน.

ตำนานพญาเต่าเรือน หลวงพ่อสนิท

พญาเต่าเรือน เนื้อหินสบู่เลือด หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย เป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคล ที่หลวงพ่อท่านได้สร้างขึ้นตามแบบโบราณ ท่านเมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสก ด้วยอันเชิญพระพุทธบารมีลงมาประดิษฐาน ในพญาเต่าเรือน ในวันที่หลวงปู่ทำพิธีบริกรรมคาถาเสกพญาเต่าเรือนนั้น เกิดมีปรากฏการปราฏิหาริย์เกี่ยวกับเต่ามาแล้ว คือ ผู้ที่ร่วมพิธีได้พบเห็นเต่าเดินขึ้นมาจากบึงนับร้อยตัว มาล้อมที่ศาลากลางน้ำ ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเล่าว่า ท่านเสกจนพญาเต่าหินขยับตัวได้ ราวกับมีชีวิต.

 

พระกริ่งอุปคุต วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ปี 2512

พระกริ่งอุปคุต วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ปี 2512 

พระกริ่งอุปคุต ของวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จ.เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2512 เป็นของหายากมากในทุกวันนี้ ,  พิธีพุทธาภิเษกขลังมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(ร.9) ทรงเสด็จเป็นประธานในพิธีเททอง พิธีใหญ่ เจตนาการจัดสร้างดี พุทธาภิเษกพิธีเดียวกันกับพระกริ่งนเรศวร เมืองงาย , พระร่วงรางปืน , พระกริ่งชัยวัฒน์นเรศวร และเหรียญพระนเรศวร อันโด่งดัง พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงยุคนั้นเข้าร่วมพิธีปลุกเสกมากมายอาทิ หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน-จันดี นครศรีธรรมราช , หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเพทฯ , หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยานิมิตร กรุงเพทฯ , หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา , หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู จ.ลพบุรี , หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน จ.ลำปาง , ครูบาวัง วัดบ้านเด่น จ.ตาก , หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิรา จ.พระนครศรีอยุธยา , หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง จ.พิจิตร , พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี , หลวงพ่อนอ วัดท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา , หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน จ.พัทลุง , พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง และอื่นๆ

สนใจสอบถาม :

LINE ID : 0613608638

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม10

กุมารดูดรก ผงพรายกุมารเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ปีพ.ศ.2480

หลวงพ่อแช่ม ท่านเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก พระผู้มีวิชาอาคมเข้มขลัง เป็นที่นับถือของคนทั่วไป , หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัวยุคเก่า ที่ชาวนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียงจำนวนมากให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง.

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

หลวงพ่อแช่ม ท่านใช้คาถาปลุกเสกกุมารดูดรกตอนอยู่ในครรภ์มารดา เสมือนเด็กที่มีกินสุขสบายในท้องผู้เป็นแม่ พุทธคุณเด่นในเรื่องช่วยทำมาหากินคล่อง มีโชค มีลาภ ไม่มีอด เป็นเมตตามหานิยมแก่ผู้พบเห็น และช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันอันตรายได้ดีเยี่ยม.

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ท่านเป็นหนึ่งในอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการสร้างกุมารให้กับ หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จ.นครปฐม ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของท่านเอง.

หลวงพ่อแช่มท่านถ่ายทอดพื้นฐานความรู้เรื่องบทสวดมนต์ และคาถาอาคมให้ท่องจำ สอนอ่าน เขียน อักขระขอม เพื่อปูทางไปสู่การเรียนคำภีร์อื่นๆโดยเฉพาะการสร้างกุมารทองนั้น หลวงพ่อเต๋ ก็ได้วิชามาจาก หลวงพ่อแช่ม จนกุมารของหลวงพ่อเต๋ ได้สร้างประสบการณ์มากมาย จนโด่งดังเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ.

หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

วัดถุมงคลของหลวงพ่อแช่ม ที่ท่านสร้างและปลุกเสกนั้น ไม่ว่าจะเป็นอะไร ก็ล้วนมีประสบการณ์แก่ผู้มีไว้ติดตัวอย่างกว้างขวาง เนื่องจากท่านเป็นผู้มีอาคมกล้าแก่ง และท่านยังมีอำนาจทางพลังจิตสูงอีกด้วย.

เล่าขานกันว่า หลวงพ่อแช่ม ท่านสำเร็จวิชากสิณ ซึ่งผู้ใดที่สำเร็จกสิณจะสามารถแสดงฤทธิ์ได้แบบที่คนธรรมดาทำไม่ได้ ในเรื่องของวิชาอาคม ไสยศาสตร์นี้ ถ้าปราศจากพลังอำนาจทางจิต การนำเอาวิชาอาคม หรือไสยศาสตร์มาใช้ก็ไม่ได้ผล  แต่สำหรับผู้ที่มีพลังอำนาจจิตกล้าแกร่งแล้ว จะสามารถใช้วิชาเหล่านี้ได้ผล ศักดิ์สิทธิ์ตามตำราที่บันทึกไว้จริงๆ.

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

คาถาบูชากุมารดูดรก หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง

ตั้ง นะโม 3 จบ :

โสสะอะนิ  สะอะนิโน  เอหิตาตะ  ปุเรถะมะมะ  ปาระมิง  หะทะยังเมภิ  สันเจถะกะโรถะ  วะจะนังมะมะ

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

กุมารดูดรก ผงพรายกุมาร เนื้อดินเจ็ดป่าช้า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี เนื้อผงใบลาน พิมพ์เล็ก วัดปราสาทบุญญาวาส จ.กรุงเทพฯ ปี 2506

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี เนื้อผงใบลาน

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี เนื้อผงใบลาน พิมพ์เล็ก วัดปราสาทบุญญาวาส จ.กรุงเทพฯ ปี 2506 สุดยอดพิธีและมวลสาร เกจิแห่งยุคของเมืองไทยร่วมปลุกเสกเป็นจำนวนมาก วัตถุมงคลของวัดปราสาทบุญญาวาส เป็นที่ยอมรับจากวงการนักสะสมอย่างกว้างขวาง

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี เนื้อผงใบลาน พิมพ์เล็ก วัดปราสาทบุญญาวาส จ.กรุงเทพฯ ปี 2506

มวลสารสำคัญในการจัดสร้างพระชุดนี้

– ผงสมเด็จบางขุนพรหม โดยพระครูบริหารคณาวัตร รองเจ้าอาวาสมอบให้

– ผงพระหักสมเด็จพุฒจารย์โต

– ผงพระหักสมเด็จปิลันท์ ซึ่งพบในเจดีย์วัดเทพากร

– ผงพระเครื่องของขวัญวัดปากน้ำ หลวงพ่อสด มอบให้วัดปราสาทฯ เมื่อปี พ.ศ.2497

– ผงพระหักกรุลำพูน

– ผงพระกรุวัดพลับ

– ผงพระหลวงพ่อโอภาสี เป็นต้น

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี ออกวัดปราสาทฯ เนื้อผงใบลาน

พระที่เข้าร่วมพิธีปลุกเสก รวบรวมได้บางส่วนดังนี้

อาจารย์ทิม วัดช้างให้ , พ่อท่านค้าย วัดสวนขัน , หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ , หลวงพ่อน้อย และอาจารย์นำ วัดธรรมศาลา , หลวงพ่อใจ และหลวงพ่อพล วัดวังยายหุ่น , หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี , หลวงพ่อแดง วัดเขาบันใดอิฐ , หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ , หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม , หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม , หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค , หลวงพ่อทบ วัดชนแดน , หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ , หลวงพ่อเขียว วัดหรงบล , หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก , หลวงปู่ดู่ และหลวงปู่สี วัดสะแก , หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง , หลวงปู่นาค และหลวงปู่หิน วัดระฆังฯ , หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว , หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยา , หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ , หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม , หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง , หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน , หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง , หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว , หลวงพ่อครื้น วัดฆังโฆ , หลวงพ่อแช่ม วัดนวลนรดิศ , หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ , หลวงพ่อผล วัดเทียนดัด , หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม , หลวงชื้น วัดญาณเสน , หลวงพ่อสุด วัดกาหลง , หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี , หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง , หลวงพ่อแก้ว วัดช่องลม , หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว , หลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะอง , หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธินิมิตร , เจ้าคุณเจีย วัดโพธิ์ , เจ้าคุณประหยัด วัดสุทัศน์ , หลวงพ่อดี วัดเหนือ , หลวงพ่อแขก วัดหัวเขา , หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด , หลวงพ่อทอวสุข วัดสะพานสูง , หลวงพ่อมิ่ง วัดกก , หลวงปู่เฮี้ยง วัดป่า , หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม , หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ , หลวงปู่เทียม วัดษัตราธิราช , หลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง , หลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน , หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ , หลวงปู่นิล วัดครบุรี , หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรี ฯลฯ…

รายนามแต่ละท่านก็สุดยอดแล้ว หายากที่จะมีพระเครื่องพิธีใหญ่ และเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทม์ มากด้วยวิชาอาคมที่เข้มขลังเข้าร่วมมากมายแบบนี้ในปัจจุบัน จึงควรค่าแก่การสะสมบูชายิ่งนัก.

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี ออกวัดปราสาท เนื้อผงใบลาน

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี ออกวัดปราสาทฯ เนื้อผงใบลาน

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี ออกวัดปราสาทฯ เนื้อผงใบลาน

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี ออกวัดปราสาทฯ เนื้อผงใบลาน 2506

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี ออกวัดปราสาทฯ เนื้อผงใบลาน 2506

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี ออกวัดปราสาทฯ เนื้อผงใบลาน 2506

พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อโอภาสี ออกวัดปราสาทฯ เนื้อผงใบลาน 2506

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชค รับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ

วัวธนูมหาลาภ รุ่นมหาโชครับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ

วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชครับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ อธิษฐานจิตปลุกเสก , โคอุสุภราช ถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสัตว์สี่เท้า การที่มีไว้บูชานั้น จะช่วยดลบันดาลให้แก่ผู้บูชาได้รับเมตตา มหานิยม ดลบันดาลโชคลาภ ทรัพย์สินเพิ่มพูน มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต และยังช่วยปกป้องคุ้มครองจากภัยอันตราย คุณไสยมนต์ดำ ภูตผีวิญญานร้าย ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัย วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชค รับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ มีคุณวิเศษถรอบจักรวาลเลยก็ว่าได้.

คาถาอาราธนา

” โอมโคโน มหาโคโน โอมสทธิสวาหะ “

วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชค รับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ

วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชค รับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ

วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชค รับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ

วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชค รับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ

วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชค รับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ

วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชค รับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ

วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชค รับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ

วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชค รับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ

วัวธนูมหาลาภ(โคอุสุภราช) รุ่นมหาโชค รับทรัพย์ หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด

ตะกรุดเป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่ถูกสร้างขึ้นโดยอ้างถึงพุทธคุณ และทำมาจากวัสดุต่างๆ ตามตำราของครูอาจารย์แต่ละท่าน ตะกรุดได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะเชื่อกันว่าตะกรุดสามารถปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายให้แคล้วคลาด คงกระพัน รวมทั้งเรื่องโชคลาภ เมตตามหานิยม มีความโชคดีทั้งหลายทั้งปวง.

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ในปัจจุบันนั้น ตะกรุดถูกนำมาผสานเข้ากับการออกแบบที่สวยงาม โดดเด่นจนกลายเป็นเครื่องประดับที่แฝงพุทธคุณไว้อย่างลงตัว นั่นจึงทำให้ตะกรุดได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แม้ในหมู่คนดังและผู้ที่นิยมชมชอบทุกเพศทุกวัย.

ตะกรุดคือเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง เปรียบเสมือนวัตถุมงคลทำจากวัสดุง่ายๆ ตามพื้นถิ่น สร้างโดยเกจิอาจารย์ท่านนั้นๆ เพื่อมอบให้ลูกศิษย์ หรือว่าลูกศิษย์นำโลหะหรือของพื้นถิ่น อาทิ เงิน ทอง ตะกั่ว ทองแดง ทองเหลือง ฯลฯ มาให้เกจิอาจารย์ทำการลงอักขระยันต์ แล้วปลุกเสกนำมาแจกให้ลูกศิษย์พกติดตัวเพื่อเป็นมงคล จึงเป็นที่มาของตะกรุดต่างๆ ของแต่ละอาจารย์ แต่วิวัฒนาการสมัยนี้หากเกจิอาจารย์หรือวัดใดจะสร้าง ก็สามารถสั่งโรงงานได้ง่ายๆ มีโหละหาได้ง่าย สร้างแม่พิมพ์ขึ้นมาเป็นเลขยันต์ปั๊ม เพราะฉะนั้นการทำตะกรุดในปัจจุบันจะทันสมัยมากขึ้น.

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

 

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

ตะกรุด - เครื่องรางของขลัง

สุดยอด เครื่องรางของขลัง พร้อมอิทธิปฏิหาริย์ที่ได้รับการกล่าวขานถึง คือ ผู้ใดได้บูชา ย่อมเป็นสิริมงคล นำความสำเร็จ ร่ำรวย รุ่งเรือง สู่ชีวิต.

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ปี 43

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ 108 รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ปี 43 พิธีพุทธาภิเษก 5 วาระดังนี้ :

– ทำพิธีวัดป่าหนองหล่ม จ.สระแก้ว เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2543.

– พิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถ วัดสุทัศน์ 16 มีนาคม 2543 มีหลวงปู่ลมัย หลวงพ่อเพียน ร่วมปลุกเสกด้วย.

– พิธี ณ วัดสุทัศน์ วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2543.

– พิธีเสาร์ 5 ณ วัดป่าหนองหล่ม 8 เมษายน 2543 หลวงปู่หมุน เป็นประธานในพิธีร่วมกับ หลวงปู่ถอง อายุ 102 ปี , หลวงปู่ลมัย อายุ 101 ปี , หลวงพ่ออิน ศิษย์เอกหลวงพ่อเอีย หลวงปู่สรวง นักบุญแห่งบ้านสายลม จ.บุรีรัมย์ ร่วมอธิษฐานจิตตั้งกสิณไฟ ปลุกเสกในเวลาตี 3 กว่าด้วย.

– พิธี ณ วัดซับลำไย ในวันที่ 9 เมษายน 2543 โดยหลวงปู่หมุน อธิษฐานจิตตั้งธาตุ หนุนธาตุ ชักยันต์ ครอบมณฑนพิธีอย่างตั้งใจ.

ผู้ใดได้ครอบครองมีไว้จักเป็นสิริมงคล พุทธคุณเหลือล้น เป็นเมตตามหานิยม ค้าขายดีมีโชคลาภ คงกระพัน แคล้วคลาด ช่วยปัดเป่าสิ่งอัปมงคล แล้วแต่จะอารธนาใช้ ของดีมีน้อย หายาก ติดบ้านติดรถติดตัวไว้ ดีนักแล.

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

สร้อยประคำเหล็กน้ำพี้ รุ่นเสาร์ 5 มหาเศรษฐี หลวงปู่หมุน

หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

 

หุ่นพยนต์แบบสาน อาจารย์ปี่ วัดโพธิ์เงินสุวรรณ

อาจารย์ปี่ หรือ อาจารย์สมาน แจ้งเจริญ ปัจจุบันท่านอายุ 76 ปี (พ.ศ.2563) ท่านเป็นศิษย์ของอาจารย์ลอย โพธิ์เงิน ฆราวาสจอมขมังเวทแห่งเมืองกรุงเก่าเจ้าของหุ่นพยนต์ที่เล่นหาค่านิยมสูงมาก  อาจารย์ปี่ผู้เป็นศิษย์สืบทอดวิชาหุ่นพยนต์เรืองฤทธิ์จากอาจารย์ลอย  เดิมทีอาจารย์ปี่ ท่านเป็นลูกเกษตรในเมืองกรุงเก่า บิดาของท่านเป็นเพื่อนสนิทกับอาจารย์ลอย โพธิ์เงิน ซึ่งพ่อของท่านได้นำลูกชายไปฝากไว้กับอาจารย์ลอย แพของอาจารย์ผูกอยู่หน้าวัดพนัญเชิง หรือที่เรียกกันว่า วัดจีน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าวิชาอาคมมีจริงหรือไม่ สมัยเป็นเด็กอาจารย์ปี่จึงได้แอบดูและแอบฟังอาจารย์ลอยสวดมนต์ท่องคาถาผูกหุ่นพยนต์มานานกว่า10ปี และได้เห็นวิชามายาศาสตร์ในขณะที่แอบดู อาจารย์ลอยท่านเสกผ้าขาวม้าให้เป็นงู ยังความอัศจรรย์ให้เกิดขึ้น ในที่สุดอาจารย์ลอยได้ถ่ายทอดวิชาทำหุ่นพยนต์ การรักษาโรค การถอนคุณไสย เสกน้ำมนต์ให้คลอดลูกง่าย วิชามหาเสน่ห์ให้อาจารย์ปี่ โดยอาจารย์ปี่ ได้รับการครอบครูครอบวิชาจากอาจารย์ลอย  อาจารย์ลอยท่านเมตตาอาจารย์ปี่ในฐานะศิษย์รับใช้ใกล้ชิด.

หุ่นพยนต์อาจารย์ปี่ วัดโพธิ์เงินสุวรรณ

หุ่นพยนต์สานอาจารย์ปี

การทำหุ่นพยนต์ของอาจารย์ปี่ ท่านทำหุ่นพยนต์มีความแตกต่างจากครูอาจารย์ของท่านอย่างเห็นได้ชัด การทำหุ่นแบบเดิมเริ่มจากเจาะแผ่นสังกะสี หรือฝากระป๋องนมให้เป็นรู และสอดตอกเข้าไป ดึงรูดออกมาให้คมของรูกระป๋องนม หรือสังกะสี รูดบังคับให้ตอกหรือไม้มีขนาดเท่ากันทั้งเส้น เมื่อนำตอกที่ผ่านกรรมวิธี รูดผ่านรูสังกะสีที่ว่านั้นมาสานเป็นหุ่น แนวสานตามขวางทุกๆแนวต้องมีขนาดเท่ากันทั้งเส้น วัสดุที่ผ่านการรูดนี้ จะมีลักษณะมนน้อยๆ เมื่อได้รูปปั้นตามต้องการแล้วก็นำมาประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ เรียกว่า “ผูกหุ่นพยนต์” คือการเอารูปหุ่นที่ได้แล้วมาเป่าเสกคาถา ปลุกด้วยคาถาหมวดนิพพานสูตร ให้ภูตสิงสถิตยังหุ่นพยนต์ ปลุกเสกเสร็จแล้วจะมีวิธีการเลี้ยงรักษาและอธิษฐานใช้หุ่นพยนต์.

หุ่นพยนต์อาจารย์ปี่ วัดโพธิ์เงินสุวรรณ

อานุภาพหุ่นพยนต์

พยนต์ แปลว่า สิ่งที่ผู้ทรงวิทยาคมปลุกเสกให้มีชีวิตขึ้น เช่น หุ่นพยนต์ เป็นรูปหุ่นจำลองของคน สัตว์ เทวดา ยักษ์ หรือภูตต่างๆ โดยอาศัยรูปแบบของหุ่นให้แสดงออกซึ่งลักษณะของสิ่งนั้นๆ ตามความต้องการ ส่วนอานุภาพของหุ่นพยนต์นั้นดีทางด้านเมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวย ขอสิ่งใดๆ(ไม่เกินกรรม)ก็มักสมปรารถนาเสมอ เสมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวคอยคุ้มครองเรา เวลารู้สึกมีภัยใกล้ตัว เรายังสามารถนึกถึงหุ่นพยนต์เหมือนเป็นมิตรให้ยามยาก และยังช่วยในเรื่องป้องกันภูตผีปีศาจ คุณไสยทั้งปวงได้อีกด้วย.

หุ่นพยนต์อาจารย์ปี่ วัดโพธิ์เงินสุวรรณ

หุ่นพยนต์อาจารย์ปี่ วัดโพธิ์เงินสุวรรณ

หุ่นพยนต์อาจารย์ปี่ วัดโพธิ์เงินสุวรรณ

หุ่นพยนต์อาจารย์ปี่ วัดโพธิ์เงินสุวรรณ

หุ่นพยนต์อาจารย์ปี่ วัดโพธิ์เงินสุวรรณ ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดอาจารย์ลอยจอมฆมังเวท

หุ่นพยนต์อาจารย์ปี่ วัดโพธิ์เงินสุวรรณ ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดอาจารย์ลอยจอมฆมังเวท

หุ่นพยนต์อาจารย์ปี่

หุ่นพยนต์อาจารย์ปี่

สนใจสอบถาม LINE ID : 0613608638

 

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมานไม้แกะ หน้ากระบี่ หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น แห่งวัดศาลากุน ขึ้นชื่อเรื่องอิทธิฤทธิ์แรงกล้าเข้มขลัง มาเป็นเวลายาวนาน จัดอยู่ในทำเนียบสุดยอดเครื่องรางระดับเบญจภาคี คู่เคียงมากับเสือ หลวงพ่อปาน จนมีคำกล่างคล้องจองกันว่า “เสือ หลวงพ่อปาน หนุมานหลวงพ่อสุ่น”

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมานเป็นทหารเอกของพระราม มีฤทธิ์เดชมาก มีกำลังวังชามหาศาล คล่องแคล่วว่องไว มีมนต์เสน่ห์มหานิยมสูงส่ง เมื่อหลวงพ่อสุ่นจัดสร้างและปลุกเสกด้วยพระเวทย์อาคม จึงยิ่งทรงอานุภาพเข้มขลัง ” มีคุณวิเศษทางป้องกันศาสตราวุธต่างๆ อยู่ยงคงกระพัน อำนวยโชคลาภ ก่อเกิดเมตตมหานิยม ติดต่องานสำเร็จรวดเร็ว ทำกิจการเจริญก้าวหน้ามั่นคง สามารถเอาชนะอุปสรรคนานัปการ ”

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น แกะสลักจากไม้และงาช้าง องค์ที่แกะจากไม้เป็นหนุมานยุคแรกๆ ไม้ที่ใช้แกะเป็นรากไม้พุดซ้อนและรากไม้รัก ซึ่งหลวงพ่อสุ่นนำทั้งสองต้นมาปลูกตั้งแต่เพิ่งมาอยู่วัดศาลากุน ท่านเสกน้ำมนต์รดน้ำจนเติบใหญ่ ค่อยนำมาแกะขึ้นรูปเป็นหนุมาน  และองค์ที่แกะจากงาช้างมีจำนวนน้อยกว่า

หลวงพ่อสุ่นปลุกเสกหนุมานแจกหลายวาระ แต่ครั้งสำคัญที่มีผู้จำได้ 2 ครั้งคือ ปี 2468 และ ปี 2470 ทั้งสองครั้งประมาณหลักหลายร้อยตัว.

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น จุดสังเกตของเก่าแท้

หนุมานแกะสลักขึ้นด้วยมือ รายละเอียดแต่ละองค์จึงไม่เหมือนกัน แต่มีเค้าโครงแบบพิมพ์ที่คล้ายกัน คือ หนุมานนั่งยอง มือกุมเข่าทั้งสองข้าง อ้าปากเห็นลิ้น หางม้วนรอบฐาน ส่วนใหญ่มีขนาดสูงประมาณ 1 นิ้วเศษ งานแกะฝีมือช่างชั้นครู สัดส่วนทรวดทรงสวยงามได้รูป การลงมีดเจาะเฉาะตามซอกลึกมีเหลี่ยมมุมงดงาม ต่างจากของปลอมที่ฝีมือหยาบ สัดส่วนรูปทรงบิดเบี้ยวไม่งาม รอยขูดเกลาผิวมักหยาบไม่เรียบร้อย การเก็บงานในซอกเล็กไม่ประณีตเท่าของแท้.

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมาน หลวงพ่อสุ่นมี2พิมพ์หลัก 

– พิมพ์หน้าโขน แต่งองค์ด้วยเครื่องทรงรายละเอียดวิจิตรงดงามแบบโขนรามเกียรติ์ รูปแบบหนุมานนั่งยอง มือกุมเข่า อ้าปากเห็นลิ้น หางม้วนรอบฐาน

– พิมพ์กระบี่ ศิลปเรียบง่ายคลาสสิค รอบคอมีกรองศอ หรือ เกราะคอ ด้านหลังมีผ้าห้อยปิดต้นขา รูปแบบหนุมานนั่งยอง มือกุมเข่า อ้าปากเห็นลิ้น หางม้วนรอบฐาน.

นอกจากนี้ยังมีพิมพ์พิเศษ เช่น พิมพ์นั่งพนมมือ พิมพ์ยืนพนมมือ แต่มีจำนวนน้อย

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

การปลุกเสกหนุมานหลวงพ่อสุ่น

การปลุกเสกหนุมานของหลวงพ่อสุ่นนั้น ท่านรวบรวมหนุมานใส่ไว้ในบาตร นำเข้าไปปลุกเสกในโบสถ์ ปลุกเสกตั้งแต่ค่ำจนย่ำรุ่ง กล่าวกันว่า “ท่านปลุกเสกจนหนุมานกระโดดได้ก่อนจะนำออกแจก”

หนุมานหลวงพ่อสุ่นมีความเก่าถึงปัจจุบันร่วม 100 ปีเข้าไปแล้ว เนื้อไม้ที่แกะเป็นรูปหนุมานจึงแห้งเก่าเป็นพิเศษ ไม่เหลือความชื้นในเนื้อไม้ ตัวหนุมานแห้งเบา อาจมีสีเข้มบริเวณจุดสำผัส

ส่วนองค์ที่แกะจากงานั้น เนื้องาจะแห้งนวลเนียนเป็นธรรมชาติ บริเวณจุดสำผัสเป็นมันฉ่ำ บางตัวอาจมีคราบสีเข้มในซอก และมีรอยแตกเป็นริ้วเล็กๆ เนื่องจากงาแห้งหดรัดตัวปรากฏให้เห็น.

หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน