พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 กำเนิดความสำคัญ และมรดกทางวัฒนธรรม
พระเครื่องไทยถือเป็นวัตถุมงคลที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมอย่างยิ่งในประเทศไทย โดยมักเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาและเป็นที่เชื่อกันว่าสามารถนำมาซึ่งพรและปกป้องคุ้มครอง ผู้บูชา พระเครื่องเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของวัด และผู้ศรัทธามักได้รับมอบพระเครื่องเป็น “ของขวัญ” หลังจากการบริจาคทรัพย์สินหรือถวายสิ่งของแด่วัด ต่อมา พระเครื่องเหล่านี้ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงของขวัญ แต่เป็นพระเครื่องที่เชื่อว่าจะช่วยเสริมสิริมงคลในด้านต่างๆ ของชีวิต นอกจากนี้ ยังมีประเพณีการบรรจุพระเครื่องไว้ใต้สถูปหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ภายในวัดระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งเมื่อสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นทรุดโทรมลง ก็อาจพบพระเครื่องที่มีอายุหลายศตวรรษ ฉนั้นพระเครื่องจึงมิได้เป็นเพียงวัตถุมงคล แต่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และความเชื่อทางศาสนาที่สืบทอดกันมา
ในบรรดาพระเครื่องมากมายหลากหลายประเภท “พระสมเด็จ” ถือเป็นหนึ่งในประเภทที่ได้รับการยกย่องและเคารพอย่างสูง โดยได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งพระเครื่อง” พระเครื่องสกุลนี้มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ซึ่งเป็นพระภิกษุผู้ทรงอิทธิพลและเป็นที่เคารพอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในประเทศไทย พระสมเด็จจึงมิได้เป็นเพียงวัตถุบูชา แต่เป็นตัวแทนของเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่ผสานรวมกับศรัทธา ศิลปะ และมรดกของหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการเคารพมากที่สุดในประวัติศาสตร์พุทธศาสนาไทย
พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554
พระสมเด็จ” เป็นพระเครื่องไทยที่ได้รับการยกย่องและมีอานุภาพสูง โดยเป็นที่นิยมสุดยอดแห่งวงการสะสมพระเครื่อง พระเครื่องเหล่านี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตารามในช่วงศตวรรษที่ 19
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) หรือที่รู้จักกันในนาม สมเด็จโต เกิดเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2331 และมรณภาพเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2415 ท่านเป็นพระภิกษุที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างยิ่งในสมัยรัตนโกสินทร์ และยังคงเป็นพระภิกษุที่ได้รับการเคารพนับถือเป็นอย่างสูงและรู้จักกันอย่างกว้างขวางที่สุดในประเทศไทย ท่านเป็นที่เลื่องลือในด้านอิทธิฤทธิ์และพระเครื่องของท่านก็เป็นที่ต้องการอย่างมากแก่เซียนพระ,ประชาชนทั่วไป และยังโด่งดังไกลไปถึงต่างประเทศอีกด้วย
ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) กับราชวงศ์ไทยมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับสถานะของท่านและความเคารพนับถือพระเครื่องของท่าน หลายแหล่งกล่าวถึงความเชื่อมโยงของท่านกับพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) และบทบาทของท่านในการเป็นพระอาจารย์และที่ปรึกษาของเจ้าฟ้ามงกุฎ (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4) การอุปถัมภ์ของราชวงศ์ได้เสริมสร้างความน่าเชื่อถือและเกียรติยศอย่างมากให้กับทั้งตัวพระภิกษุและวัตถุมงคลที่ท่านสร้างสรรค์
พระเครื่องพระสมเด็จเป็นที่เชื่อกันอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้ศรัทธาว่ามีอานุภาพทางจิตวิญญาณ สามารถประทานพร ปกป้องคุ้มครองจากภยันตรายต่างๆ และเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรือง ความเชื่อในอานุภาพเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีรากฐานมาจากการเล่าขานถึงชีวิตและวัตรปฏิบัติอันงดงามของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) การเน้นย้ำถึงทักษะการทำสมาธิ ความสามารถในการเทศนา และความรู้แตกฉานในพระธรรมวินัย ได้สร้างเรื่องราวของพระภิกษุผู้ทรงคุณธรรมและความรู้ ทำให้ผู้คนเชื่อมั่นในพลังศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ในพระเครื่องของท่าน
มวลสารที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ทรงใช้ในการสร้างพระเครื่องในยุคแรกนั้นมีหลากหลาย เช่น ผงเปลือกหอย ผงปูนขาว ผงวิเศษ และอื่นๆ การระบุถึงมวลสารเหล่านี้เป็นการสร้างความเชื่อมโยงที่เป็นรูปธรรมระหว่างพระเครื่องในยุคอดีตและยุคปัจจุบัน ทำให้ผู้คนเชื่อมั่นในสายธารแห่งประเพณี และความศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมา ด้วยเหตุนี้ พระสมเด็จวัดระฆังที่สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) จึงมีมูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสม
พระสมเด็จ วัดระฆังฯ รุ่นแรก แจกทาน 2554
คำว่า “พระสมเด็จ” บ่งชี้ถึงประเภทของพระเครื่องที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) , “วัดระฆัง” ระบุถึงวัดระฆังโฆสิตารามในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)
ส่วนต่อท้าย “แจกทาน” หมายถึง “การให้ทาน” หรือ “การแจกจ่าย” ซึ่งสื่อถึงเจตนาอันเป็นกุศลในการสร้างพระเครื่องชุดนี้ ซื่งบ่งบอกว่าพระเครื่องถูกสร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้บริจาคที่ร่วมสนับสนุนกิจกรรมการกุศลหรือโครงการต่างๆ ของวัด หรืออาจเป็นการรำลึกถึงการกระทำอันเป็นกุศลที่เกี่ยวข้องกับวัดหรือพระสงฆ์ผู้สร้าง การที่ใช้ชื่อว่า “แจกทาน” ไม่เพียงแต่แสดงถึงวัตถุประสงค์อันเป็นกุศลมงคลยิ่ง แต่ยังอาจเป็นการเพิ่มพูนบุญกุศลให้กับพระเครื่ององค์นี้ เนื่องจากในพระพุทธศาสนา การให้ทานถือเป็นหนึ่งในคุณธรรมที่สำคัญ
“รุ่นแรก” บ่งชี้ว่าพระเครื่ององค์นี้เป็นพระเครื่องรุ่นแรก ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบหรือออกแบบพิมพ์เฉพาะนี้ในปีพุทธศักราช 2554 ซึ่งตรงกับปีคริสต์ศักราช 2011 สถานะ “รุ่นแรก” มักจะเพิ่มคุณค่าและความน่าสนใจให้กับพระเครื่องในหมู่นักสะสม เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นของชุดพระเครื่องนั้นๆ การระบุว่าเป็นรุ่นแรกสำหรับปี พ.ศ. 2554 ยังเป็นการตอกย้ำถึงความพิเศษและความเป็นเอกลักษณ์ของพระเครื่ององค์นี้ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของพระเครื่องรุ่นดังกล่าว
วัดระฆังโฆสิตาราม
วัดระฆังฯ ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยเดิมมีชื่อว่าวัดบางหว้าใหญ่ วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะและยกฐานะเป็นพระอารามหลวงในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการค้นพบระฆังเสียงไพเราะในเขตวัด พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงโปรดเกล้าฯ ให้นำระฆังนั้นไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระราชทานระฆังใหม่ห้าใบมาแทน พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดระฆังโฆสิตาราม
วัดระฆังโฆสิตารามมีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นวัดที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสในช่วงปี พ.ศ. 2395 ถึง 2415 ช่วงเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสถือเป็นยุคทองของวัด และเป็นช่วงเวลาที่พระเครื่องพระสมเด็จเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง การที่วัดระฆังมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของประเพณีการสร้างพระสมเด็จ และเป็นแหล่งที่ผู้คนเชื่อมั่นว่าเป็นแหล่งกำเนิดของพระสมเด็จแท้ที่มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์
การปลุกเสกภายใต้การนำของพระธรรมธีรราชมหามุนี (เจ้าคุณเที่ยง)
การสร้างพระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 ได้รับการริเริ่มและดำเนินการโดยพระธรรมธีรราชมหามุนี (พระธรรมธีรราชมหามุนี) หรือที่รู้จักกันในนาม “เจ้าคุณเที่ยง” ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามในขณะนั้น บทบาทของท่านในฐานะผู้ริเริ่มหลัก (“ประธานจัดสร้าง“) เน้นย้ำถึงความสำคัญและการรับรองอย่างเป็นทางการของพระเครื่องรุ่นนี้โดยวัดที่มีชื่อเสียง
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและเพิ่มพลังความศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระเครื่องรุ่นนี้ เจ้าคุณเที่ยงได้ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญภาวนาอย่างเคร่งครัดเป็นเวลา9 วัน 9 คืน ภายในกุฏิของท่าน ระยะเวลาอันยาวนานของการปฏิบัติธรรมนี้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและความเพียรพยายามทางจิตวิญญาณที่ท่านได้อุทิศให้กับการปลุกเสกพระเครื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรจุพลังศักดิ์สิทธิ์อันเข้มขลัง (บารมี) ไว้ในพระเครื่อง การปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้นของเจ้าอาวาสเป็นเครื่องยืนยันถึงความตั้งใจจริงของวัดในการสร้างพระเครื่องที่มีคุณภาพและเปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ
การอัญเชิญบารมีพระสงฆ์ผู้ทรงคุณ
พิธีปลุกเสก พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 ได้จัดขึ้นภายในวิหาร ที่ประดิษฐานรูปเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ณ วัดระฆังโฆสิตาราม สถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่งเนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับอดีตเจ้าอาวาสผู้เป็นที่เคารพสูงสุดของวัด ภายในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ประดิษฐานรูปเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เอง พร้อมด้วยรูปเหมือนของหม่อมเจ้าพระพุทธุปบาทปิลันทน์ และสมเด็จพระโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ)
การอัญเชิญบารมีและอิทธิพลทางจิตวิญญาณของบุคคลผู้ทรงคุณเหล่านี้จากประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาไทยถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สำคัญในการสร้างพระเครื่องไทย เชื่อกันว่าการกระทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มความเข้มขลังพลังศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องผ่านบุญบารมีและปัญญาที่สั่งสมมาของท่านเหล่านั้น (พุทธคุณ) การเลือกวิหารของสมเด็จโตเป็นสถานที่ประกอบพิธีและการอัญเชิญบารมีของพระสงฆ์ผู้ทรงคุณในอดีต แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะเชื่อมโยงพระเครื่องรุ่นใหม่นี้เข้ากับพลังทางจิตวิญญาณและมรดกทางประวัติศาสตร์ของบุคคลผู้เป็นที่เคารพเหล่านั้น
การเข้าร่วมของคณะสงฆ์วัดระฆัง
นอกจากเจ้าคุณเที่ยงแล้ว พิธีปลุกเสกพระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 ยังได้รับการเข้าร่วมจากพระสงฆ์ผู้ทรงคุณอื่นๆ จากวัดระฆังโฆสิตารามอีกหลายรูป รายนามพระสงฆ์ที่เข้าร่วมพิธี ได้แก่ พระครูสิริธรรมวิภูษิต (หลวงพ่อเจิด) วัดระฆังโฆสิตาราม, พระครูวิมลธรรมธาดา (หลวงพ่อสวง) วัดระฆังโฆสิตาราม, ท่านเจ้าคุณ พระบวรรังษี วัดระฆังโฆสิตาราม และพระครูปลัดธีรวัฒน์ วัดระฆังโฆสิตาราม
การเข้าร่วมของพระสงฆ์ผู้ทรงคุณเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความศักดิ์สิทธิ์และความสำคัญทางจิตวิญญาณของพิธีปลุกเสก และเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่อง การปรากฏตัวของพระสงฆ์ผู้เป็นที่เคารพหลายรูปแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของคณะสงฆ์ในการอธิษฐานจิตและประสิทธิ์ประสาทพรให้กับพระเครื่องรุ่นนี้ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการอัญเชิญบารมีอันสูงสุดของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) มาสู่พระเครื่อง
มวลสารศักดิ์สิทธิ์: “พระผงสมเด็จ โต“
พระเครื่องรุ่นนี้ได้รับการขนานนามว่า “พระผงสมเด็จ โต“ ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นพระเครื่องเนื้อผงที่สร้างขึ้นตามแบบอย่างของพระสมเด็จวัดระฆังที่มีมูลค่าสูง องค์ประกอบของพระเครื่องรุ่นนี้ประกอบด้วย “ผงมวลสารเก่า” ซึ่งหมายถึงผงศักดิ์สิทธิ์โบราณ การใช้วัสดุเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เชื่อกันว่าจะช่วยสืบทอดพลังและความศักดิ์สิทธิ์จากพระเครื่องรุ่นก่อนๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระเครื่องรุ่นนี้ได้รวมเอา “ผงวิเศษทั้ง 5″ ซึ่งเป็นผงศักดิ์สิทธิ์ห้าชนิดที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้แก่ ผงปถมัง , ผงอิทธิเจ , ผงตรีนิสิงเห , ผงพุทธคุณ และผงมหาราช , ผงวิเศษเหล่านี้เชื่อกันว่ามีคุณสมบัติทางเวทมนตร์และจิตวิญญาณที่แตกต่างกัน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างอานุภาพโดยรวมของพระเครื่อง แหล่งข้อมูลบางแห่งระบุว่าผงเหล่านี้สร้างขึ้นผ่านกระบวนการเขียนและลบอักขระศักดิ์สิทธิ์บนกระดานชนวน และเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติเฉพาะ เช่น ความเป็นสิริมงคล การดึงดูดใจ และการป้องกัน นอกจากนี้ ส่วนผสมยังรวมถึงน้ำมนต์ จากบ่อของสมเด็จโต ซึ่งเป็นการเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระเครื่องโดยตรง
ผงศักดิ์สิทธิ์
ผงปถมัง:มีความเป็นสิริมงคลโดยทั่วไป การเริ่มต้น และพลังพื้นฐาน
ผงอิทธิเจ:เชื่อกันว่าช่วยเสริมเสน่ห์ ดึงดูดใจ และอิทธิพลส่วนตัว
ผงตรีนิสิงเห:มักเชื่อมโยงกับการป้องกันอิทธิพลด้านลบและการเสริมสร้างความเป็นอยู่โดยรวม
ผงพุทธคุณ:เป็นตัวแทนของพระคุณและพลังของพระพุทธเจ้า ประทานพรและปกป้องคุ้มครอง
ผงมหาราช:เกี่ยวข้องกับอำนาจ ความเคารพ และการเสริมสร้างสถานะและอิทธิพล
รูปลักษณ์และสัญลักษณ์พิมพ์พระ
ด้านหลังของพระเครื่องมีรูปองค์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และคำว่า “แจกทาน“สลักอยู่ รูปลักษณ์และข้อความเป็นเครื่องเตือนใจถึงที่มาของพระเครื่อง พระสงฆ์ผู้เป็นที่เคารพที่ได้รับการยกย่อง และวัตถุประสงค์หรือสถานการณ์ในการสร้างพระเครื่อง เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าบารมีของสมเด็จโตมีความสำคัญสูงสุดในการสร้างพระเครื่องพระสมเด็จ ทำให้พระเครื่องสกุลนี้เป็นอันดับหนึ่งในบรรดาพระเครื่องไทย และเป็นที่เลื่องลือในด้านอิทธิฤทธิ์ และอภินิหาร (ปาฏิหาริย์)
การสร้างพระสมเด็จรุ่น “แจกทาน” นี้มีเป้าหมายเพื่อขอพรและพลังจิต (เสก) จากสมเด็จโต ในระหว่างพิธีปลุกเสก ได้มีการตั้งสัจจะอธิษฐานเพื่อขอให้พระเครื่องรุ่นนี้มีพุทธคุณ เทียบเท่ากับพระเครื่องที่สมเด็จโตสร้างขึ้นด้วยพระองค์เอง พระสมเด็จแจกทานแต่ละองค์มี ตรายางลายเซ็นของสมเด็จโต หรือสัญลักษณ์รูประฆัง (ตระฆัง) ซึ่งเป็นที่ยืนยันความแท้ของพระเครื่อง สัญลักษณ์รูประฆังมีความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากคำว่า “ระฆัง” เป็นส่วนหนึ่งของชื่อวัด
รุ่นพิเศษหน้ากากสมเด็จโต
เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการจัดสร้างพระสมเด็จรุ่นพิเศษที่มีการฝังหน้ากากรูปหน้าของสมเด็จโตในจำนวนจำกัดเพียง 3,199 องค์ ความหายากนี้ทำให้พระเครื่องรุ่นดังกล่าวเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสมพระเครื่องในขณะนั้น โดยมีความต้องการสูงกว่าจำนวนที่จัดสร้างแล้ว การสร้างพระเครื่องรุ่นพิเศษที่มีลักษณะโดดเด่นเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการตอบสนองความต้องการของนักสะสมที่มองหาพระเครื่องที่มีความพิเศษและมีจำนวนจำกัด
ความสนใจของนักสะสมที่กลับมาและความสำคัญที่ยั่งยืน
ปล. มีการอ้างถึงรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ “คัมภีร์นิวส์” ซึ่งเน้นย้ำถึงความสนใจที่กลับมาอีกครั้งใน “พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554″ ในหมู่นักสะสมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากความสวยงามของพิมพ์ทรง (พิมพ์สวย) คุณภาพของมวลสารศักดิ์สิทธิ์ (มวลสารดี) และความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ (พิธีเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์) ของพิธีปลุกเสก ปัจจัยเหล่านี้ร่วมกันส่งผลให้พระเครื่องรุ่นนี้ยังคงได้รับการยกย่องและเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่องในวงการสะสมพระเครื่องไทย.
พระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 เป็นพระเครื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในบริบทของวัฒนธรรมพระเครื่องไทย โดยมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และวัดระฆังโฆสิตาราม การสร้างพระเครื่องรุ่นนี้ได้รับการดำเนินการอย่างพิถีพิถันภายใต้การนำของพระธรรมธีรราชมหามุนี (เจ้าคุณเที่ยง) ซึ่งได้ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญภาวนาเป็นเวลาเก้าวันเก้าคืนเพื่อเพิ่มพูนความศักดิ์สิทธิ์ พิธีปลุกเสกอันศักดิ์สิทธิ์ได้รับการประกอบขึ้นภายในวิหารของสมเด็จโต โดยมีการอัญเชิญบารมีของพระสงฆ์ผู้ทรงคุณในอดีต และได้รับการเข้าร่วมจากคณะสงฆ์วัดระฆังหลายรูป
องค์ประกอบของพระเครื่องรุ่นนี้ประกอบด้วยมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผงวิเศษทั้ง 5″ และน้ำมนต์จากบ่อของสมเด็จโต ซึ่งเป็นวัสดุที่เชื่อกันว่ามีพลังทางจิตวิญญาณสูง ด้านหลังของพระเครื่องมีรูปเหมือนของสมเด็จโตและข้อความ “แจกทาน” เป็นสัญลักษณ์ที่ระลึกถึงที่มาและวัตถุประสงค์อันเป็นกุศลในการสร้าง นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพิเศษที่มีการฝังหน้ากากรูปหน้าของสมเด็จโตในจำนวนจำกัด ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสม
ความสนใจที่กลับมาอีกครั้งในพระสมเด็จวัดระฆัง แจกทาน รุ่นแรก ปี 2554 ทั้งในหมู่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณค่าและความสำคัญที่ยั่งยืนของพระเครื่องรุ่นนี้ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของประเทศไทย ความสวยงามของพิมพ์ทรง คุณภาพของมวลสาร และความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีปลุกเสก ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้พระเครื่องรุ่นนี้ยังคงได้รับการเคารพและเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่องในวงการสะสมพระเครื่อง
พิธีปลุกเสก ณ วัดระฆัง
รายนามพระสงฆ์ที่เข้าร่วมพิธีได้แก่:
พระธรรมธีรราชมหามุนี (เจ้าคุณเที่ยง)
เจ้าอาวาส
ผู้ริเริ่มหลักและผู้ปฏิบัติธรรม
หม่อมเจ้าพระพุทธุปบาทปิลันทน์
อดีตพระสงฆ์ผู้ทรงคุณ
สมเด็จพระโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ)
อดีตพระสงฆ์ผู้ทรงคุณ
พระครูสิริธรรมวิภูษิต (หลวงพ่อเจิด)
พระสงฆ์ผู้ทรงคุณ
พระครูวิมลธรรมธาดา (หลวงพ่อสวง)
ท่านเจ้าคุณ พระบวรรังษี
และ พระครูปลัดธีรวัฒน์