หลวงปู่เริ่ม ปรโม อดีตเจ้าคณะอำเภอศรีราชา
…….
“หลวงปู่เริ่ม ปรโม” แห่งวัดจุกกะเฌอ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ท่านก็เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร แม้สนนราคาค่านิยมในวัตถุมงคลของท่าน จะด้อยกว่าหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ก็ตาม แต่ประสบการณ์อภินิหารในวัตถุมงคลของท่าน ทุกรุ่นทุกแบบ ปรากฎเด่นชัดขึ้นทุกวัน ทำให้ของของท่านนั้นหายากขึ้นทุกที ใครมีต่างก็หวงแหน ไม่ออกตัวกันง่าย ๆ
ท่านเป็นผู้ที่บริจาคลูกนิมิตทั้ง ๙ ลูก ให้แก่วัดไทย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ คือ หลวงปู่เริ่ม ปรโม องค์นี้นี่เอง ได้ข้อมูลตรงนี้มาจากคำไว้อาลัยของ “หลวงเตี่ย” หรือ “พระธรรมราชานุวัตร” ที่เขียนไว้ในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงขอนำมาให้อ่านกัน ดังนี้:
“หลวงปู่เริ่ม” เจ้าของลูกนิมิตวัดไทย ลอสแองเจลิส
ท่านพระครูศรีฉฬังคสังวร วัดจุกกะเฌอ เจ้าคณะอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ใคร ๆ ก็เรียกว่า “หลวงปู่เริ่ม” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ท่านเป็นพระมหาเถระผู้เจริญด้วยพรรษา มีอายุถึง ๙๑ ปี เป็นพระมหาเถระที่เปี่ยมด้วยความเมตตา เป็นที่รักเป็นที่เคารพทั่วไปของพระสงฆ์ สามเณร และชาวบ้านร้านตลาด ทุกคนมีความรู้สึกว่า หลวงปู่เริ่ม เป็นญาติผู้ใหญ่ เป็นที่รัก เป็นที่เคารพ มีความผูกพันกันอย่างสนิทสนม พอทราบข่าวว่าหลวงปู่เริ่มมรณภาพ จึงมีความอาลัยอาวรณ์ ภาพแห่งคุณงามความดีของหลวงปู่ลอยมาในห้วงความระลึกนึกคิดต่าง ๆ นานา หลวงปู่เริ่มอายุเกือบร้อยปี ก็คงเป็นหลวงปู่รูปเดิม
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ในการเสด็จพระราชดำเนินของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดอาคารปฏิบัติธรรมที่ วัดเทพพุทธาราม หรือ วัด เซียงฮุดยี่ สังกัดคณะสงฆ์จีนนิกาย ที่ท่านได้มีส่วนร่วมกับวัดไทย ลอสแองเจลิส แสดงถึงความเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะอย่างเต็มเปี่ยม แม้ว่าขณะนั้นหลวงปู่จะมีอายุถึง ๘๘ ปี แล้วก็ตาม ยังรับทราบอีกว่า หลวงปู่เป็นพระสงฆ์ไทยเพียงรูปเดียว ที่ได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้เข้าเฝ้ารับพระราชทานของที่ระลึกในวันนั้นด้วย จึงเป็นที่รับรองได้ถึงคุณธรรมความดีงามของหลวงปู่เริ่ม ที่ได้ปฏิบัติมา จนความทราบถึงพระเนตรพระกรรณ
หลวงปู่เริ่มสะสมกุศลผลบุญไว้ดี จึงได้รับพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในงานศพครั้งนี้ อันเป็นเกียรติประวัติอย่างสูง ตลอดจนศิษยานุศิษย์ และญาติมิตร
พระธรรมราชานุวัตร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ชีวประวัติของ “วัดจุกกะเฌอ” ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ความเป็นมาของชื่อวัด ที่ฟังดูแล้วแปลกหู ลองคิดดูจะมีวัดไหนในประเทศไทยอีกบ้าง ที่ใช้ตัว ฌ กะเฌอ เป็นชื่อวัด น่าจะมีวัดนี้เพียงวัดเดียวเท่านั้น
ในอดีตกาล “จุกกะเฌอ” เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวของคนที่มีอาชีพตัดยาง ทำน้ำมัน ทำไม้ ตั้งอยู่กลางดงใหญ่ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองบางละมุง สมัยนั้นเมืองบางละมุง เป็นเมือง ๆ หนึ่ง ถ้าเดินทางด้วยเท้าราวชั่วโมงกว่า ๆ ก็จะถึงจุกกะเฌอ ภายในดงใหญ่เป็นที่อาศัยของหมี เสือ ช้าง กวาง เก้ง และสัตว์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ภายในดงมีหนองน้ำใหญ่ เป็นที่ที่สัตว์ทั้งหลายลงเล่น และกินน้ำ ที่ขอบหนองมีต้นกะเฌอขึ้นอยู่ทั่วไป ผู้คนทั้งหลายจึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า “จุกกะเฌอ”
เมื่อผู้คนเมืองบางละมุงเพิ่มขึ้น บางคนอพยพขึ้นมาอยู่จุกกะเฌอ ประกอบอาชีพตัดยาง ตัดหวาย ทำไม้ ทำไร่ ในสมัยนั้นผู้คนที่อยู่อาศัยยังมีไม่มากนัก มีบ้านเรือนอยู่ประมาณ ๑๕ หลังคาเรือน ต่อมามีพระธุดงค์โดยการนำของ “หลวงพ่อทอง” ซึ่งเดินทางจากระยอง ผ่านมาที่หมู่บ้านจุกกะเฌอนี้เพื่อไปไหว้พระพุทธบาทที่สระบุรี พระแท่นดงรังที่กาญจนบุรี
เมื่อไหว้พระพุทธบาท และพระแท่นดงรังแล้ว ได้เดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านจุกกะเฌอพอดีวันเข้าพรรษา พวกญาติโยมทั้งหลายจึงนิมนต์ให้จำพรรษาที่วัดจุกกะเฌอ โดยช่วยกันทำที่พักชั่วคราวให้พระสงฆ์จำพรรษา เมื่อออกพรรษาแล้ว พวกญาติโยมทั้งหลายจึงทำการทอดกฐิน เมื่อรับกฐินแล้ว หลวงพ่อทองจึงได้เดินทางกลับไประยอง ภายหลังหลวงพ่อทองได้เดินทางมาอีกที่จุกกะเฌอนี้ และลงมือสร้างวัดขึ้น และอยู่จำพรรษาถึง ๒ ปี และเดินทางไปนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ที่อุตรดิตถ์ ต่อมา วัดนี้บางปีมีพระอยู่จำพรรษาบ้าง บางปีไม่มีพระบ้าง เป็นอยู่อย่างนี้
ต่อมา “หลวงพ่อเอียด” มาจำพรรษา และเป็นเจ้าอาวาส ได้ทำการย้ายกุฏิขึ้นมาอยู่ในที่สูง พระที่สร้างอยู่ในที่เดิมอยู่ในที่ต่ำ เมื่อหลวงพ่อเอียดสึกออกไป หลวงพ่อเมือง เป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อมา ครั้นต่อมา หลวงพ่อเมืองก็สึกออกไปอีก ญาติโยมทั้งหลายจึงนิมนต์ หลวงพ่อฉาบ มาเป็นเจ้าอาวาสแทน ต่อมาหลวงพ่อฉาบก็สึกออกไป ญาติโยมทั้งหลายจึงนิมนต์ พระอาจารย์วัน จากวัดแหลมฉบัง มาเป็นเจ้าอาวาสแทน พระอาจารย์วันมาจำพรรษาอยู่ประมาณ ๒ พรรษา จึงเดินทางกลับไปแหลมฉบังตามเดิม เมื่อพระอาจารย์วันกลับไปแล้ว ญาติโยมทั้งหลายจึงนิมนต์ พระอาจารย์จาบ มาเป็นเจ้าอาวาส ต่อมาพระอาจารย์จาบสึกออกไป พระอาจารย์แดง เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา เมื่อพระอาจารย์แดงสึกออกไป พระอาจารย์ขันธ์ โชตโก เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา เมื่อพระอาจารย์ขันธ์ มรณภาพลง หลวงพ่อพระครูวิริยาภรณ์ (เริ่ม ปรโม) เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา จนกระทั่งมรณภาพ
นับตั้งแต่สร้างวัดมา จนกระทั่งหลวงปู่เริ่ม มรณภาพ นับเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๕๐ ปี จะเห็นว่า เจ้าอาวาสกี่องค์ กี่องค์ ต่างก็สึกหาลาเพศออกไป ที่ไม่สึกมีอยู่องค์เดียว ทนไม่ไหว ก็หนีกลับวัดเดิมไป องค์ที่มรณภาพที่วัดขณะดำรงตำแหน่ง นอกจากหลวงปู่เริ่มแล้ว ก็มีเพียงพระอาจารย์ขันธ์ องค์เดียวเท่านั้น แสดงว่า สถานที่แห่งนี้ ซึ่งเคยเป็นป่าทึบ ต้องมีรุกขเทวาปกปักษ์รักษา หากพระสงฆ์องค์ใดไม่ประพฤติตนอยู่ในศีลาจารวัตร อยู่ในพระธรรมวินัยล่ะก็ มักจะอยู่ได้ไม่นาน มีเหตุให้ต้องสึกหาลาเพศไปเกือบทุกองค์
ประวัติหลวงปู่เริ่ม ปรโม ท่านมีนามเดิมว่า เริ่ม นามสกุล เฉียงเอก เกิดเมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๘ ณ บ้านเลขที่ ๒๖ ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โยมบิดาชื่อ มิ่ง โยมมารดาชื่อ เลี่ยม เฉียงเอก มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๑๑ คน คือ
๑. หลวงปู่เริ่ม ปรโม ๒. นางทองดี ๓. นายรื่น ๔. นางโถม ๕. นางอบ ๖. นางสำรวย ๗. นางเยี้ยน ๘. นางหงส์ ๙. นางทวาย ๑๐. น.ส.ผึ้ง ๑๑. นางทวี
หลวงปู่เริ่ม ท่านเป็นผู้ฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย พออายุครบ ๒๐ ปี ท่านจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดแหลมฉบัง ต.ทุ่งศุขลา โดยมีพระครูสุนทรธรรมรส วัดอ่างศิลา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์จั๊ว วัดอ่างศิลา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์ลำดวน วัดอ่างศิลา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “ปรโม”
เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดจุกกะเฌอ ซึ่งมีพระอธิการขันธ์ เป็นเจ้าอาวาส เหตุที่ท่านไม่ได้บวชที่วัดจุกกะเฌอ เพราะในสมัยนั้น วัดจุกกะเฌอยังไม่มีพระอุโบสถ เมื่อมาอยู่วัดจุกกะเฌอ ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จนชาวบ้านเคารพเลื่อมใสและศรัทธา
หลังจากที่ท่านบวชได้เพียง ๖ พรรษา หลวงพ่อขันธ์ เจ้าอาวาสได้มรณภาพลง ชาวบ้านจึงนิมนต์ท่านรับตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อ และในปีต่อมา ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบล ทั้ง ๆ ที่ท่านยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครู นับว่าท่านเป็นผู้ที่มีความสามารถ และเป็นนักปกครองที่ดี
งานด้านการปกครอง
พ.ศ. ๒๔๗๙ เป็นเจ้าอาวาสวัดจุกกะเฌอ, พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นพระกรรมวาจารย์, พ.ศ. ๒๔๘๕ เป็นพระอุปัชฌาย์, พ.ศ. ๒๔๘๗ เป็นเจ้าคณะตำบลบึง-หนองขาม, พ.ศ. ๒๕๑๘ รักษาการเจ้าคณะอำเภอศรีราชา, พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นเจ้าคณะอำเภอศรีราชา, พ.ศ. ๒๕๓๐ ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดจุกกะเฌอ เพื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรวิหาร (พระอารามหลวง) กิ่งอำเภอเกาะสีชัง ชลบุรี เพื่อสนองงานคณะสงฆ์
สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๔๘๑ เป็นพระครูชั้นประทวน, พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรี, พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท, พ.ศ. ๒๕๑๕ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก, พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก
ในด้านพุทธาคม หลวงปู่เริ่ม ท่านมีความสนใจมาตั้งแต่ก่อนอุปสมบท มีพระอาจารย์เก่ง ๆ มีชื่อเสียงอยู่ที่ใด ท่านก็จะดั้นด้นเดินทางไปกราบขอศึกษาเล่าเรียนด้วย
หลวงปู่เริ่มท่านเคยเล่าให้ศิษย์ฟังว่า พระอาจารย์รูปแรกของท่านคือ หลวงพ่ออ่ำ เรือเก่า อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองกระบอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่สร้างเครื่องรางในรูป “แพะ” มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมเป็นที่โด่งดังไปทั่ว
หลวงปู่เริ่ม ท่านได้ศึกษาพุทธาคมจากหลวงพ่ออ่ำหลายอย่าง โดยเฉพาะ วิชาฝนแสนห่า และ สีผึ้งเจ็ดจันทร์ ซึ่งเป็นวิชาทางด้านเมตตามหานิยมชั้นสูง แต่ก่อนที่หลวงพ่ออ่ำจะสอนวิชาให้ ท่านได้ทดสอบสมาธิ และความกล้าหาญของหลวงปู่เริ่ม โดยจับมัดมือไพล่หลังคร่อมตออยู่ริมป่าช้าผีดุ วัดหนองกระบอก และให้คาถามา ๔ ตัว บอกให้ภาวนาจนเชือกหลุด หลวงปู่เริ่มท่านก็สามารถทำได้ หลวงพ่ออ่ำจึงรับไว้เป็นศิษย์ ถ่ายทอดวิชาดังกล่าว
หลวงปู่เริ่ม ปรโม (๒) โดย อ.เล็ก พลูโต
พระอาจารย์องค์สำคัญอีกองค์หนึ่งของหลวงปู่เริ่ม คือ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ กรุงเทพฯ ซึ่งหลวงปู่เริ่มได้ไปขอศึกษาวิชาการสร้าง พระปิดตา, วิปัสสนากรรมฐาน และ วิชาโหราศาสตร์ จากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จนกระทั่งเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะวิชาโหราศาสตร์ ท่านสามารถดูดวงชะตาราศี สามารถเปลี่ยนดวง และสลับดวงชะตาได้
หลวงปู่เริ่ม นอกจากจะเชี่ยวชาญพุทธาคมแล้ว ท่านยังศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ เพื่อนำไปขจัดปัดเป่าโรคภัยให้แก่ชาวบ้าน
ต่อมาในบั้นปลายชีวิตของท่าน ท่านหันเข้าศึกษาวิปัสสนา เพื่อให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ท่านเคยกล่าวไว้ว่า คาถาอาคมทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ตัวอักษร แต่มันอยู่ที่ใจ คนหัวไว ปัญญาดี ท่องคาถาอาคมวันเดียวคืนเดียวก็สำเร็จ แต่จะใช้ได้ผลเพียงใดหรือไม่ มันอยู่ที่ใจ เคล็ดลับทั้งหลายที่จะใช้คาถาอาคม เป็นเพียงเครื่องยึดเหนี่ยวของอารมณ์ มันสำคัญที่ใจทั้งสิ้น ต้องฝึกจิตฝึกใจให้เป็นสมาธิ เมื่อใจเป็นสมาธิแล้ว ต้องใช้สมาธิให้เกิดประโยชน์ที่สูงยิ่งขึ้นไป จนถึงขั้นเกิดปัญญา อย่าไปติดอย่าไปหลงอยู่กับฤทธิ์เพียงเท่านั้น ต้องทำปัญญาให้เกิดขึ้นด้วย จึงเป็นชาวพุทธที่แท้จริง
หลังจากที่หลวงปู่เริ่ม ปรโม ได้เดินทางไปรับตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดจุฑาทิศธรรมสภาราม กิ่งอำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เป็นการสนองงานทางการคณะสงฆ์ อันที่จะแก้ไขข้อขัดข้องในการบริหารงานของวัดจุฑาทิศฯ ซึ่งท่านได้ไปแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ประมาณ ๒ ปี ท่านก็อาพาธ เข้ารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา ด้วย “โรคถุงลมโป่งพอง” ระหว่างนี้ท่านได้พักรักษาตัว ณ วัดจุกกะเฌอ ซึ่งเป็นวัดที่ท่านพำนักอาศัยอยู่เดิม
ระหว่างนี้ท่านมีอาการของโรคประจำตัวถี่ขึ้น ทางคณะแพทย์ที่ได้ถวายการรักษา ได้ให้คำแนะนำว่าให้พักรักษาตัว ณ วัดจุกกะเฌอ เพื่อสะดวกในการเดินทางไปพบแพทย์ หรือ หากว่ามีอาการมากขึ้น แพทย์จะได้เดินทางไปถวายการรักษาได้ง่าย ซึ่งหลวงปู่เริ่ม ปรโม ได้อยู่พักรักษาตัว ณ วัดจุกกะเฌอ โดยได้รับการอภิบาลดูแลรักษาเป็นอย่างดีจาก พระปลัดอนันต์ กิตติญาโณ รักษาการเจ้าอาวาสวัดจุกกะเฌอ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอศรีราชา แม้แต่ในระหว่างนี้ท่านมีอาการอาพาธหนักขึ้น และมีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น โดยต้องทำการผ่าตัด ซึ่งหลวงปู่เริ่มได้รับการผ่าตัดต่อมลูกหมาก จากคณะแพทย์โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา ทำให้อาการของหลวงปู่ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น กลับมาพักฟื้นรักษาตัวที่วัดจุกกะเฌอได้
ต่อมาหลวงปู่ก็มีอาการอาพาธ จากพยาธิเบียดเบียนถี่ขึ้น ประกอบกับท่านชราภาพมากแล้ว จึงคงอยู่จำพรรษา รักษาตัวอยู่ ณ วัดจุกกะเฌอนี้เอง
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ สุขภาพของท่านได้แข็งแรงขึ้นมาก ท่านสามารถประกอบศาสนกิจ และรับกิจนิมนต์ต่าง ๆ ได้เป็นปกติ ท่านได้ออกตรวจ และเยี่ยมเยียนวัดต่าง ๆ ในเขตการปกครอง ซึ่งเป็นที่น่าปลื้มปีติยินดีของบรรดาศิษยานุศิษย์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านการพุทธาภิเษก ท่านได้ให้ความอนุเคราะห์ โดยการไปนั่งปรกแผ่เมตตาจิตให้หลายราย ย่อมเป็นที่ยินดีของศิษยานุศิษย์
ในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๓๘ ในเวลาเช้า ๐๗.๓๐ น. หลวงปู่ได้ฉันภัตตาหารเช้า อันได้แก่ ข้าวต้ม ผลไม้ และฉันยาประจำเป็นปกติ หลังจากนั้นท่านก็พักผ่อน ท่านได้จำวัดจนถึงเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.เศษ ท่านได้ลุกขึ้น และเข้าห้องน้ำล้างหน้า และกลับมานอนพัก โดยอ่านหนังสือมนต์ คือ ชินบัญชร ในขณะนี้เองพระลูกวัดที่เฝ้าปฏิบัติ ได้ไปจัดเตรียมภัตตาหารเพล เพื่อที่จะถวายท่าน และรอจนกระทั่งถึงเวลาเพล จึงนำภัตตาหารเพลไปถวาย ไปปลุกท่าน แต่ปรากฎว่าท่านได้จากพวกลูกศิษย์ทั้งหลายไปแล้ว ด้วยอาการแห่งความสงบ สิริอายุทั้งสิ้น ๙๑ ปี ๑๒ วัน พรรษาที่ ๗๑
บทความที่เขียนถึงหลวงปู่เริ่ม ในด้านการจัดสร้างพระเครื่อง และประสบการณ์อภินิหารต่าง ๆ
หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ จังหวัดชลบุรี ท่านมีวิชาเก่งหลายอย่าง โดยเฉพาะวิชาตะกรุดโทนของท่าน ใครมีรับรองว่าไม่มีคำว่าตายโหง”