ครูบากฤษณะ อิทวันโณ พระเกจิดังแห่งเมือง นครราชสีมา ที่ได้รับความเคารพนับถือจากลูกศิษย์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศมานานหลายสิบปีและต่อเนื่องมาถึงในปัจจุบัน
วัตถุมงคลของครูบากฤษณะ อินทวันโณ ได้รับความเชื่ออย่างสูงว่าเป็นยอดแห่งความเมตตา โด่งดังไปถึงประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และเป็นวัตถุมงคลยอดนิยมในเมืองจีนอยู่ในขณะนี้
ประวัติครูบากฤษณะ อินทวัณโณ
ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม 2497 ที่บ้านโตนด อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา โดยเป็นบุตรคนที่ 9 ของครอบครัว เดิมชื่อ สุระเดช ตับกลาง คุณพ่อชื่อคุณตาเพชร ตับกลาง คุณแม่ชื่อคุณยายแก้ว ตับกลาง บิดาของท่าน เป็นแพทย์แผนโบราณ เป็นหมอยากลางบ้าน สืบต่อกันมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ ดังนั้นท่านจึงได้เรียนรู้วิชาหมอยา การแพทย์แผนโบราณ พืชสมุนไพร คาถาอาคม มาแต่เยาว์วัย
เมื่อสมัยยังวัยเด็ก ครูบากฤษณะ ได้ติดตามปู่ฤาษีที่ท่านครูบาเรียกติดปากอยู่เสมอว่า ปู่ฤาษี และได้ติดตามไปอยู่ที่ภูเขาควาย ฝั่งประเทศลาว หรือประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปัจจุบันนานหลายปี และ ได้บวชเป็นสามเณร อยู่กับปู่ฤาษีในเวลาต่อมา
ณ. ภูเขาควายนี้เอง ท่านได้ศึกษา ไสยเวทย์ คาถาอาคม กับหลวงปู่ฤาษีเรียกได้ว่าเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่ฤาษีเลยทีเดียว
หลังจากอยู่รับใช้ปู่ฤาษี และ ศึกษาวิชาคาถาอาคม ได้รับความรู้พอประมาณแล้วท่านจึงได้เดินทางกลับ ประเทศไทย และ ใช้ชีวิตในเพศฆราวาส ได้ระยะเวลาหนึ่ง
ด้วยเหตุที่ท่านเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงดำริที่จะละจากเพศฆราวาสเข้าอุปสมบทในพระพุทธศาสนา จึงนำความเข้าปรึกษาคุณสุรพันธ์ และคุณมาลี งามจิตรสุขศรี เจ้าของบริษัท รุ่งสินก่อสร้าง จำกัด อ.ประจันตะคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งก็ได้ รับการสนับสนุนจากท่านทั้งสองเป็นอย่างดี
ครูบากฤษณะ อุปสมบทเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2522 ณ พัทธสีมา วัดโคกอู่ทอง ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตะคาม จ.ปราจีนบุรี
โดยมีพระครูธรรมรงโพธิเขต เจ้าอาวาสวัดโคกอู่ทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ฝั้น ชุตินทโรเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ กลมวิมโล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และได้รับนามฉายาว่า “อินทวัณโณ”
ภายหลังที่อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ด้วยอุปนิสัยที่รักการศึกษาหาความรู้ ท่านได้สนใจศึกษาพระปริยัตธรรม ทั้งจากพระไตรปิฏก และจากครูบาอาจารย์ ผู้เป็นปราชญ์ทรงคุณธรรมหลายท่าน จนจิตใจมั่นคงด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ท่านจึงได้จาริกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร ตั้งแต่พรรษาแรก พร้อมพระสหธรรมมิก เพื่อเจริญจิตบำเพ็ญภาวนาโดยถือธุดงค์วัตรอย่างเคร่งครัด ยอมมอบกายถวายชีวิตแด่ พระพุทธศาสนาตลอดมา
ครูบากฤษณะ ได้จาริกไปตามลำพังในป่าเขาดงดิบ เทือกเขาใหญ่ตลอดแนวภาคอีสานได้ข้ามกลับไปยัง ภูเขาควาย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อศึกษาเพิ่มเติมวิชาอาคมต่างๆ ต่อจากนั้น จึงได้ผ่านไปยังประเทศเขมร และ กลับเข้าประเทศไทย ทางด้านจังหวัดจันทบุรี
สิบกว่าพรรษา หรือสิบกว่าปี ของการอยู่ปฏิบัติธรรมไปตามถ้ำคูหา และป่าเขาลำเนาไพร คู่ไปกับการฝึกฝนวิชาเวทย์มนท์คาถาที่ได้เล่าเรียนมาจากปู่ฤาษี ทำให้ท่านมีบารมีแก่กล้าทั้งทางธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า และ เวทย์มนต์คาถาตามคำสอนของปูฤาษี
ในปีพ.ศ. 2532 ครูบากฤษณะ ได้ธุดงค์มาจำพรรษาที่บริเวณเทือกเขาจอมทอง เหนือเขื่อนมูลบน ใกล้กับหมู่บ้านคลองยาก อ.ครบุรี ชาวบ้านเมื่อทราบข่าวว่า มีพระธุดงค์มาปักกรดปฏิบัติธรรมในป่าเขาไกล้หมู่บ้าน เกิดความศรัทธาพากันขึ้นไปทำบุญและรับการอบรมสั่งสอนจากท่านเป็นประจำ จนในที่สุดชาวบ้านคลองยางจึงพร้อมใจกันนิมนต์ ท่านครูบากฤษณะ เป็นประธานในการก่อสร้างสำนักสงฆ์ป่ามหาวันขึ้นเพื่อเป็นดินแดนแห่งร่มเงา ของพระพุทธศาสนาเพื่อชาวบ้านเหนือเขื่อนมูลบน จะได้มีสถานที่ประกอบศาสนกิจทางพุทธศาสนา สืบต่อไป
สำนักสงฆ์ป่ามหาวันได้รับการประกาศยกขึ้นเป็นวัดป่ามหาวันอย่างสมบูรณ์ตาม กฎระเบียบของคณะสงฆ์ไทยเมื่อปีพ.ศ. 2536
ในปีพ.ศ. 2539 ครูบากฤษณะได้รับถวาย ที่ดินบริเวณ บ้านคลองกระทิง ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จากผู้ศรัทธาเป็นจำนวนประมาณ 5 ไร่ เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ที่ห่างจากหมู่บ้านลึกเข้าไป และรอบล้อมด้วยก่อไผ่ ท่านได้พิจารณาแล้วเป็นว่า พื้นที่แห่งนี้เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาเป็นอย่างยิ่ง
ในปี พ.ศ. 2545 ครูบากฤษณะ ได้เริ่มเข้ามาพัฒนาพื้นที่ และก่อสร้างสำนักสงฆ์เวฬุวันขึ้น พร้อมทั้งซื้อที่ดินเพิ่มเติม จนปัจจุบันสำนักสงฆ์เวฬุวันมีพื้นที่ประมาณ 46 ไร่ และครูบาได้ยกให้เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ของกรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหม ในเวลาต่อมา ในปี 2541 ครูบากฤษณะ ได้เปิดสำนักใหม่ขึ้นในถิ่นบ้านเกิดของท่าน คือ ที่ใกล้หมู่บ้าน โตนด ตำบลโตนด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา และได้ตั้งชื่อสำนักแห่งใหม่นี้ว่า: “รัตตะแก้วมณี อาศรมสถาน สวนพฤกษศาสตร์ ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ”
ครูบากฤษณะ อินทวันโน พระเกจิอาจารย์เมืองโคราช ผู้สร้างสรรค์วัตถุมงคล “เทพจำแลงภมร“ ที่มีพิมพ์ทรงแปลกไปจากวัตถุมงคลของพระเกจิอาจารย์ทั่วไป กล่าวคือ เป็น รูปองค์พระศิวะ (อิศวร) กับพระอุมาเทวี ผู้มีความรักเป็นอมตะ หันหน้าเข้าหากัน แต่ดูอีกมุมหนึ่งจะเป็นภาพผีเสื้อ ที่มีความงดงามล้ำเลิศในเชิงศิลปะ โดยมีอักขระจารึกเป็นตัวอักษร “เทวะนาคี” โบราณที่มีความเก่าแก่มานานนับพันปี
ทางด้านพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล ครูบากฤษณะ ก็ใช้วิชาไสยศาสตร์ที่เร้นลับซับซ้อน ไม่เหมือนพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นใด คือวิชา “มนต์ธีรญาณ” ที่มีอานุภาพครอบจักรวาล ซึ่งได้ศึกษามาจาก “ปู่ฤาษีบังบด” ในประเทศลาว รวมทั้งวิชาไสยศาสตร์จากพระเกจิอาจารย์ในประเทศกัมพูชาอีกหลายท่าน โดยใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนมานานกว่า 20 ปี
” เทพจำแลงภมร “ จึงนับเป็นวัตถุมงคลที่มีความแปลกพิสดารทั้งด้านพิมพ์ทรง เนื้อหามวลสาร ที่ประกอบด้วย ผงวิเศษนับร้อยแปดชนิดที่ไม่เหมือนของพระเกจิอาจารย์ทั่วไป อีกทั้งความแปลกในวิชาอาคมที่ใช้ในการปลุกเสก บรรจุพลังความเข้มขลังที่มีอานุภาพโดยเด่นด้านเมตตามหานิยม และโชคลาภ เป็นสำคัญ จนเป็นที่นิยมแสวงหาของลูกศิษย์อย่างกว้างขวาง ที่ไม่ใช่เฉพาะชาวไทยเท่านั้น แม้ชาวสิงคโปร์ , มาเลเซีย, ฮ่องกง ,ไต้หวัน, จีนแผ่นดินใหญ่ และชาวพุทธในประเทศตะวันตกอีกมากมาย ก็ศรัทธาเลื่อมใสในวัตถุมงคลทุกรุ่นที่ครูบากฤษณะ ได้ทำการปลุกเสกมา
ทุกปีในวันแรม 3 ค่ำ เดือน 3 ทางจันทรคติ ครู บากฤษณะ จะจัดพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ขึ้นเป็นประจำ (หมายถึงการไหว้ครูของท่านครูบาเอง และลูกศิษย์ครูบาสักการะไหว้ท่านในฐานะเป็นครูบาอาจารย์ เป็นพิธีไหว้ครู และอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล
บล็อก ชมรมศิษย์ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ จัดทำขึ้นเพื่อบันทึกประวัติ ของครูบา โดยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ และจากการได้อยู่ใกล้ชิดกับครูบามามากกว่า 20 ปี เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาหาความรู้แก่ท่านผู้สนใจ และเป็นการบูชาคุณของท่านครูบากฤษณะ อินทวันโณ ของศิษย์อีกทางหนึ่ง.