เหล็กไหลปีกแมลงทับ หรือ เหล็กไหลโกฏิปี
เหล็กไหลโกฏิปีถือว่าเป็นเหล็กไหลที่ทรงอิทธิฤทธิ์มากที่สุด หายากที่สุด เอามาได้ยาก และเก็บรักษาไว้ได้ยากที่สุดในบรรดาเหล็กไหลทั้งปวง นอกจากนี้ยังเป็นเหล็กไหลที่มีลักษณะสวยงาม พบอยู่ตามหน้าผาเพดานถ้ำ โดยจะมีลักษณะเป็นดอกบัวตูมฝังตัวอยู่ในฝักหิน มีผิวพรรณวรรณะสีเขียวเข้มอมดำ เมื่อต้องแสงไฟจะเลื่อมพรายประกายรุ้ง ดูเหลือบสีงดงามตามธรรมชาติ เหล็กไหลโกฏิปีจะสามารถเปลี่ยนสีของตัวเองไปได้เรื่อยๆ จากสีเขียวเข้ม สามารถกลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม หรือ ออกเป็นสีเขียวอมเหลืองทอง สีแสดแดงอมเหลืองเหลือบเขียว ดุจดังสีของปีกแมลงทับ ด้วยเหตุนี้เองครูบาอาจารย์ ท่านจึงเรียกเหล็กไหลชนิดนี้ว่า ” เหล็กไหลปีกแมลงทับ ” ตามลักษณะสีสันที่สวยงามดุจเดียวกับสีของปีกแมลงทับนั่นเอง
เหล็กไหลโกฏิปีเป็นเหล็กไหลที่มี อิทธิฤทธิ์สมบูญณ์พร้อม และเป็นสุดยอดของที่มาตำนาน เหล็กไหลธาตุอิทธิฤทธิ์ ด้วยเพราะสามารถล่องหนหายตัวจากไปได้ สามารถทะลุทะลวงวัตถุธาตุทุกชนิด สามารถเสด็จขึ้นไปบนนภากาศได้ สามารถดับพิษไฟ กินฟอสฟอรัส ดินปืน ให้เสื่อมอานุภาพโดยไม่ทำให้เกิดความชื้นแต่อย่างใด เป็นมหาอุดคงกระพันกันเขี้ยวงาภูตผีปีศาจทุกชนิด กินพลังงานไฟฟ้าได้ ผู้ที่พกเหล็กไหลโกฏิปีติดตัว จึงเท่ากับว่า มีมหาโยคีรักษาอยู่กับตัว เพราะเหล็กไหลชนิดนี้ เทียบได้กับผู้ที่มีอิทธิวิธีอภิญญา 5 นั่นเอง
การตัดเหล็กไหลโกฏิปีนั้นทำได้ยากมาก ต้องล่อด้วยน้ำผึ้งป่าที่ผ่านการอาบแสงพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ( น้ำผึ้งพระจันทร์ ) ล่อให้ไยเหล็กไหลยืดตัวลงมาเสพน้ำผึ้งพระจันทร์ ยามที่เหล็กไหลโกฏิปีไหลออกมานั้นจะมีลักษณะเฉพาะคือ ตัวเหล็กไหลที่ยืดออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเส้นบางๆ คล้ายไยบัว และมีความวาวเป็นประกาย เมื่อดูด้วยตาเปล่าเหมือนว่าง่ายต่อการตัด แต่ในความเป็นจริงกลับไม่สามารถตัดให้ขาดได้ ด้วยของมีคมตามธรรมดาทั่วไป จะต้องใช้ของอาถรรพ์ในการตัดเท่านั้น และในการตัดแต่ละครั้งก็สามารถลงมือทำได้เพียงสามครั้งเท่านั้น หากตัดครั้งที่สามแล้วยังไม่ขาดจะต้องยุติการทำพิธีลงทันที มิเช่นนั้นในการลงมือตัดครั้งที่สี่ เส้นไยของเหล็กไหลชนิดนี้ จะทำร้ายผู้ตัด ด้วยการตวัดเส้นไยพันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และตัดส่วนที่เส้นไยตวัดพันไว้นั้น ให้ขาดหลุดออกมา เช่น หากพันเข้าที่แขน ก็จะตวัดตัดแขนขาด หากเส้นไยตวัดที่ขาก็จะตัดขาให้ขาด
ที่ผ่านมาจึงมีผู้ที่พยายามตัดเหล็กไหลน้ำหนึ่งชนิดนี้ เสียชีวิตมาแล้วจำนวนมากมาย โดยเฉพาะที่ภูเขาควาย เหล็กไหลโกฏิปีได้สังหารผู้ที่พยายามเข้าไปตัดล้มตายไปเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งพระอาริยะผู้มีคุณวิเศษต้องเข้าไปนำเหล็กไหลชิ้นนั้นออกมา จนกลายเป็นตำนานเล่าขานสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยคุณวิเศษอันเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่ได้พบเห็น เหล็กไหลโกฏิปีจึงเป็นต้นตำนานของแร่เหล็กไหล เหล็กไหลนั้นมีจริง ผู้ที่เคยได้พบเห็น และ สัมผัสกับแร่เหล็กไหลโกฏิปีย่อมทราบถึงความจริงในเรื่องนี้ดี ถึงแม้เหล็กไหลน้ำหนึ่งจะหาได้ยากแสนยาก แต่เหล็กไหลก็มีอยู่จริงอย่างแน่นอน ส่วนปัจจุบันที่พบเห็นการทำ เหล็กไหลปลอม ขึ้นมานั้น ก็ล้วนแต่พยายามปลอมและลอกเลียนแบบ จากเหล็กไหลอันเป็นของแท้ของจริงนั่นเอง หากไม่มีเหล็กไหลของแท้ของจริงแล้ว จะมีของปลอมขึ้นมาได้อย่างไร ? จะเอาอะไรมาเป็นต้นแบบให้ทำปลอม