ประวัติ หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง อยุธยา
หลวงพ่อเชิญ เกิดในตระกูล กุฎีสุข ที่หมู่บ้านดงตาล ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีมะแม ตรงกับวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2450 โยมบิดาชื่อ นายเคลือบ โยมมารดาชื่อ นางโล่ , หลวงพ่อเชิญ ท่านเป็นบุตรคนโต มีน้องอีกสองคน เป็นฝาแฝดหญิงทั้งคู่ชื่อ นางเจียม และ นางจอม
โยมมารดาของ หลวงพ่อเชิญ ถึงแก่กรรมตอนท่านอายุเพียง 5 ขวบ ท่านจึงต้องอยู่ในความเลี้ยงดูของโยมบิดาแต่ผู้เดียว ทุกวันโยมบิดาต้องออกไปทำนา ท่านต้องรับภาระเลี้ยงดูน้องสาวฝาแฝดสองคน นับเป็นความยากลำบากมาก เพราะท่านเองเพิ่งมีอายุเพียง 5-6 ขวบเท่านั้น
เมื่อท่านอายุได้ 8 ขวบ โยมบิดาพาไปฝาก หลวงพ่อขาบ วัดฤาไชย ต.กุฎี อ.ผักไห่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของโยมบิดา เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือ ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่กับ หลวงพ่อขาบ เป็นเวลา 2 ปี จนสามารถอ่านออกเขียนได้
หลวงพ่อขาบ ขณะนั้นมีตำแหน่งเป็น เจ้าคณะตำบลกุฎี ท่านเห็นว่าหลวงพ่อเชิญเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียรเฉลียวฉลาด และ ว่านอนสอนง่าย จึงนำท่านไปฝาก พระครูบวรสังฆกิจ หรือ หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอเสนา หลวงพ่อเพิ่ม ท่านนี้ เป็นพระอาจารย์ที่มีความรู้ด้านปริยัติธรรมสูงส่ง เชี่ยวชาญทั้งสมถกรรมฐาน และ วิปัสสนากรรมฐาน เพรียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตรเคร่งครัดพระธรรมวินัย นอกจากนี้ท่านยังเชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณ เรืองวิทยาคมเข้มขลัง เนื่องจากท่านเป็นศิษย์ หลวงปู่กลั่น วักพระญาติ และ หลวงปู่สุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อีกด้วย
ดังนั้น หลวงพ่อเพิ่ม จึงมีชื่อเสียงด้านแก้คุณ แก้การกระทำทางไสยศาสตร์ และ รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ชื่อเสียงของหลวงพ่อเพิ่ม สมัยนั้นจึงโด่งดังเคียงคู่ไปกับ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นสหธรรมมิกที่มีอายุแก่กว่า หลวงพ่อเพิ่ม 5 ปี
ในสมัยนั้น หลวงพ่อปาน ท่านมาพำนักที่วัดโคกทองเสมอ เมื่อปี พ.ศ.2467 หลวงพ่อเพิ่ม สร้างศาลาการเปรียญ หลวงพ่อปานก็ได้มาช่วยยกเสาเอกให้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่หลวงพ่อเพิ่มไม่ได้สร้างพระเครื่องไว้เลย คนรุ่นหลังจึงไม่มีใครรู้จักท่าน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ หลวงพ่อเพิ่ม มีไว้เป็นอนุสรณ์เพียงอย่างเดียวคือ แผ่นอิฐลงอาคมที่ก้นบ่อน้ำมนต์ 2 แผ่น อีกแผ่นหนึ่งเป็นของ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งกล่าวกันว่าน้ำมนต์ในบ่อนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อเชิญท่านนำมารดให้กับลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอ
บรรพชาและการอุปสมบท
หลวงพ่อเชิญ มาอยู่วัดโคกทองคอยรับใช้ หลวงพ่อเพิ่ม อย่างใกล้ชิดและปฏิบัติหน้าที่อย่างสม่ำเสมอ ด้วยความวิริยะอุตสาหะ และ เชื่อฟังคำสั่งสอนของ หลวงพ่อเพิ่ม เป็นอย่างดี , หลวงพ่อเชิญ บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 16 ปี ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2466 หลวงพ่อเพิ่มเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออายุครบบวชจึงอุปสมบทต่อ โดยมิได้ลาสิกขา ณ พัทธสีมาวัดโคกทอง ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2470 โดยมีพระอาจารย์องค์แรกคือ หลวงพ่อขาบ วัดฤาไชย เป็นพระอุปัชฌาย์ , หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ , พระปลัดแจ่ม วัดโคกทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาจากพระอุปัชฌาย์ว่า ปุญญสิริ
การศึกษาและพระปริยัติธรรม
หลวงพ่อเชิญ เมื่อท่านอุปสมบทแล้ว ก็ได้อยู่ช่วย หลวงพ่อเพิ่ม บูรณะวัดโคกทองเรื่อยมา พร้อมกันนั้นได้ศึกษาพระปริยัติธรรม โดยสอบได้นักธรรมตรี ตั้งแต่ตอนยังเป็นสามเณรในปี พ.ศ.2469 และ สอบได้นักธรรมโท ในปีแรกที่อุปสมบท ต่อมาอีก 8 พรรษาท่านสามารถสอบได้นักธรรมเอก สาเหตุที่ หลวงพ่อเชิญ สอบได้นักธรรมเอกช้า เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือ ท่านเอาเวลาส่วนใหญ่ช่วยงาน หลวงพ่อเพิ่ม ในการบูรณะพัฒนาวัดด้วยความอุตสาหะ ในปี พ.ศ.2474 ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นฐานานุกรมที่ พระสมุห์เชิญ
ปี พ.ศ.2478 สอบได้นักธรรมเอก พร้อมกับได้รับการแต่งตั้งเป็น พระปลัดในปี พ.ศ.2480 ท่านจึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแทน หลวงพ่อเพิ่ม ปฏิบัติภารกิจในตำแหน่ง เลขานุการเจ้าคณะอำเภอเสนา ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับแขก ดูแลพระภิกษุสามเณรภายในวัด และ จัดเตรียมสถานที่ให้แก่ผู้ป่วย ที่มารักษาตัว ถึงหลวงพ่อเชิญจะมีภารกิจมากมายเกินที่ได้เล่ามา แต่ท่านก็สามารถปฏิบัติได้ด้วยความเรียบร้อยเสมอมา จวบจนหลวงพ่อเพิ่มได้มรณภาพลงในปี พ.ศ.2491
สมณศักดิ์
พ.ศ.2491 รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโคกทอง
พ.ศ.2492 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคกทอง
พ.ศ.2505 เป็นเจ้าคณะตำบลกุฎี และ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พ.ศ.2509 เป็นพระอุปัชฌาจารย์
พ.ศ.2511 เป็นพระครูสัญญาบัติชั้นตรี ราชทินนามที่ พระครูวิชัยประสิทธิคุณ
พ.ศ.2517 เป็นพระครูสัญญาบัติชั้นโท
พ.ศ.2522 เป็นพระครูสัญญาบัติชั้นเอก
พ.ศ.2524 สำนันายกรัฐมนตรี ถวายพัดชั้นพิเศษ ในฐานะที่เป็นผู้อุปการะโรงเรียนวัดโคกทอง
( บวรวิทยา )
พ.ศ.2532 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ประทานพัดพัฒนาที่มีผลงานดีเด่นแก่ หลวงพ่อเชิญ
การศึกษาพระเวทวิทยาคม
หลวงพ่อเชิญ ท่านมีครูอาจารย์ที่แก่กล้าอาคมมากมาย เพราะท่านมีใจรักทางด้านพระเวทวิทยาคมมากกว่า การศึกษาด้านพระปริยัติธรรม เมื่อได้รับการปูพื้นฐาน โดยที่หลวงพ่อเพิ่มเป็นพระอาจารย์องค์แรก ที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆให้ อาทิ :
การศึกษาอักษรสมัย ทั้งภาษาไทย และ ภาษาขอม การท่องมนต์คาถา การลงอักขระเลขยันต์ การแพทย์แผนโบราณ ยาแก้กันกระทำคุณไสย นั่งเจริญสมาธิภาวนาพระกรรมฐาน ตลอดทั้งสมถกรรมฐาน และ วิปัสสนากรรมฐาน ฝึกมาตั้งแต่ท่านมีอายุเพียง 10 ขวบ , เมื่อครั้งที่ยังเป็นเณรก็ได้ติดตาม หลวงพ่อเพิ่ม ไปซื้อซุงที่ชัยนาท ได้แวะเวียนไปกราบ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเพิ่ม ฉนั้นหลวงพ่อเชิญจึงโชคดีได้วิชาบางประการมาจากพระปรมจารย์ผู้ที่มีวิทยาคมอันเข้มขลัง ชื่อเสียงเกรียงไกรอย่างหลวงปู่ศุข
เมื่ออุปสมบทในพรรษาแรก ก็ไปขึ้นพระกรรมฐานกับ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และต่อมาก็ได้เดินทางไปๆมาๆ ร่ำเรียนวิชากับ หลวงพ่อจง เป็นระยะเวลาหลายปี
สหายทางธรรมของ หลวงพ่อเพิ่ม คือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ชอบมาพำนักที่วัดโคกทอง , หลวงพ่อเชิญได้ฝากตัวเป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ ติดตามพายเรือไปส่ง และ พักเรียนวิชาที่วัดบางนมโคเป็นประจำ
ในปี พ.ศ.2473 หลวงพ่อเพิ่มพาท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์ พระอาจารย์อีกรูปหนึ่งของท่านคือ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อกลั่นชราภาพมากแล้ว
ในปี พ.ศ.2482 หลวงพ่อเชิญเกิดอาพาธด้วยโรคตาอักเสบ จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อพักรักษาตัวอยู่กับ หลวงปู่กล้าย วัดหงษ์รัตนาราม บางกอกใหญ่ เลยได้รับคำแนะนำวิชาการต่างๆ จากหลวงปู่กล้าย อีกรูปหนึ่ง
การมรณภาพ
หลวงพ่อเชิญ ท่านมรณภาพลงเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2543 สิริอยุได้ 93 ปี พรรษา 73