ประวัติ หลวงตาสรวง สิริปุญโญ
หลวงตาสรวง สิริปุญโญ วัดศรีฐานใน ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ท่านถือกำเนิดในสกุล ” ลุล่วง ” ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ 2473 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน7 ปีมะเมีย ณ บ้านศรีฐาน ต.กระจาย อ.คำเขื่อนแก้ว จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันคือ ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร
หลวงตาสรวง สิริปุญโญ ท่านมีพี่น้อง 6 คน โดยมี หลวงตาพวง สุขินทริโย เป็นพระพี่ชาย สมัยที่ท่านยังเด็ก มารดาของท่านมักพาไปทำบุญที่วัดป่าศรีฐานใน อยู่เสมอ วัดศรีฐานในนี้หลวงปู่บุญช่วย ธัมวโร ลูกสิษย์ของหลวงปู่เสาร์ เป็นผู้มาสร้างขึ้น ปีที่หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล พาพระสงฆ์มาวิเวกปักกลดในป่า ภายในวัดป่าศรีฐานในนั้น เป็นช่วงที่ หลวงตาสรวง ท่านเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ( ตำแหน่งที่ หลวงปู่เสาร์ มาปักกลด ปัจจุบันคือ บริเวณกุฏิหลังเก่าของ หลวงตาสรวงนั่นเอง )
ท่านได้ติดตามมารดา มาถวายภัตตาหาร หลวงปู่เสาร์ และยังได้มีโอกาสล้างเท้า หลวงปู่เสาร์ ประเคนอาหาร ล้างกระโถนให้ท่านด้วย และได้ข้าวก้นบาตรไปกินที่โรงเรียนอีกด้วย ต่อมาเมื่อ หลวงปู่เสาร์ อำลาบ้านศรีฐาน ไปวัดดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี พี่ชายท่าน หลวงตาพวง ซึ่งตอนนั้นเรียนจบแล้ว ได้มีโอกาสติดตามหลวงปู่เสาร์ ไปด้วยกันกับ หลวงปู่สอ สุมังคโล
ส่วนที่ วัดศรีฐานใน ภายหลังหลวงปู่ดี ฉันโน ศิษย์เอกของ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นได้มาเป็นเจ้าอาวาส ทำให้ หลวงตาสรวง เมื่อครั้นยังเป็นเด็กได้มีโอกาสฟังธรรม จากพระกัมมัฏฐาน และเป็นการปลูกฝังนิสัย ในทางพระพุทธศาสนาเพิ่มเติมขึ้นไปอีก
การอุปสมบท
หลวงตาสรวง ท่านอุปสมบท เมื่ออายุ 23 ปี ตรงกับวันที่ 1 กรกกฎาคม พ.ศ 2496 ณ วัดศรีฐานใน จ.ยโสธร โดยมีพระครูพิศาลศีลคุณ ( หลวงปู่โฮม วิสาโท ) เป็นพระอุปัชฌาย์ , หลวงปู่บุญสิงห์ สีหนาโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ , หลวงปู่คำสิงห์ อาภาโส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ” สิริปุญโญ ” มีความหมายว่า ” ผู้มีบุญอันประเสริฐ ”
หลังจาก ท่านบวชแล้ว ได้ไปศึกษาธรรมกับอาจารย์หลายๆรูป เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร , หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร , หลวงปู่ชอบ ฐานสโม , หลวงปู่ขาว อนาลโย , หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นต้น
โอวาทธรรมคำสอน หลวงตาสรวง สิริปุญโญ
” กรรมฐาน 5 พระอุปัชฌาย์ให้แล้วตั้งแต่บวช ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ให้พิจารนา ให้จิตมันเบื่อหน่ายกาย มันถึงจะได้ไม่มาเกิดอีก ถ้าไม่เบื่อมันก็มาเกิดอีก ถ้าเกิดอีกก็แสดงว่า ยังมีบาป ยังมีบุญ….”
หลวงตาสรวง ท่านได้ศึกษาธรรมอยู่กับ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่วัดถ้ำขาม จ.สกลนคร ช่วงที่อยู่ถ้ำขามนั้น หลวงตาสรวง ท่านเล่าว่า เสือมันร้องอยู่ตลอด ทำให้จิตไมค่อยเป็นสมาธิ เพราะกลัวเสือ
วันหนึ่งหลังสรงน้ำ หลวงปู่ฝั้น เสร็จก็ไปนวดเส้นท่าน หลวงปู่ฝั้นถามว่า “ท่านภาวนากันยังไง ภาวนาแบบไหน ไม่มีพุทโธ ระวังพวกช้างพวกเสือ จะมาคาบไปกินหล่ะ” พอหลวงปู่ฝั้นพูดเสร็จ ก็ยิ่งทำให้ท่านเกิดความกลัวยิ่งขึ้น หลวงปู่ฝั้นจึงบอกว่า ” ขยับมานี่ จะบอกคาถาลี้ช้างลี้เสือให้ ” จากนั้นหลวงปู่ฝั้น ก็มาจับที่มือ ตอนที่เราประนมมือไหว้อยู่ ชี้ลงที่กลางหน้าอก และบอกว่า ” ให้เอาจิตจี้ลงตรงนี้ จี้ลงลึกๆ อย่าให้มันออกไปที่อื่น ให้มันเข้าไปที่โครงกระดูกลึกๆโน่น ให้ทำทุกวัน อย่าให้มันส่งออกไปที่อื่น ”
จากนั้นจึงได้ทำตามคำสอนของ หลวงปู่ฝั้น พอกับไปที่กุฏิ ก็ได้ยินเสียงเสือมันร้องอีก ก็เลยกำหนดทำตามคำสอน เอาจิตจดจ่อไปที่กลางอกเข้าไปที่กลางกระดูก พอจิตสงบก็เห็นโครงกระดูกทั้งร่าง ภาวนาต่อไปจนจิตมันสงบ มารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว
หลวงตาสรวงเล่าต่อว่า ” พอจิตมันเข้าไปอยู่ที่ตรงนั้นแล้ว มันมีอำนาจมาก ไม่รู้สึกกลัวช้างกลัวเสือเลย มีแต่ความกล้าหาญ หากเราเคยทำกรรมกับมันไว้ก็ขอให้เสือมันกินเลย จะได้หมดเวรหมดกรรม ” นี่แหละ หลังจากนั้นก็ไม่กลัวช้างกลัวเสืออีกเลย
ศึกษาธรรมอยู่กับ หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร ที่วัดป่าเขารัง จ.อุดรธานี
ช่วงที่ พระอาจารย์สรวง จำพรรษาอยู่กับ หลวงปู่มหาบุญมี ได้มีโอกาสอุปัฏฐากรับใช้ท่านด้วย ในพรรษานี้ พระอาจารย์สรวง ท่านได้ถือเนสันชิก คือถืออริยบท 3 ยืน เดิน และนั่ง ไม่เอนกายนอนตลอดไตรมาส
หลวงปู่มหาบุญมี ท่านก็ต้องการทดสอบว่า ลูกศิษย์จะมีความตั้งใจมากน้อยแค่ไหน วันหนึ่งท่านได้ไปนวดจับเส้นที่เท้า หลวงปู่มหาบุญมี ขณะที่นวดๆอยู่ ก็รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน และไม่รู้สึกตัว หลับฟุบคาขาของท่าน หลวงปู่มหาบุญมี ก็เลยใช้เท้าถีบ พระอาจารย์สรวง ติดฝาผนังกุฏิ พอพระอาจารย์สรวงรู้สึกตัวก็ค่อยๆ คลานเข้าไปจับเส้นที่เท้าต่อ พอเริ่มหลับก็โดนอีกนับไปนับมาคืนนั้นโดนยันไป 3 รอบ
ต่อจากนั้น หลวงปู่มหาบุญมี ก็ลุกขึ้นไปเดินจงกลม พระอาจารย์สรวงเห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นไปเดินจงกลมเช่นกัน เมื่ออาจารย์ท่านเดินจงกลมไม่หยุด ลูกศิษย์ก็ต้องเดินต่อทั้งง่วงๆ อย่างนั้นแหละ เดินจนสว่าง หลวงปู่มหาบุญมี ท่านก็สะพายบาตรไปที่ศาลา พระอาจารย์สรวงก็เตรียมหาน้ำไปถวายหลวงปู่ ล้างหน้า บ้วนปาก และทำข้อวัตรตามปกติ
หลวงปู่มหาบุญมี ได้ถาม พระอาจารย์สรวง ว่า ” เป็นอย่างไร กิเลสตัวใหญ่มั้ย มันตัวใหญ่ขนาดไหนนะกิเลส ” พระอาจารย์สรวง ตอบว่า ” ไม่ได้มีอะไรครับ หลวงปู่ ดีแล้วที่ หลวงปู่ ตักเตือนให้ ทำให้มีสติขึ้นมาพอสมควรครับ”
ถ้าเป็นพระรูปอื่นโดนแบบนี้คงหนีหายไปเลย หรือไม่ก็โกรธเคืองครูบาอาจารย์เป็นอย่างมาก แต่สำหรับ พระอาจารย์สรวง ท่านกลับขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงปู่มหาบุญมี ที่ให้ข้อคิด และทำให้ท่านสามารถตั้งฐานตั้งตัวนี้ ให้มั่นคง ในการประพฤติปฏิบัติต่อไปได้
ศึกษาธรรมอยู่กับ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ที่วัดป่าอัมพวัน
คืนหนึ่งท่านได้จับเส้นถวายหลวงปู่ชอบ หลวงปู่จึงถามถึงการทำความเพียรว่า “เอาจิตไว้ที่ไหน” จึงกราบเรียนท่านไปว่า ” หลวงปู่ฝั้น บอกให้ดูที่อก เอาไว้ในโครงกระดูกข้างใน กระผมจึงดูที่หัวใจตั้งแต่นั้นมา” หลวงปู่ชอบพูดว่า “เออดี ให้ทำอยู่ทุกวัน ทุกคืน ทุกลมหายใจเข้าออก ขอให้เร่งเร็วๆ ให้เดินหน้า อย่าถอยหลังนะ ” พอจับเส้นเสร็จก็ออกจากกุฏิของท่าน ไปเดินจงกลมต่อ ซึ่งทางจงกลมอยู่ไม่ไกลจากกุฏิ หลวงปู่ชอบ มากนัก สักครู่ได้มองเห็นแสงสว่างเจิดจ้า สว่างไสวพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า ทางด้านกุฏิ หลวงปู่ชอบอยู่ที่เนินสูงๆ อีกสักครู่ก็ได้ยินเสียงชาวบ้านตื่นตระหนกตกใจ พากันวิ่งกรูพร้อมถือขันน้ำ ร้องเรียกไฟไหม้ๆ กุฏิ หลวงปู่ชอบ
พอไปถึง กุฏิ หลวงปู่ชอบ ท่านออกจากสามธิ แล้วบอกลูกหลานชาวบ้านว่า ” พากันมาทำไม ไม่เห็นมีไฟไหม้ ที่ไหน ” แสงไฟอันนี้ไม่มีพิษภัยกับใคร เป็นแสงศีลแสงธรรมนั่นเอง การที่เกิดเป็นแสงรัศมีโชติช่วงในบริเวณกุฏินั้น เป็นพระอนิสงส์จากการภาวนานั่นเอง
เดือนมกราคม ปี พ.ศ 2556 เวลาประมาณตี4 ตี5 ขณะที่หลวงตาสรวง ท่านกำลังพักอยู่ภายในกุฏิ ได้มีเทวบุตร เทวดา จำนวนมากมายมหาศาล ลอยผ่านมาทางอากาศ เมื่อผ่านมาทางวัดศรีฐานใน ก็ลงมากราบมนัสการท่าน แล้วลอยไปทายทิศตะวันออกเฉียงเหนือต่อ ไปทาง จ.มุกดาหาร เป็นจำนวนมากเต็มท้องฟ้า มีเทวดาเป็นหมื่นเป็นแสนลอยอยู่เต็มท้องฟ้าเลย
พอช่วงเช้า เวลาฉันจังหัน หลวงตาสรวง จึงได้เล่าเหตุการนี้ให้พระสงฆ์ที่วัดฟัง เรื่องเห็นเทวดาจำนวนมากมายลอยอยู่บนอากาศ
พอเมื่อเวลาสายๆใกล้ๆเที่ยง พระที่วัดจึงมากราบเรียนว่า มีโยมโทรศัพท์มาแจ้งว่า “หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ท่านละสังขาลลงเมื่อเวลา 09.09 น.ช่วงเช้าวันนี้เอง ( วันเสาร์ที่ 19 มกราคม ปี พ.ศ 2556 ) หลวงตาสรวง ท่านจึงพูดว่า ” มิน่าถึงได้เห็นเทวดาจำนวนมากมายมหาศาลลอยมาทั่วทุกทิศทุกทาง ที่แท้ก็เพื่อมารับ หลวงปู่จาม เรานี่เอง ”
การมรณะภาพของ หลวงตาสรวง
หลวงตาสรวง สิริปุญโญ ได้ละสังขาลลงด้วยอาการสงบ ณ กุฏิภายในวัดศรีฐานใน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ตรงกับวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2560 เมื่อเวลาประมาณ 05.00 นาฬิกา สิริอยุ 86 ปี 9เดือน 19 วัน พรรษา 64
ขอกราบน้อมส่ง หลวงตาสรวง สิริปุญโญ สู่แดนพระนิพพาน ธรรมอันใดที่ท่านได้เห็นธรรมอันประเสริฐดีแล้ว ขอผู้อ่านได้รู้ธรรม เห็นธรรม นั้นด้วยเทอญ
” ถ้าความเพียรของเรากล้า มันเผาได้หมดทุกอย่าง เผากิเลสได้หมด เผาความโลภ ความโกรธ ความหลง ออกจากหัวใจของสัตว์โลก เผาได้หมดทุกอย่าง ในร่างกายของเรานี้อะไรจะมาขวางไม่ได้ จะมาปิดบังไม่ได้ “
เป็นอีกหนึ่งโอวาทธรรมคำสอนของ หลวงตาสรวง สิริปุญโญ