เวทมนตร์คาถาที่เข้มขลัง
เรื่องเวทย์มนต์คาถา เป็นความรู้หรือศาสตร์แขนงหนึ่ง ซึ่งเรียกกันว่าไสยศาสตร์ ในบรรดาศาสตร์ทั้งหลายมีวิทยาศาสตร์เป็นต้น เป็นศาสตร์ที่ลึกลับน่าอัศจรรย์ ยากแก่การพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะเป็นเรื่องของจิตใจ เป็นนามธรรมลูบคลำสัมผัสไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เป็นของเหลือวิสัยมนุษย์ จะศึกษาค้นคว้าได้ ถ้าตั้งใจและสนใจจริง ข้อแรกต้องปลูกฝังศรัทธาความเชื่อ ความเลื่อมใสในสิ่งที่จะศึกษาเสียก่อน แล้วพยายามทำใจให้แน่วแน่เป็นสมาธิ จึงเริ่มศึกษามนต์บทนั้นๆ ด้วยความไม่ประมาท ท่านก็จะประสบผลสำเร็จพระคาถาบทเดียวกัน หรือพระเครื่ององค์เดียวกันคนหนึ่งเอาไปใช้ขลัง แต่อีกคนหนึ่งเอาไปใช้กลับไม่ได้ผล ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเหตุใด เพราะจิตใจของเขามั่นคงแน่วแน่ไม่เท่ากัน
คนสมัยใหม่บางคน พอได้ยินคำว่าคาถาแล้ว จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ หรือตลกขบขันทีเดียว เพราะเขาไม่เคยได้ลองใช้พระคาถาให้เป็นประโยชน์ หรือไม่เคยได้รับพลังสำผัสจากคาถาเวทมนตร์ใดๆเลย
พระคาถานั้นโดยมากจะย่อมาจากหัวใจ หรืออักษรต้นของสูตรแต่ละสูตร เพื่อใช้จำง่าย เช่น หัวใจอิติบิโส “อิ สวา สุ” อิ ก็ย่อมาจาก อิติปิโส , สวา ย่อมาจาก สวากชาโต ส ย่อมาจาก สปะภูบันโน หรือหัวใจปฏิสังขาโย ว่า”จิ บี เสกิ” ย่อมาจาก จีวะรัง. ปี ย่อมาจาก บีณฑะปาตง เส ย่อมาจาก เสนาสะนง คิ ย่อมาจาก คิลานะเภสัชชง เป็นต้น
พระภิกษุสงฆ์ที่ท่านทำน้ำมนด์หรือเจิมวัตถุสิ่งของ ท่านก็ใช้พระคาถาทั้งนั้น แต่ละองค์ท่านก็ใช้บทที่ท่านนับถือยกย่องว่าขลัง ซึ่งท่านได้เลือกเฟ้นมาจากสูตรต่างๆ…
แม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทรงปฏิวิตีความเชื่อของมนุษย์ ให้เลิกเชื่ออำนาจผีสางเทวดา เลิกถือพระเจ้าเบื้องบน ให้เชื่อ แต่บุญการกระทำชั่วของตน ให้ถือว่าผลทุกอย่างย่อมมาจากเหตผลชั่วมาจากเหตุที่ทำความชั่วเช่นนี้ก็ยังไม่สามารถละทิ้งเรืองมนต์คาถาได้ ดังมีเรื่องเล่าอยู่ในพุทธประวัติว่า พระพุทธเจ้าทรงถือมนต์หนึ่งชื่อว่า “โพชณังคปริต” เป็นมนต์ที่ทำให้หายโรคภัยไข้เจ็บได้ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับโพชณังคปริตนี้ถึง 3 ครั้งว่าครั้งที่หนึ่ง พระมหากัสสป สาวกผู้ใหญ่องค์หนึ่งอาพาธหนัก ที่ถ้ำปีปผลิต พระพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยม ถามว่ามีการเจ็บป่วยมากหรือพระมหากัสสปกราบพูลว่าอาการเจ็บบ่อยมาก จนรู้สึกว่าร่างกายไม่สามารถจะทนต่อไปได้ พระพุทธเจ้าทรงสวดโพชณังคปริต ซึ่งมีข้อความดังนี้
โพชณังโค สะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถาวิรยมบัติบัสสัทธิ
โพชฌังตา จะ ตะถาปะเรสะมาธุเปกขะโพชณังคา
สังเต เต สัพพะทัสสินามุนนา สมมะทุกขาตา
ภาวิตา พะหุลีกะตาสังวัตตันติ อะภิญญายะ
นิพพานายะ จะ โพธิยาฯ
ความในบทนี้มีว่า ” องค์แห่งการตรัสรู้นั้น มีอยู่ คือ
1. สติ ความระลึกได้
2. ธรรมวิจยะ การคิดค้นธรรม
3. วิริยะ ความเพียร
4. บีติ ความอิ่มใจ
5. ปัสสัทธิ ความตั้งใจแน่วแน่
6. สมาธิความตั้งใจมัน
7. อุเบกขา ความวางเฉย รวมเป็น ประการ ซึ่งนักปราชญ์ได้ทำให้เกิดมีมากขึ้นแล้ว ก็เป็นหนทางให้ตรัสรู้และบรรลุถึง” พระนิพพาน” ความมีอยู่เท่านี้ ไม่ได้เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บอะไร
แต่ในพระพุทธประวัติ กล่าวว่า เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงโพชฌังคปริตให้ พระมหากัสสปพึง ท่านก็หายป่วย