หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน กรุงเทพฯ
ชื่อเสียงของ หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน จ.กรุงเทพฯ นั้นโด่งดังมาหลายทศวรรษ เพราะเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้สร้าง พระปิดตา เนื้อผงคลุกรัก ที่มากด้วยพุทธคุณ
หลวงปู่ไข่ ท่านเป็นชาวแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา เกิดที่ตำบลท่าไข่ อำเภอเมือง จังเดินธุดงค์อย่างนี้อยู่นานราว 15 ปี เกียรติคุณของท่านก็ดังจนทางกรุงเทพฯ มีผู้ไปนิมนต์ท่านไปอยู่วัดบางยี่เรือ จังหวัดธนบุรี 1 พรรษา แล้วท่านก็ออกเดินธุดงค์ในป่าอีกหลายปี สุดท้ายเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ และได้เห็นว่าที่คณะกุฏิวัดบพิตรพิมุขเป็นที่สงบเงียบดี เพราะมีพระน้อย กุฏิต่างๆ ก็เป็นที่เก็บศพและเป็นที่ถ่ายอุจจาระของชาวบ้าน คงไม่มีใครรบกวนมากนัก ก่อนท่านจะมาอยู่วัดบพิตรพิมุข (วัดเชิงเลน) ซึ่งเป็นวัดสุดท้ายที่ท่านพำนักอยู่
ในปี พ.ศ.2460 วัตถุมงคลของท่านก็เริ่มออกสู่สายตาผู้มานมัสการเป็นครั้งแรก แต่ละครั้งที่ท่านสร้างจะมีจำนวนไม่มากนัก โดยยึดหลักว่า “หมดแล้วทำใหม่” วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม มีด้วยกัน 3 ชนิดใหญ่ ๆ คือ พระปิดตา เหรียญรูปไข่ และพระอรหังกลีบบัว สำหรับพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักของท่าน เริ่มสร้างมาตั้งแต่เมื่อประมาณปี 2460 เป็นต้นมา ส่วนเหรียญรูปไข่สร้างในคราวทำบุญอายุครบ 6 รอบ ส่วนพระอรหังกลีบบัว เป็นพระเนื้อดินผสมผง มีทั้งเคลือบและไม่เคลือบ เนื้อผงคลุกรักนับว่าเป็นพระปิดตาที่หาได้ค่อนข้างยากมากในปัจจุบันนี้.
ประวัติหลวงปู่ไข่
ตอนท่านอายุได้ราว 6 ขวบ โยมชายได้นำตัวไปฝากเป็นศิษย์หลวงพ่อปาน วัดโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา (วัดโสธรวราราม) ต่อมาก็บวชเป็นสามเณร นอกจากเรียนหนังสือแล้วยังหัดเทศน์ด้วย จนมีชื่อเสียงในทางเทศน์มหาชาติ เมื่อหลวงพ่อปาน วัดโสธร มรณภาพแล้ว หลวงปู่ไข่จึงได้เดินทางไปอยู่กับพระอาจารย์จวง วัดน้อย อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี จนท่านอายุ 15 ปี พระอาจารย์จวงได้มรณภาพ แล้วท่านก็เดินทางไปอยู่ ณ สำนักสงฆ์พระอาจารย์รูปหนึ่งที่วัดหงษ์รัตนาราม อำเภอบางกอกใหญ่ จังหวัดธนบุรี เรียนปริยัติธรรมอยู่ 3 ปีเศษ แล้วย้ายไปอยู่กับพระอาจารย์เอี่ยม วัดลัดด่าน อำเภอแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม จนครบบวช ท่านได้อุปสมบทที่วัดลัดด่าน มีพระอาจารย์เนตร วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นพระอุปัชฌาจารย์ พระอาจารย์เอี่ยม วัดลัดด่าน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ภู่ วัดบางกระพ้อม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้ว ขึ้นไปเรียนพระกรรมฐานต่อยังอาจารย์อีกรูปหนึ่ง (ไม่ปรากฏนาม) ซึ่งอยู่ริมภูเขา จังหวัดกาญจนบุรี แล้วกลับไปอยู่วัดลัดด่านอีก นอกจากนั้นธุดงค์ไปหาพระอาจารย์ เรียนพระกรรมฐานวิปัสสนา ทางอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี แล้วไปหาอาจารย์ทางจังหวัดกาญจนบุรีในถ้ำ เรียนพระกรรมฐานและวิปัสสนาเป็นเวลานานถึง 6 ปี ท่านเล่าว่าในระหว่างอยู่ในถ้ำนั้นตกกลางคืน จะมีสิงสาราสัตว์ต่างๆ เข้ามานอนล้อมกลด เช้ามืดต่างออกไปหากิน ส่วนท่านก็จะบิณฑบาตเป็นกิจวัตร และฉันมื้อเดียว เมื่อท่านศึกษาอยู่ในถ้ำนั้นนานพอเห็นว่าจะช่วยเหลือสัตว์โลกได้พอสมควร ท่านก็เดินธุดงค์ออกจากถ้ำไปในที่ต่างๆ โดยไม่ยอมขึ้นรถลงเรือ และไม่มีจุดหมายปลายทาง พอมืดที่ไหนก็กางกลดนอนที่นั่น เช้าก็ออกเดินธุดงค์ต่อไป ในระหว่างทางมีราษฎรมาขอความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องตกทุกข์ได้ยาก หรือเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเป็นบ้า เสียจริต ท่านมีจิตเมตตาช่วยรักษาให้ตามที่อธิษฐานของทุกคน.
ท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2474