หลวงปู่เพิ่ม ปุณณวสโน วัดกลางบางแก้ว
หลวงปู่เพิ่ม ปุณณวสโน นามเดิมว่า “เพิ่ม” หรือ พระพุทธวิถีนายก ท่านเกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2429 ที่ตำบลไทยวาส อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โยมบิดาชื่อ เกิด โยมมารดาชื่อ วรรณ ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 8 ขวบ สืบต่อมาจนอายุครบบวช จึงได้อุปสมบทในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2450 ณ พัทธสีมาวัดกลางบางแก้ว โดยมีสมเด็จพระสังฆราชแพ ครั้งยังดำรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระวันรัต วัดสุทัศน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการจอม เจ้าอาวาส วัดตุ๊กตา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูทักษิณานุกิจ วัดสรรเพชญ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์.
การอุปสมบท
เมื่อท่านอุปสมบทแล้วก็ได้เล่าเรียนพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดกลางบางแก้วตลอดมา และถือได้ว่าหลวงปู่เพิ่ม ท่านเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงปู่บุญมากที่สุด เพราะท่านบวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ก็อยู่ปฏิบัติรับใช้หลวงปู่บุญมาตลอดจนกระทั่งหลวงปู่บุญมรณภาพ เป็นเวลาถึง 39 ปี ตลอดเวลานั้นท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งทางด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระ ตลอดจนเวทวิทยาคมต่างๆ ไว้มากมาย หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วท่านเป็นพระสงฆ์ที่บริสุทธิ์ผุดผ่องด้วยศีล สมาธิ และปัญญาธรรม เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาธรรม หมดสิ้นกิเลสทั้งปวง หลวงปู่ท่านเป็นพระที่พูดจาไพเราะอ่อนหวาน สำเนียงของท่านนั้นมีแววความเมตตาผสานเอาไว้ใครได้ฟังแล้วจะรู้สึกชุ่มชื่นใจ ใครๆ ได้สนทนากับท่านแล้วจะรู้สึกเคารพศรัทธาท่านทุกคนไป.
สมณศักดิ์
หลวงปู่เพิ่มท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดกลางบางแก้วเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2481 ปีพ.ศ.2482 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ปีพ.ศ.2483 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี ปีพ.ศ. 2489 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครู พุทธวิถีนายก ปีพ.ศ.2495 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอกในราชทินนามเดิม ปีพ.ศ. 2503 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญมีราชทินนามว่า พระพุทธวิถีนายก หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วท่านมรณภาพ ด้วยโรคชราด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2526 สิริอายุได้ 97 ปี พรรษาที่ 76 (อายุของหลวงปู่ในปีนั้นๆ)
กรรมวิธีการทำเบี้ยแก้ของหลวงปู่เพิ่ม
ผู้ที่ต้องการเบี้ยแก้จะต้องไปจัดหา หอยเบี้ย 1 ตัว ปรอทน้ำหนัก 1 บาท ชันนะโรงใต้ดินกลางแจ้ง 1 ก้อน แผ่นตะกั่วขนาด 4 x 5 นิ้ว 1 แผ่น เอาของทั้งหมดใส่ถาดพร้อมดอกไม้ธูปเทียนไปถวายหลวงปู่ท่านจะรับสิ่งของเอา ไว้ จากนั้นท่านจะเสกปรอทแล้วเทปรอทจากขวดใส่ฝ่ามือเรียกเอาปรอทใส่เบี้ย แล้วอุดด้วยชันนะโรงที่ปากหอย จากนั้นท่านจะส่งถาดคืนให้พร้อมหอยที่กรอก แล้วบางทีท่านจะบอกว่า “ไปขอให้ท่านสมุห์เจือเขาทำให้นะจ๊ะ” หมายถึงผู้ที่ทำเบี้ยแก้จะต้องเอาสิ่งของดังกล่าวไปหาพระสมุห์เจือกุฏิริม แม่น้ำนครชัยศรี สมุห์เจือก็จะเอาแผ่นตะกั่วมาห่อหุ้มหอยเบี้ยที่กรอกปรอทเอาไว้แล้วใช้ด้าม มีดเคาะจนแผ่นตะกั่วแนบสนิทกับตัวหอย การทำเบี้ยแก้นี้นานประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง จนกระทั่งแผ่นตะกั่วเรียบสนิทดี ฝีมือการเคาะนี้หากไม่มีความชำนาญ เบี้ยจะออกมาไม่สวย และเมื่อเอาให้หลวงปู่ลงจารอักขระจะจารยากมาก พระสมุห์เจือมีความชำนาญมาก ท่านเคาะเบี้ยแก้เป็นประจำมานานไม่น้อยกว่า 30 ปีแล้ว จนปัจจุบันท่านรับภาระทำเบี้ยแก้แทนหลวงปู่ได้ขลังและเป็นที่รู้จักกันดีทั่วไป เมื่อหุ้มตะกั่วแล้วผู้ทำเบี้ยจะต้องนำเบี้ยแก้ที่หุ้ม นั้นไปหาหลวงปู่อีกครั้ง ถวายให้ท่านลงจารอักขระบนตะกั่วที่ห่อหุ้มเบี้ยเอาไว้ บางรายก็เอาผ้าแดงผืนเล็ก ๆ ให้หลวงปู่ลงยันต์ให้ด้วยก็มี พอท่านจารเสร็จก็จะปลุกเสกให้ บางทีท่านอาจให้มารับวันหลัง บางทีท่านก็จะปลุกเสกให้เดี๋ยวนั้น
หลังจากหลวงปู่ปลุกเสกและจารอักขระให้เสร็จก็เป็นอันว่า เสร็จเรียบร้อย แต่ส่วนใหญ่จะนำเอาเบี้ยแก้ที่ปลุกเสกเสร็จแล้วกลับไปหา “สมุห์เจือ” อีกครั้งหนึ่งเพื่อขอให้ท่านถักเชือกหุ้มห่อหอยเบี้ยแก้ให้ ซึ่งพระสมุห์เจือมีฝีมือการถักเป็นเยี่ยมมาก
อานุภาพเบี้ยแก้
– ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตรหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูตผีปีศาจ อาถรรพณ์เวท ทำให้มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวง อุบาทวเหตุ อุบาทวภัยทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข่ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล
– ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า ข้าวตอก ดอกไม้แก้บาทวพิษ บาทยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ทรางชักรางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลงในคุณพระศรีรัตนตรัยใช้ได้แล
– เมื่อเข้าศึกสงครามให้เอาไว้ด้านหน้าสารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย ดุจฝนเสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล
– ปลิงก็ดี ทากร้ายก็ดี มีในป่ามืด ในน้ำห้วยหนอง คลองบึง มันไม่เก่าะกินเลือดทั้งวัวทั้งควาย ช้างม้าก็ดีแล แก้งูพิษ เขี้ยวขนอน แมวเซา เห่าแก้วก็ดีมิต้องกายมาขบกัดเลยแล
ความเชื่อตั้งแต่ยุคคนโบราณสืบเนื่องมา จนถึงปัจจุบัน เบี้ยแก้ที่สร้างอย่างถูกต้องตามตำราและผ่านการปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์ คือ อิทฤทธิ์วิทยาคมแก่กล้า แห่งการปกป้อง คุ้มครอง แก้สิ่งเลวร้าย